ใบหน้าของหลิวชวนสว่างขึ้นด้วยความหวังใหม่ "ขอบคุณครับเถ้าแก่"
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก ถือว่าฉันตอบแทนที่ช่วยฉันวันนี้" เถ้าแก่โบกมือ "ว่าแต่จะเข้ามาในเมืองอีกเมื่อไหร่?"
"พรุ่งนี้ครับ" หลิวชวนตอบทันที "วันนี้คงไปที่ตลาดหลงหยางไม่ทันแล้ว เพราะต้องปั่นจักรยานกลับบ้าน ถ้ากลับค่ำมันจะมืดมองไม่เห็นทาง พรุ่งนี้ผมจะเข้ามาหาพ่อค้าเมิ่งแต่เช้าเลยครับ"
"ดี" เถ้าแก่พยักหน้า "หลังจากไปหาเมิ่งเทาแล้วก็กลับมาที่ร้านนี้นะ มาฟังผลว่าบุยยาแบสทำผลงานได้ดีไหม ผู้จัดการจี้ประทับใจหรือเปล่า จะได้บอกฉันด้วยว่าเมิ่งเทาจะช่วยนายไหม"
หลิวชวนลุกขึ้นโค้งคำนับขอบคุณเถ้าแก่ถึงสามครั้ง หัวใจพองโตด้วยความหวังใหม่ที่เพิ่งผลิบาน ราวกับต้นไม้ที่กำลังจะตายแล้วได้รับหยาดน้ำค้างมาชโลมใจ เขาแทบจะปิดบังรอยแห่งความสุขในแววตาเอาไว้ไม่มิด
"ว่าแต่นายยังไม่ได้สอนฉันทำหมั่นโถวปิ้งเลยนะ" พ่อครัวติงแทรกขึ้น "เย็นนี้ฉันจะทำขึ้นโต๊ะผู้จัดการจี้ได้ยังไง?"
"ไม่ยากครับ เดี๋ยวผมสอนให้" หลิวชวนใช้เวลาอีกครู่ใหญ่สอนพ่อครัวติงทำหมั่นโถวปิ้ง พร้อมทั้งย้ำขั้นตอนการทำบุยยาแบสทั้งสองแบบอีกครั้ง ด้วยความชำนาญของพ่อครัวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในครัวมานาน เพียงได้เห็น ได้ชิม และได้รับคำแนะนำอย่างละเอียดจากหลิวชวน พ่อครัวติงก็มั่นใจว่าเขาเองก็จะทำได้ไม่มีผิดพลาดในตอนเย็นอย่างแน่นอน
หลิวชวนจึงลากลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม โชคยังเข้าข้างเขาในวันนี้ การเดินทางเข้าเมืองครั้งนี้นับว่าไม่เสียเที่ยว
เมื่อร่างของชายหนุ่มลับหายไปจากประตูครัว เถ้าแก่ร้านที่นั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะพักจึงหันมาหาพ่อครัวติงที่กำลังเก็บล้างอุปกรณ์
"น่าสนใจจริงๆ..." เถ้าแก่เอ่ยขึ้นช้าๆ ดวงตาฉายแววครุ่นคิด "หลิวชวนคนนี้... เขาไม่เหมือนชาวประมงธรรมดาทั่วไปเลย"
พ่อครัวติงหยุดมือจากการเช็ดชาม หันมามองเถ้าแก่ด้วยความสนใจ
"ถ้าเราสร้างความสัมพันธ์กับเขาไว้..." เถ้าแก่วางถ้วยชาลงช้าๆ "ฉันเชื่อว่าพวกเราจะได้ประโยชน์ในอนาคตแน่ๆ"
"ผมก็คิดเหมือนกันครับ" พ่อครัวติงพยักหน้าเห็นด้วย ดวงตาเป็นประกาย "เขาต้องมีรายการอาหารใหม่ๆ ดีๆ อีกหลายอย่างแน่ๆ" เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"บางที... ถ้าเย็นนี้ผู้จัดการจี้ประทับใจในบุยยาแบส ผมอาจจะถามถึงรายการอาหารอื่นๆ ดูบ้าง" รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเขา "ใครจะรู้... บางที หยูถิงอาจจะได้ขึ้นมาเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในห้าของถนนเจิ้งหยางก็ได้"
เถ้าแก่พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหันมามองพ่อครัวติงด้วยสายตาจริงจัง "เย็นนี้... มั่นใจแล้วใช่ไหมว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด?"
"ไว้ใจผมได้เลยครับ" พ่อครัวติงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ผมถามหลิวชวนมาหมดแล้ว ทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด"
เถ้าแก่พยักหน้ารับ ลุกขึ้นยืน ก้าวเข้าไปตบมือลงบนไหล่ของพ่อครัวติง "อนาคตของหยูถิงก็ขึ้นอยู่กับเย็นนี้แล้ว"
แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่างครัวเป็นลำแสงอ่อนๆ สาดกระทบลงบนโต๊ะที่เพิ่งผ่านการชิมอาหารไป ความหวังใหม่กำลังก่อตัวขึ้นในร้านหยูถิง พร้อมๆ กับที่ชายหนุ่มจากหมู่บ้านชาวประมงกำลังปั่นจักรยานกลับบ้าน พร้อมความฝันที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในใจ
"พ่อกลับมาแล้ว มีขนมของเสี่ยวเป่าไหม" เสียงสดใสของเด็กน้อยดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าเร่งรีบที่วิ่งออกมาจากหน้าบ้าน ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นร่างของพ่อที่กำลังถือห่อผ้าสีครามใบเดิม ห่อข้าวที่แม่เตรียมให้ตอนเช้า เสี่ยวเป่าวิ่งตรงเข้าหาพ่อด้วยความดีใจ ตามมาด้วยหลี่หรงที่รีบเดินตามลูกชายมาอย่างห่วงใย
หลิวชวนวางห่อผ้าลงข้างตัว ก่อนจะย่อตัวลงแล้วกางแขนออก รอยยิ้มอบอุ่นประดับบนใบหน้า "แน่นอนว่าต้องมีขนมของเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว" เขาคว้าร่างเล็กๆ ของลูกชายเข้ามากอด พลางอุ้มขึ้นในอ้อมแขน ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจ
"พ่อพูดจริงใช่ไหม เสี่ยวเป่ารักพ่อที่สุด" เด็กน้อยซุกใบหน้าเข้ากับแก้มของพ่อ ก่อนจะหอมแก้มดังฟอด หลิวชวนหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู "พ่อก็รักเสี่ยวเป่า" เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อพลางมองไปทางภรรยาที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล "แล้วก็รักแม่ของเสี่ยวเป่าด้วย"
หลี่หรงที่ยืนมองภาพพ่อลูกอยู่ตรงนั้น รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แก้มเธอขึ้นสีระเรื่อเมื่อได้ยินคำพูดของสามี "พี่ชวนปากหวานอีกแล้วนะ" เธอเอ่ยเสียงนุ่ม ก่อนจะถามด้วยความห่วงใย "เป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยไหม เอารถจักรยานไปคืนลุงเหลาก่อนกลับบ้านใช่ไหม"
หลิวชวนพยักหน้ารับ ดวงตาฉายแววตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด "พี่พูดความจริง" เขาตอบก่อนจะชวนทุกคนเข้าบ้าน "เข้าบ้านกันเถอะ พี่มีเรื่องเล่าให้ฟังเยอะเลย"
หลี่หรงเอื้อมมือไปรับห่อผ้าสีครามจากมือสามี ขณะที่หลิวชวนอุ้มเสี่ยวเป่าด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือโอบเอวภรรยาอย่างทะนุถนอม พวกเขาเดินเข้าบ้านพร้อมกัน ท่ามกลางเสียงเล่าเรื่องราวของหลิวชวนที่เริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนี้ให้ครอบครัวฟัง ภาพของครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นนี้ ช่างแตกต่างจากความทรงจำในอดีตชาติของหลิวชวนอย่างสิ้นเชิง
กลิ่นอายของท้องทะเลลอยเข้ามาในบ้านไม้หลังเล็กริมหาด ผสมผสานกับกลิ่นหอมของอาหารที่กำลังจะถูกเตรียม หลี่หรงมองสามีที่เพิ่งกลับมาด้วยสายตาอ่อนโยน "พี่ชวนไปอาบน้ำก่อนนะคะ ฉันจะเตรียมอาหารเย็น วันนี้มีปลานึ่งซีอิ๊วเห็ดหอมที่พี่ชอบด้วย" เธอหยุดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้ม "ส่วนของเสี่ยวเป่า แม่ทำปลาทอดน้ำปลาให้เป็นพิเศษ"
หลิวชวนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม หัวใจพองโตด้วยความสุขที่เห็นครอบครัวพร้อมหน้า สายตาทอดตามร่างบางของภรรยาที่ค่อยๆ เดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะหันมาหาลูกชาย น้ำเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวเป่า ไปล้างมือก่อนนะลูก”
สามสิบนาทีผ่านไป กลิ่นหอมของอาหารลอยอวลไปทั่วบ้าน ครอบครัวเล็กๆ มานั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกัน แสงตะวันยามเย็นสาดส่องผ่านหน้าต่าง ทอประกายสีทองบนโต๊ะไม้เก่าๆ หลี่หรงสังเกตเห็นว่าลูกชายกินข้าวน้อยผิดปกติจึงนึกสงสัยและเอ่ยถามขึ้น
"เสี่ยวเป่า ทำไมวันนี้กินข้าวน้อยจัง" น้ำเสียงของเธอแฝงความเป็นห่วง
เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองแม่ ก่อนจะตอบเสียงอ่อย "ผมเผื่อท้องไว้กินขนมของพ่อครับ" ดวงตากลมโตฉายแววเศร้า ทำเอาหลิวชวนอดยิ้มไม่ได้
"หรงหรง" หลิวชวนเอ่ยเสียงนุ่ม "วันนี้วันเดียว ไม่ต้องเข้มงวดกับเสี่ยวเป่าได้ไหม" เขาหันไปทางลูกชาย "เสี่ยวเป่า วันนี้พ่ออนุญาตเป็นพิเศษวันหนึ่ง แต่พรุ่งนี้ก็ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ"
ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกายทันที พยักหน้ารัวเร็ว จนผมหน้าม้าสั้นๆ สะบัดไปมา "ครับพ่อ!"
หลี่หรงถอนหายใจเบาๆ แต่มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "พี่ชวนนี่ก็... ตามใจลูกเกินไปแล้วนะคะ"
หลิวชวนไม่ตอบ เพียงแต่ตักปลาทอดน้ำปลาใส่ชามข้าวลูกชาย ก่อนจะหันไปตักปลาเนื้อหวานให้ภรรยาด้วยท่าทางเอาใจ
"ก็เป็นเสียแบบนี้ จะบ่นลงได้ยังไง" หลี่หรงบ่นอย่างเอ็นดู แก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อเห็นสามีตักปลาให้
หลิวชวนหัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจ เสียงหัวเราะของเขาทำให้บรรยากาศอบอุ่นยิ่งขึ้น "พี่แค่อยากให้ทุกคนมีความสุข" เขาเอ่ยเสียงนุ่ม มองภรรยาด้วยสายตาอ่อนโยน "โดยเฉพาะคนที่พี่รัก"
หลี่หรงก้มหน้างุด แก้มแดงขึ้นอีก "พี่ชวนนี่... พูดจาหวานเชียว" หลิวชวนจึงหัวเราะกับท่าทีเขินอายของภรรยา เธอช่างน่ารักเสียจริง ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับแต่รู้จักกันมาจนอยู่ด้วยกันและมีลูกชายหนึ่งคนแล้ว หลี่หรงก็ยังเป็นสาวน้อยขี้อายของเขาอยู่ดี
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?