ตอนเช้าอากาศเย็นสบาย ลู่เจียวนั่งลงที่โต๊ะอาหาร แม่เฒ่าฟู ลุงเฉิน และป้าโจวก็นั่งล้อมรอบ ส่วนกัวหยางกับลูกยังอยู่ในห้องนอน เพราะขาของเขาไม่ค่อยดี การถ่ายหนักถ่ายเบาก็ทำในห้องนอน เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เรื่องที่พูดในวันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ต้องรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดออกมา
"คุณยาย ลุงเฉิน ป้าโจว... ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะปรึกษาค่ะ" ลู่เจียวหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า "ฉันอยากจะแยกบ้านจากครอบครัวกัวอย่างเป็นทางการค่ะ"
สายตาของทุกคนหันมาที่หลานสะใภ้ แม่เฒ่าฟูที่นั่งข้างลู่เจียววางถ้วยชาร้อนลงกับโต๊ะ ก่อนจะมองด้วยความเป็นห่วง
"อาเจียวแน่ใจแล้วหรือ?" แม่เฒ่าฟูถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ลู่เจียวพยักหน้ารีบตอบ "ใช่ค่ะ ฉันคิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว และยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฉันและลูก รวมทั้งพี่หยางด้วย ในเมื่อแม่สามีไล่พวกเราออกจากบ้านแล้ว ดังนั้นพวกเราก็สมควรแยกบ้านให้เรียบร้อยและส่วนแบ่งที่ควรได้ก็ต้องได้ด้วยค่ะ"
ลู่เจียวอธิบายเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงินที่สามีส่งมาให้ทุกเดือน แต่เธอไม่เคยได้รับเงินนั้นเลย สามแม่ลูกต้องอยู่กันอย่างลำบาก ขณะที่แม่สามีเอาเงินไปใช้กับกัวเฉิน ลูกชายของนางที่เรียนอยู่ในเมืองหลวง
ลุงเฉินพยักหน้ารับฟัง เขาวางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยขึ้น "เงินที่กัวหยางส่งมานี่ ลุงเข้าใจว่าเดือนละห้าสิบหยวนใช่ไหม?"
"ใช่ค่ะ สามปีแล้วก็น่าจะเกือบสองพันหยวน แต่ฉันกับลูกไม่เคยได้ใช้เลยค่ะ" เธอพูดด้วยความคับข้องใจ เจ้าของร่างเดิมพยายามถามหาเงินเดือนของสามีมาตลอดแต่ไม่เคยได้รับ แถมยังต้องไปหาอาหารมาให้แม่ลูกคู่นี้อีก
"แม่สามีของอาหยางเอาเงินไปใช้เองหรือ?" ป้าโจวถาม
"ฉันคิดว่าอย่างนั้นค่ะ แม่สามีฉันพูดเสมอว่าพอกัวเฉินเรียนจบและได้งานที่เมืองหลวง นางจะย้ายไปอยู่กับเขา ไม่อยากอยู่ที่บ้านนอกนี้อีก"
"อาเจียวเลยอยากจะแยกบ้านให้เรียบร้อยใช่ไหม?" แม่เฒ่าฟูถามอย่างสงสัย
"ใช่ค่ะ"
ลุงเฉินพยักหน้าเห็นด้วย "ถ้าอาเจียวคิดจะแยกบ้านจริง ๆ ลุงแนะนำให้ไปคุยกับเจาฉายเหวิน หัวหน้าหมู่บ้าน เขาเป็นคนมีเหตุผล เขาน่าจะจัดการเรื่องนี้ให้หลานสะใภ้ได้"
"ขอบคุณค่ะลุงเฉิน ฉันอยากรบกวนให้ลุงไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ?" ลู่เจียวรีบบอกความต้องการ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง
ลุงเฉินยิ้มเล็กน้อย "แน่นอน ลุงจะไปเป็นเพื่อนหลานเอง"
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ลู่เจียวกับลุงเฉินเตรียมตัวไปพบหัวหน้าหมู่บ้าน แม้จะมีความกังวลเล็กน้อย แต่ก็เชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้
การเดินไปบ้านหัวหน้าหมู่บ้านทำให้ลู่เจียวมีเวลาคิด เธอเดินข้างลุงเฉินที่พูดคุยให้กำลังใจตลอดทาง ทุ่งนาที่เดินผ่านทำให้รู้สึกผ่อนคลายบ้าง แต่ในใจยังคิดว่าควรจะพูดอะไรกับหัวหน้าหมู่บ้านดี
"หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนดี ไม่ต้องห่วงนะอาเจียว ลุงรู้ว่าเขาจะช่วยหลานสะใภ้ได้" ลุงเฉินพูดด้วยความมั่นใจ
"ขอบคุณค่ะลุงเฉิน ฉันหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรมาก" เธอตอบกลับเบาๆ
ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงจุดหมาย บ้านเขาเป็นบ้านไม้ที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน ลุงเฉินเดินไปเคาะประตูเรียก หัวหน้าหมู่บ้านเปิดประตูออกมาพร้อมรอยยิ้ม
"อ้าว เฉินปี้คุน ลู่เจียว มาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?" หัวหน้าหมู่บ้านถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
"พวกเรามีเรื่องจะมาปรึกษาหัวหน้าหมู่บ้านครับ เกี่ยวกับการแยกบ้านของลู่เจียว" ลุงเฉินเป็นคนพูด
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าและเชิญพวกเธอเข้าไปนั่งในบ้าน ลู่เจียวจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ตั้งแต่เงินที่สามีส่งมาแต่ไม่เคยถึงมือ ไปจนถึงเมื่อวานที่แม่สามีไล่ครอบครัวของเธอออกจากบ้าน
หัวหน้าหมู่บ้านฟังจบกล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิจางซูหลิน "ถ้าถึงกับไล่กันแบบนี้ ก็คงต้องแยกบ้านกันแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ควรได้ส่วนแบ่งจากบ้านหลักบ้าง"
ลู่เจียวรีบพยักหน้า "ใช่ค่ะ นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ” ทั้งสามยังคงคุยถึงเรื่องนี้อีกสักพัก ก่อนออกจากบ้านไปพร้อมกับลุงเฉินและหัวหน้าหมู่บ้าน มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของจางซูหลิน
บ้านของแม่สามีตั้งอยู่บนเนินเล็ก ใกล้ ๆ กับบ้านที่พวกเธอเคยอยู่แต่หลังใหญ่กว่าหลายเท่า ทุกครั้งที่เห็นบ้านหลังนี้ ลู่เจียวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมที่ครอบครัวของกัวหยางได้รับ แม่สามีอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่สบาย มีทรัพย์สินมากมาย แต่ลู่เจียวและลูกต้องดิ้นรนอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรเลย
ลุงเฉินเดินข้างเธอด้วยท่าทีสงบ นิ่งเงียบ แต่แววตาของเขาบ่งบอกถึงความแน่วแน่ ไม่ต่างจากหัวหน้าหมู่บ้านที่เขามีท่าทีว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้
ลู่เจียวเดินมาหยุดหน้าประตูบ้านของแม่สามี หัวใจเริ่มเต้นแรงด้วยความกังวล เธอสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมสติ ลุงเฉินพยักหน้าให้กำลังใจ เธอจึงยกมือขึ้นเคาะประตูบ้าน เสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงเคาะอีกครั้ง คราวนี้ดังขึ้นกว่าเดิม แต่บ้านทั้งหลังยังคงเงียบงัน
หัวหน้าหมู่บ้านหันมามองก่อนจะเดินเข้าไปเคาะประตูแทน "แม่เฒ่าจาง ผมรู้ว่าคุณอยู่ในบ้าน เปิดประตูเถอะครับ"
ลู่เจียวสังเกตเห็นม่านหน้าต่างเล็ก ๆ ขยับเล็กน้อย เหมือนมีคนแอบมอง เดาได้ทันทีว่าเป็นแม่สามีที่ซ่อนตัวอยู่ นางคงไม่ต้องการพวกเธอ แต่ลู่เจียวก็ไม่มีทางกลับไปเช่นกัน
"แม่เฒ่าจาง" หัวหน้าหมู่บ้านพูดต่อ "วันนี้เรามีเรื่องสำคัญต้องพูด ถ้าคุณไม่ออกมา เรื่องจะยิ่งเลวร้ายลงกว่านี้นะ"
สักพักประตูไม้ที่หนักก็เปิดออก จางซูหลินปรากฏตัวขึ้น นางยืนมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและไม่อยากต้อนรับใคร นางหันไปมองหัวหน้าหมู่บ้านก่อนจะหันมามองเธอด้วยแววตาดุดัน
"พวกแกต้องการอะไร? ทำไมถึงมาที่นี่อีก?" จางซูหลินพูดเสียงแข็ง
หัวหน้าหมู่บ้านก้าวเข้าไปในบ้านอย่างสงบ "ผมไม่ได้มาต่อว่าคุณ ผมมาพูดเรื่องแยกบ้านตามที่คุณต้องการต่างหาก ในเมื่อคุณบอกให้ครอบครัวของกัวหยางออกจากบ้านนี้แล้ว คุณก็ควรทำเรื่องแยกบ้านให้เรียบร้อยตามกฎด้วย"
จางซูหลินหรี่ตามองหัวหน้าหมู่บ้านอย่างระแวง "เรื่องแยกบ้าน? ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น หัวหน้าหมู่บ้านไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน!"
หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ "ถ้าคุณไม่ทำเรื่องแยกบ้าน คุณก็ต้องอธิบายว่าเงินที่กัวหยางส่งให้ทุกเดือนตลอดสามปีไปอยู่ที่ไหน ทำไมมันไม่เคยถึงมือครอบครัวของลู่เจียวเลย"
ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ความกังวลบนใบหน้าของนางปรากฏ ดูร้อนรน ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ฉันใช้เงินนั้นหมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาเงินมาคืนให้กัวหยาง" หัวหน้าหมู่บ้านตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
นางรีบส่ายหน้า "ฉันไม่มีเงินเหลือแล้ว ฉันให้กัวเฉินไปใช้เรียนหนังสือ กัวเฉินใกล้จะเรียนจบ ฉันต้องจ่ายค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายอีกมาก แล้วพอเขาจบ ฉันก็ต้องช่วยหางานให้เขาด้วย"
ลู่เจียวรู้สึกไม่พอใจมาก ความไม่ยุติธรรมนี้มันหนักอึ้งในใจมาตลอด กัวเฉินเป็นลูกชายของแม่สามีจากสามีคนก่อน นางดูแลเขาอย่างดี แต่ไม่เคยสนใจครอบครัวของกัวหยางเลย
"คุณต้องหาเงินมาคืน ไม่เช่นนั้นผมจะไม่ยอม" หัวหน้าหมู่บ้านพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งขึ้น
แม่สามีเริ่มหันมามองลู่เจียวกับลุงเฉินด้วยสายตาเรียกร้องความเห็นใจ แต่เธอไม่สนใจสายตานั้นอีกต่อไป ที่ผ่านมานางรังแกครอบครัวของเธอมากพอแล้ว
"ฉันไม่มีทางคืนเงินให้พวกแกหรอก เงินมันหมดไปแล้ว!"
"คุณจะมาอ้างแบบนี้ไม่ได้ คุณต้องหาเงินมาคืนให้ครอบครัวของกัวหยาง" หัวหน้าหมู่บ้านพูดเสียงเข้มขึ้นอีก
จางซูหลินเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบา มือเหี่ยวย่นยกขึ้นปาดน้ำตาช้าๆ อย่างเจ้าเล่ห์ แต่ลู่เจียวมองออกทันทีว่านี่เป็นเพียงการแสดงละครฉากหนึ่ง เพื่อบีบให้เธอยอมอ่อนข้อให้กับความต้องการของนาง
ลู่เจียวถอนหายใจ "ฉันไม่ได้อยากรังแกคนแก่ แต่เรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับพี่หยาง ฉัน และลูก" ลู่เจียวพูดกับตัวเองเบา ๆ หัวหน้าหมู่บ้านก็หันมาพยักหน้าเห็นด้วย
จางซูหลินถอนหายใจหนัก ๆ แล้วหันมามองด้วยความโมโห หลังจากที่รู้ว่าการแสดงของนางไม่ได้ผล "ก็ได้ ฉันจะหาเงินมาให้สามร้อยหยวน พอไหม?"
สามร้อยหยวนเป็นเงินจำนวนมากสำหรับยุคนี้ และนั่นคงเป็นจำนวนที่นางไม่เต็มใจจะให้ แต่ในสถานการณ์นี้ ย่อมไม่มีทางเลือก
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้า "สามร้อยหยวนก็น่าจะเพียงพอ สำหรับการชดใช้ที่คุณค้างครอบครัวกัวหยาง"
เธอรีบพูดเสริม "แต่หัวหน้าหมู่บ้าน เงินที่พี่หยางส่งมามันมากกว่านี้ สามปีแล้ว เงินทั้งหมดนั้นมันเกือบสองพันหยวน จะให้แค่สามร้อยหยวน มันน้อยเกินไปไหมค่ะ"
หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มบาง ๆ "ลู่เจียว ผมเข้าใจ แต่ผมคิดว่าจำนวนนี้เพียงพอแล้ว เพราะเงินที่ผ่านมาคงถูกใช้ไปเกือบหมด ยิ่งกัวเฉินต้องกินต้องใช้เรียนหนังสือในเมืองหลวง ค่าใช้จ่ายมันเยอะมาก นี่ก็ถือว่าได้บ้างดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ไม่ใช่เหรอ?"
ลู่เจียวพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ "ก็ได้ค่ะ แต่ฉันต้องการเงินตอนนี้ ไม่ใช่ทะยอยจ่าย"
หัวหน้าหมู่บ้านหันไปหาจางซูหลิน "ว่าไงครับ มีเงินพอคืนให้ลู่เจียวไหม ถ้าไม่มี บางทีจำนวนมันอาจจะเพิ่มขึ้นทีหลัง"
นางถอนหายใจหนัก ๆ แล้วหันกลับไปที่ห้องส่วนตัว ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับเงินสามร้อยหยวนในมือ วางมันลงบนโต๊ะอย่างไม่พอใจ ลู่เจียวเอื้อมมือไปเก็บและนับ เมื่อครบตามจำนวนจึงพยักหน้าให้หัวหน้าหมู่บ้าน
"เสร็จเรื่องแล้วก็กลับไปได้แล้ว" จางซูหลินพูดพร้อมทำท่าทางไล่
แต่หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ยอม "ยังไม่เสร็จ เราต้องทำหนังสือสัญญาลงชื่อกันก่อน" เขาหยิบกระดาษมาเขียนสัญญาแยกบ้านอย่างเป็นทางการให้ทั้งสองบ้านลงชื่อ พร้อมเขาและลุงเฉินที่เป็นพยาน
หลังจากเจรจาจบลู่เจียวและลุงเฉินเดินออกจากบ้านพร้อมกับหัวหน้าหมู่บ้าน
"หัวหน้าหมู่บ้าน ฉันขอบคุณมากจริง ๆนะคะ"
เขายิ้มบาง ๆ "ไม่เป็นไร ผมแค่ทำตามหน้าที่ ลู่เจียว คุณสมควรได้รับความยุติธรรมอยู่แล้ว"
เธอจะใช้เงินนี้เพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้ลูก จะรักษาขาของสามี และเริ่มต้นชีวิตใหม่จากวันนี้เป็นต้นไป
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?