ตอนที่ 1. เกิดใหม่ในยุค 80

ระหว่างที่ลู่เจียวกำลังเดินมุ่งหน้าไปตลาดในหมู่บ้าน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ ตัว  ทางเดินที่ยังเป็นดินลูกรังไม่ได้ลาดยางทอดยาวสุดสายตา บ้านเรือนส่วนมากสร้างด้วยอิฐดินเผาและไม้ สำหรับบ้านพอมีฐานะหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา สำหรับบ้านที่ยากจนมุงด้วยหญ้าหรือฟาง 

สมองของเธอหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อสามสิบนาทีก่อน เธอมีชื่อว่าลู่เจียว เป็นนักวิจัยหญิงและนักการตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารในอนาคต  เป็นสุดยอดมือโปรของบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองปักกิ่ง ที่ประสบความสำเร็จอย่างท้วมท้น แต่น่าเสียดายตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในเมืองปักกิ่งปี 2025 อีกต่อไป 

ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ลู่เจียวอาจจะตายไปแล้ว เพราะจำได้ว่าตอนลุกจากโต๊ะทำงานเธอหน้ามืด มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนกลายเป็นคนอื่น 

ลู่เจียวฟื้นขึ้นมาแล้วต้องตกใจ เพราะมันไม่ใช่ห้องนอนที่คอนโดหรู ไม่ใช่เตียงนอนหนานุ่ม มันกลับเป็นเตียงไม้แข็งๆ เธอนอนมองไปรอบ ๆ ตัว เห็นหน้าต่างไม้บานเดียวกับผ้าม่านที่เกือบขาด จะว่าเป็นบ้านก็ไม่น่าจะถูก มันเป็นกระท่อมเสียมากกว่า 

หรือว่าเธอกำลังฝันไป? แต่ทำไมลองหยิกตนเองแล้วถึงได้เจ็บนักล่ะ  

เมื่อตั้งสติได้ ลู่เจียวจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เสื้อผ้าที่เธอสวมเป็นผ้าฝ้ายหยาบ สีซีด ขาดแหว่งตามแขนเสื้อและเข่า อีกทั้งชุดนี้มันก็ไม่น่าจะมีใครที่ไหนสวมใส่ด้วย ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ หูก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังมาจากนอกประตู 

“พี่...หนูหิว” หนึ่งในเสียงนั้นฟังดูเหมือนเด็กผู้หญิง 

“พี่ก็หิว” อีกเสียงหนึ่งเหมือนเป็นเด็กผู้ชาย แต่ว่าน้ำเสียงแหบไม่ต่างจากอีกคน 

ลู่เจียวรีบหันมองไปตรงประตู มันดูเก่าและแทบจะปิดไม่สนิท เธอตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปใกล้ประตู เปิดมันออกช้า ๆ สิ่งที่เห็นก็คือเด็กสองคนยืนอยู่ตรงนั้น คนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กแต่ก็ตัวโตกว่าเด็กผู้หญิงอีกคน ร่างกายผอมแกร็น พวกเขาอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่ขาดเหมือนกับชุดของเธอ 

เด็กทั้งสองคนหันมามองหญิงสาว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตา ทั้งสองยืนเกาะกันแน่น น้ำเสียงเล็กๆ ของพวกเขาทำให้ลู่เจียวใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก 

"แม่... แม่ไม่สบายเหรอ?" เด็กผู้ชายพูดขึ้น เธอเผลอขมวดคิ้ว

"แม่?" 

ทันใดนั้นความทรงจำของร่างนี้ตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งแต่งงาน มีลูกชาย ลูกสาว และภาพสุดท้ายคือภาพที่ตกลงไปในแม่น้ำตอนไปซักผ้า เป็นความทรงจำของ “ลู่เจียว” ชื่อเหมือนกับเธอ ผู้หญิงยุค 80 เป็นแม่ของเด็กสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า 

ใช่แล้ว...ลู่เจียวมั่นใจว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในร่างของตัวเองอีกต่อไป แต่เธออยู่ในร่างของลู่เจียวที่แต่งงานมีลูกแล้วถึงสองคน 

ตอนนี้ลู่เจียวกำลังอยู่ในหมู่บ้านซินหัว เมืองเซินโจว ในปี 1982 เมืองเซินโจวเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีท่าเรืออยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง เป็นแหล่งชุมชน มีโรงงานหลายอย่าง มีตลาดของเมืองเซินโจว เป็นตลาดที่เปิดตลอดทั้งวันโดยเริ่มจากเวลาตีสี่ถึงสี่ทุ่มของทุกวัน 

ความกลัวและความสับสนตีตื้นขึ้นมาจนลู่เจียวแทบจะทรงตัวไม่ไหว แต่เมื่อมองเด็กสองคนนั้น ก็รู้สึกถึงภาระหน้าที่ ที่ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ เด็ก ๆ พวกนี้กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากใครสักคน และตอนนี้เธอคือคนคนนั้น คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของพวกเขา 

ลู่เจียวกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ย่อตัวลงนั่งเพื่อให้ระดับสายตาอยู่เท่ากับพวกเขา พยายามยิ้มให้แม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจก็ตาม 

"ไม่ต้องห่วงนะ แม่อยู่นี่แล้ว" เธอบอกพวกเขา โดยไม่แน่ใจว่าเด็กๆ จะเชื่อมั่นในคำพูดของเธอหรือเปล่า คำว่า แม่ ถูกเอ่ยออกมาอย่างไม่ตะขวิดตะขวางใจ อาจจะเป็นความรักของแม่ร่างนี้ที่ส่งผ่านมายังเธอ 

เด็กผู้หญิงค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ หล่อนซบลงที่แขน น้ำตาไหลพราก ใช้มือลูบหน้าท้อง "แม่จ๋า...หนูหิวข้าว" 

"พ่อบอกว่าพ่อจะกลับมาบ้านเร็ว ๆ นี้ แต่ผมก็ยังไม่เห็นพ่อเลย" เด็กชายพูดด้วยเสียงเรียบ 

ลู่เจียวนิ่งไปชั่วขณะ พ่อ... คำนี้กระตุ้นความทรงจำลึกๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาอีกครั้ง กัวหยาง คือสามีของลู่เจียว เขาทำงานเป็นกรรมกรแบกหามอยู่ที่ท่าเรือในเมืองใหญ่ ยังไม่สามารถกลับมาบ้านได้ เขาจากไปได้สามปีแล้ว 

ความจริงที่เพิ่งได้รู้ทำให้ลู่เจียวรู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก ความรับผิดชอบที่ไม่เคยขอ แต่กลับได้รับมาโดยไม่ตั้งใจ แต่ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง เชื่อได้เลยว่า อนาคตของเธอในร่างนี้กับลูกอีกสองคนคงได้อเนจอนาถแน่ ๆ ดูจากสภาพบ้านและเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ไม่ต้องเดาถึงอนาคตเลย 

"แม่จะหาข้าวให้พวกหนูกินนะ" เธอบอกพวกเขา ความหวาดกลัวที่เคยมีในหัวใจเริ่มเปลี่ยนเป็นความตั้งใจ ลู่เจียวลุกขึ้นยืน มองหาอะไรก็ได้ที่สามารถเอามาทำอาหารสำหรับเย็นนี้ 

ทว่า ลู่เจียวจะมาหวังอะไรจากสภาพบ้านแบบนี้ได้ มันไม่มีวัตถุดิบ ข้าวสาร หรือว่าผักเหลือติดอยู่ที่บ้านหลังนี้เลย  

ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูข้างนอกบ้านที่ดังเข้ามาถึงด้านใน 

ใครกันที่เปิดประตู ในเมื่อจากความทรงจำ บ้านหลังนี้อาศัยอยู่กันแค่สามคนแม่ลูกเท่านั้น

*******

 

คนที่เปิดประตูบ้านเข้ามาคือ จางซูหลิน แม่สามีเจ้าของร่างหรือก็คือแม่สามีของเธอในตอนนี้ หญิงสูงวัยรูปร่างอวบท้วม สวมเสื้อผ้าอย่างดี หญิงใจร้ายที่ไม่มีความปรานีให้ใคร แม้แต่ลูกชาย ลูกสะใภ้และหลาน ๆ ของนางเอง 

แม่สามียืนมองมาทางลู่เจียวด้วยแววตาเย็นชา ราวกับว่าเธอและลูกไม่ใช่คนในครอบครัว สายตาที่มองพวกเธอมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและรังเกียจ ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครสามารถหลุดพ้นการควบคุมของแม่สามีคนนี้ไปได้ 

ลู่เจียวเห็นแววตานั้นก็รู้สึกหนาววาบขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งตัว มันหนาวราวกับความเย็นชาจากสายตาของนางจะแช่แข็งร่างกายของเธอเสียให้ได้ 

“ลู่เจียว ไหนละอาหาร?” ถึงแม้ว่าเสียงที่ถามออกมาจะราบเรียบแต่มันแฝงไปด้วยการตำหนิอย่างชัดเจน 

“ฉัน...ไม่สบาย เลยไม่ได้ขึ้นเขา” ลู่เจียวตอบแบบตะกุกตะกัก  

แม่สามีหรี่ตามองไม่เชื่อในคำพูด นางเดินเข้ามาใกล้ ลู่เจียวรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในกระท่อมเล็ก ๆ นี้ จางซูหลินวางตะกร้าลงบนโต๊ะไม้เก่า ๆ ก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง 

“วันนี้ไม่ขึ้นเขาไปหาของป่า แล้วมีอะไรเหลือบ้าง” น้ำเสียงตวาดดังออกมาจากปากของแม่สามีอีกครั้ง ก่อนจะหันไปทางเด็กน้อยทั้งสองคน  

"พวกแกก็ควรช่วยแม่ของแกบ้าง จะมายืนร้องหิวแบบนี้ไม่ได้ตลอดไปหรอกนะ" 

เด็กทั้งสองคนเงียบเสียงลงทันที เธอมองดูพวกเขาแล้วก็รู้สึกเสียใจกับสภาพของสามคนแม่ลูกที่ต้องเจอกับแม่สามีในทุกวัน 

ถึงแม้ว่าวิญญาณของเธอจะเป็นคนยุคใหม่ ผู้คนแบบไหนที่ลู่เจียวจะไม่เคยได้พูดคุยด้วย ทว่าเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับแม่สามีเจ้าของร่าง เธอกลับไม่สามารถควบคุมความกลัวลึก ๆ ของร่างนี้ได้ 

มันอาจจะเป็นความทรงจำและความกลัวของร่างนี้ที่มันเป็นไปอย่างอัตโนมัติ แต่ขอเวลาให้เธอได้ปรับตัวอีกหน่อยเถอะ ขืนต้องมาอยู่หวาดกลัวแบบร่างเดิม ลู่เจียวคงได้เป็นประสาทตายไปเสียก่อน 

“ฉันจะหาข้าวให้เด็ก ๆ เอง” ลู่เจียวพยายามปรับน้ำเสียงไม่ให้แสดงความไม่พอใจออกมา 

แม่สามีมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะยักไหล่ แล้วเดินจากไป จากความทรงจำถ้าเป็นเวลาปกติ แม่สามีต้องรื้อค้นเอาอาหารไปแล้ว แต่วันนี้กลับจากไปเงียบ ๆ คงเพราะรู้ว่าถึงค้นไปก็ไม่เจออะไรอยู่ดี  

ลู่เจียวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยืนนิ่งอยู่กับความคิดของตนเองครู่หนึ่ง เธอจะเริ่มจากตรงไหนก่อน? อาหารไม่มี เงินไม่มี ขึ้นเขาก็คงไม่ทันแล้ว เพราะนี้ก็เวลามันก็เกือบสี่โมงเย็น 

“แม่...” กัวซีซวน ลูกชายคนโตของลู่เจียว อายุหกขวบ จูงมือ กัวชิงอี อายุสี่ขวบไปนั่งอยู่มุมห้อง ซึ่งเป็นมุมโปรดของเด็กทั้งสองคน เพราะที่นั่นมีของเล่นและตุ๊กตาเก่า ๆ วางอยู่  

เด็กชายเอ่ยเรียกแม่ของเขา “ผมคิดถึงพ่อ เมื่อไหร่พ่อจะกลับบ้าน”  

คำถามของลูกชายทำให้เธออึ้งไปกับคำตอบ นี่คือคำถามที่ลู่เจียวไม่มีคำตอบให้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากัวหยางอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่อยากให้เด็ก ๆ รู้สึกสิ้นหวัง 

“พ่อของลูกจะกลับบ้านเร็ว ๆ นี้แหละ” ลู่เจียวตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ในใจของเธอกลับรู้สึกไม่มั่นใจในคำตอบด้วยซ้ำ 

แต่สิ่งที่รู้ตอนนี้แน่ ๆ คือ เธอต้องหาทางทำให้พวกเขาและตนเองอิ่มท้องเสียก่อน ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ 

“ซีซวน ชิงอี ลูกสองคนรอแม่อยู่ที่บ้านนะ แม่จะออกไปตลาด ไม่นานแม่จะรีบกลับมา” เธอบอกเด็ก ๆ ที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง พวกเขาเพียงพยักหน้ารับ แต่ไม่ได้ถามอะไรตอบกลับมา 

ลู่เจียวเห็นว่าเด็ก ๆ เข้าใจในคำสั่งแล้วจึงถือตะกร้า คว้าเสื้อคลุมเก่าในตู้มาสวมจากนั้นเปิดประตูออกบ้านมุ่งหน้าไปตลาด 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ