แสงอรุณแรกของวันส่องลอดผ่านใบจากที่สานเป็นหลังคา ทอดเงาเป็นลวดลายบางเบาบนพื้นไม้เก่าที่ขัดจนขึ้นมัน กลิ่นคาวปลาที่ฝังลึกผสานกับความชื้นยามเช้า โอบล้อมทุกซอกมุมของบ้านลุงเหลา เสียงคลื่นที่สาดกระทบชายฝั่งดังแผ่วๆ สลับจังหวะเหมือนเสียงลมหายใจของหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้
หลิวชวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าที่ขัดถูจนเป็นมัน มือหยาบกร้านกำถ้วยชาร้อนแน่น ความอุ่นจากถ้วยชาแผ่ซ่านผ่านฝ่ามือ แต่ไม่อาจละลายความวิตกที่จับตัวแข็งอยู่ในอก เขากวาดตามองรอบวง สังเกตใบหน้าคุ้นเคยของชาวประมงที่นั่งล้อมวงอยู่
ลุงเหลาในชุดเสื้อผ้าที่ซีดจางด้วยน้ำทะเล ลุงจางผู้มีรอยย่นลึกที่หางตาจากการเพ่งมองคลื่นลมมาทั้งชีวิต อาเหมิงที่ผิวกร้านแดดจนเกือบดำ และชาวประมงอีกสามสี่คนที่เขาเลือกมาพูดคุยเป็นกลุ่มแรก
เสียงน้ำชาที่ถูกริน เสียงถ้วยกระทบจาน และเสียงถอนหายใจเบาๆ ดังแทรกความเงียบ
"พ่อค้าพวกนั้น..." ลุงจางเอ่ยเสียงแหบ มือเหี่ยวย่นสั่นเล็กน้อยเมื่อกำขอบถ้วยชา "คนพวกนี้ไม่ใช่เล่นๆ พวกเขาคุมทุกอย่าง ตั้งแต่ตลาดยันคนในเมือง นายมั่นใจจริงๆ หรือว่าเราจะลุกขึ้นสู้แล้วรอด?"
เสียงคำถามของลุงจางสะท้อนความกลัวที่ฝังลึกในใจชาวบ้านมาหลายปี หลิวชวนมองเห็นเงาของความพ่ายแพ้ในดวงตาของทุกคน ความพ่ายแพ้ที่พวกเขาแบกรับมานานเกินไป จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
หลิวชวนค่อยๆ วางถ้วยชาลง เสียงกระเบื้องกระทบไม้ดังกังวานในความเงียบ "ผมเข้าใจดีว่าทุกคนกลัว แต่ลองคิดดูนะครับ พวกเราออกเรือฝ่าคลื่นลมกลางคืน เหนื่อยแทบขาดใจ แต่พอถึงฝั่งกลับได้เพียงเศษเงินจากปลาที่เราหามา บางวันเสี่ยงชีวิตเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่สิ่งที่เราได้กลับมามันคุ้มแล้วหรือ?"
เขาหยุดชั่วครู่ สายตาจับจ้องไปที่มือหยาบกร้านของตัวเอง มือที่บอกเล่าเรื่องราวของการต่อสู้กับทะเลมาทั้งชีวิต "ลูกหลานของเรา... พวกเขาจะมีอนาคตยังไง ถ้าเรายังยอมจำนนกับชะตากรรมแบบนี้?"
เสียงถอนหายใจดังแผ่วเบาในวงสนทนา อากาศรอบตัวหนักอึ้งด้วยความกังวล อาเหมิงพยักหน้าช้าๆ "พูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็ปวดใจ" เขาเอ่ยเสียงสั่น "ลูกชายฉันต้องทิ้งบ้านไปทำงานในเมือง เพราะที่นี่ไม่มีอนาคตให้เขา ทั้งที่เขารักทะเลเหมือนพ่อ..."
"แต่จะให้ทำยังไงล่ะ?" ชาวประมงผู้หนึ่งแทรกขึ้น เสียงแหบแห้งด้วยความท้อแท้ "พวกนั้นผูกขาดทุกอย่าง ทั้งรถขนส่ง ทั้งเส้นทางการค้า ทั้งตลาดในเมือง เราจะไปสู้กับพวกเขาได้ยังไง?"
หลิวชวนลุกขึ้นยืน ก้าวช้าๆ ไปที่หน้าต่าง ขณะที่สายตาทอดมองออกไปยังท่าเรือที่เริ่มคึกคักด้วยผู้คน เรือประมงลำน้อยโยกเยกตามจังหวะคลื่น เหมือนชะตาชีวิตที่ไม่เคยมั่นคงของชาวประมงทุกคน
หลิวชวนหรี่ตาลง ภาพในอดีตพลันฉายชัด ท่าเรือขนส่งขนาดใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ ที่นั่น เขาเคยยืนอย่างภาคภูมิใจ มองตู้คอนเทนเนอร์บรรจุอาหารทะเลแปรรูปถูกขนขึ้นเรือมุ่งสู่ญี่ปุ่นและเกาหลี เสียงหัวเราะของหลี่เจิ้ง เพื่อนที่ครั้งหนึ่งเขาไว้ใจ ยังก้องอยู่ในหู ‘เราจะไปได้ไกลกว่านี้ ถ้านายยอมให้ฉันจัดการสัญญาเอง’..."
หลิวชวนสูดลมหายใจลึก กลิ่นเกลือทะเลวันนี้ช่างแตกต่างจากกลิ่นน้ำมันเครื่องและควันเรือในวันนั้น แต่ความเจ็บปวดยังคงเหมือนเดิม วันที่เขาค้นพบว่าหลี่เจิ้งโอนเงินทั้งหมดหนีไปต่างประเทศ ทิ้งไว้เพียงบริษัทที่เต็มไปด้วยหนี้สินและสัญญาที่ไม่สามารถทำตามได้
หลิวชวนสูดลมหายใจอีกครั้ง ตั้งสติให้จดจ่อกับเหตุการณ์ตรงหน้า
"พวกลุงรู้ไหมครับ" หลิวชวนหันกลับมา "ที่พ่อค้าคนกลางได้กำไรมหาศาล ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาผูกขาดการขนส่ง" เขาหยุดชั่วครู่ ความรู้จากอนาคตผุดขึ้นในความคิด "แต่เป็นเพราะพวกเขารู้จักสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับปลาของเรา"
ลุงเหลาขมวดคิ้ว ริ้วรอยบนใบหน้าลึกขึ้น "หมายความว่ายังไง อาชวน?"
"ปลาที่เราขายให้พวกเขาในราคาถูก" หลิวชวนก้าวกลับมานั่งที่เดิม สายตาจับจ้องไปที่ถ้วยชาตรงหน้า ภาพของโรงงานแปรรูปอาหารทะเลในอนาคตแวบขึ้นมา "พวกเขาเอาไปแปรรูปเป็นปลาแห้ง ปลาเค็ม น้ำปลา ปลาหมัก ปลาเส้น สารพัด แล้วขายในราคาที่แพงกว่าหลายเท่า"
เสียงพึมพำแผ่วเบาดังขึ้นในวง ดวงตาของชาวประมงทุกคู่เริ่มฉายแววความเข้าใจ
"นายพูดถูก" อาเหมิงพยักหน้า "เมื่อสองวันก่อน ฉันไปตลาดในเมือง เห็นปลาเค็มขายกิโลละสิบสองหยวน ทั้งที่พวกเขาซื้อปลาสดจากเราแค่สี่หยวน"
"นั่นแหละครับ" หลิวชวนพยักหน้า "ถ้าเรารวมกลุ่มกัน ไม่ใช่แค่ขายปลาสด แต่แปรรูปด้วย เราจะได้กำไรมากกว่านี้หลายเท่า"
"แต่เราไม่มีความรู้พวกนั้นนี่" ลุงจางแย้งขึ้น น้ำเสียงแฝงความกังวล "อีกอย่าง จะเอาเงินที่ไหนมาลงทุน? พวกเราแต่ละคนแทบไม่มีเงินเก็บ"
หลิวชวนสูดหายใจลึก ความทรงจำจากอนาคตไหลทะลักเข้ามา วิธีการถนอมอาหาร การแปรรูป การทำตลาด ทุกอย่างชัดเจนในหัว แต่เขาต้องระมัดระวังในการเลือกใช้ความรู้เหล่านี้
"ผมอาจไม่มีความรู้มากมายเหมือนพ่อค้าคนกลางพวกนั้น แต่ผมรู้วิธีแปรรูปปลา ผมเคยเห็นมันมากับตา เราไม่ต้องเริ่มจากใหญ่โตหรอกครับ เอาเล็กๆ ก่อน ลงทุนเท่าที่ไหว แปรรูปปลาบางชนิดที่พอทำได้ แล้วเอาไปขายให้คนในเมืองดู พวกเราจะต้องสร้างบางอย่างที่เป็นของเราเอง"
ขณะนั้นเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังใกล้เข้ามา ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ลุงเหลาชะโงกหน้าไปที่หน้าต่าง ความเงียบปกคลุมห้องในชั่วพริบตา ทุกคนหยุดหายใจราวกับเวลาได้หยุดนิ่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัวมองสบกันเป็นทอดๆ ราวกับคำถามเดียวที่ไร้คำตอบ: ‘พวกเขาจะรู้ไหม?’
"ลุงเหลาลุกขึ้นช้าๆ เดินไปที่หน้าต่าง แอบมองผ่านช่องว่างระหว่างบานเกล็ด "ลูกน้องของหวังไท่เฉิง" เขากระซิบ "สามคน กำลังเดินตรวจตราหมู่บ้านเหมือนทุกวัน"
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?