ตอนเช้า ลู่เจียว แม่เฒ่าฟู ซีซวน และชิงอีเตรียมตัวออกไปสำรวจเมือง เมื่อคืนลุงเฉินได้อธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานที่สำคัญที่ควรรู้จักในเมืองเซินโจว ทั้งโรงเรียน ตลาด ห้างสรรพสินค้า ท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรม ลู่เจียวเตรียมสมุดเล่มเล็กเอาไว้จดบันทึกข้อมูลและแผนที่ เพื่อให้สะดวกในการเดินทางในอนาคต
สถานที่แรกคือโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งลุงเฉินบอกว่าเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในย่านนี้ ใช้เวลาเดินจากบ้านประมาณสิบนาที โรงเรียนมีผนังอาคารทาสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยรั้วสีฟ้าที่ดูอบอุ่นและปลอดภัย เมื่อมองผ่านรั้วเข้าไป เห็นเด็กๆ ในชุดนักเรียนกำลังเล่นกันอยู่ในสนาม
ซีซวนมองเข้าไปในโรงเรียนด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น "แม่ครับ อีกไม่นานผมจะได้มาเรียนที่นี่ใช่ไหมครับ?"
ลู่เจียวยิ้มพลางลูบศีรษะซีซวนอย่างอ่อนโยน "ใช่แล้วจ้ะ อีกไม่นานลูกกับชิงอีก็จะได้มาเรียนที่นี่ แม่มั่นใจว่าลูกจะสนุกกับการเรียนที่นี่แน่นอน"
ชิงอีกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ "จริงเหรอคะแม่ หนูก็จะได้เรียนที่นี่ด้วย!"
เธอพยักหน้าพร้อมยิ้มให้ลูกๆ อย่างอบอุ่น "แน่นอนจ้ะ แม่ตั้งใจให้ลูกทั้งสองได้เรียนที่โรงเรียนที่ดีที่สุดที่แม่พอจะให้ได้"
หลังจากสำรวจโรงเรียน พวกเธอไม่ได้ไปที่นิคมอุตสาหกรรมเพราะเมื่อวานได้ไปมาแล้ว ลู่เจียวรำลึกถึงเมื่อวานที่ไปนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งต้องใช้เวลานั่งรถประจำทางประมาณสิบห้านาทีและเสียค่าโดยสารสองเหมาต่อคน นิคมแห่งนี้เต็มไปด้วยโรงงานหลายแห่ง รวมถึงโรงงานผลิตอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้าของเถ้าแก่เตียว ซึ่งมีสวัสดิการรถรับส่งพนักงานโดยไม่ต้องเสียเงิน
เธอจำได้ว่านิคมอุตสาหกรรมมีบรรยากาศคึกคัก มีรถบรรทุกขนาดต่างๆ ขับเข้าออกอย่างต่อเนื่อง ผู้คนในชุดทำงานเดินกันขวักไขว่ อดคิดไม่ได้ว่า สักวันหนึ่งเธออาจจะมาทำงานที่นั่นเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว
ซีซวนมองแม่ของเขาที่กำลังจดบันทึกด้วยความสงสัย "แม่จดอะไรอยู่เหรอครับ?"
"แม่จดข้อมูลสถานที่สำคัญไว้ในสมุดเล่มนี้จ้ะ เผื่อว่าเราจะกลับมาที่นี่อีก จะได้รู้เส้นทางและข้อมูลเบื้องต้น ไม่ต้องถามทางบ่อยๆ ไงลูก"
"แม่เก่งจังเลยค่ะ" ชิงอีเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม
แทนที่จะไปนิคมอุตสาหกรรม พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังตลาดเซินโจวเป็นสถานที่ถัดไป ลู่เจียวรู้เส้นทางจากบ้านซินหัวไปยังตลาดนี้แล้ว แต่ยังไม่คุ้นเคยกับเส้นทางจากบ้านใหม่ในเมือง
เป็นความโชคดีที่ตลาดเซินโจวอยู่ในทิศทางเดียวกับนิคมอุตสาหกรรม แต่อยู่ใกล้กว่า ต้องขึ้นรถโดยสารประจำทางเช่นกัน ค่ารถสองเหมาเท่ากัน ตลาดแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือตลาดสดและตลาดทั่วไป ตลาดสดอยู่ด้านหน้า มีกลิ่นคาวของปลาลอยมาต้อนรับตั้งแต่ทางเข้า ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก
ลู่เจียวยืนมองแผงขายของในตลาดสด จดบันทึกว่าแต่ละแผงขายอะไรบ้างและมีของใช้ในครัวที่จำเป็นหรือไม่ โดยเฉพาะแผงที่ขายผักและเนื้อสัตว์สดใหม่ หากอยากประหยัดต้องมาซื้อของที่นี่ เพราะร้านขายของชำใต้ถุนตึกที่พักมีสินค้าไม่มากและราคาแพงกว่า แม้จะมีบริการรับฝากซื้อ แต่คิดค่าบริการถึงหนึ่งหยวน
พวกเขาเดินลึกเข้าไปยังส่วนที่ขายสินค้าทั่วไปทั้งเสื้อผ้า ของใช้ และขนมต่างๆ บรรยากาศคุ้นเคยทำให้ลู่เจียวนึกถึงแผงที่เคยขายเผือกทรงเครื่องของเธอ จึงพาลูกๆ ไปเดินดูแผงขายขนมด้วยความตื่นเต้น หวังว่าในอนาคตอาจจะได้กลับมาขายเผือกที่นี่อีกครั้ง
"แม่คะ พวกเราเคยมาขายเผือกที่นี่ใช่ไหม?" ชิงอีถามพลางมองไปรอบๆ
ลู่เจียวพยักหน้า "ใช่จ้ะ พวกเราเคยขายเผือกทรงเครื่องอยู่แถวนี้ ตอนนั้นขายดีมากเลยล่ะ"
ชิงอีและซีซวนมองไปที่แผงขายขนมด้วยความสนใจ ลู่เจียวรู้สึกมีกำลังใจและตั้งเป้าหมายในใจว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่กันอย่างสบายในเมืองนี้
สถานที่ต่อไปคือห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง เป็นห้างขนาดกลางที่มีร้านขายเสื้อผ้า ของใช้ เครื่องครัว และอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย ได้รับความนิยมจากคนในเมืองเพราะมีสินค้าครบครัน ห้างตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดเซินโจวมากนัก เดินทางไปมาได้สะดวกด้วยรถประจำทาง
บรรยากาศในห้างทำให้ชิงอีกับซีซวนตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ ทั้งสองชี้ให้แม่ดูของเล่นและเสื้อผ้าที่ตั้งแสดงในตู้กระจกด้วยความตื่นเต้น แต่ลู่เจียวทำได้เพียงบอกให้พวกเขารอไปก่อน เพราะยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องจัดการอีกมาก
จุดหมายสุดท้ายของการสำรวจคือท่าเรือของเมือง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ ท่าเรือเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการขนส่งสินค้าในเมืองเซินโจวและยังเป็นแหล่งงานสำคัญ ที่นี่มีเรือสินค้าขนาดใหญ่จอดเรียงรายกัน คนงานกำลังขนของขึ้นลงจากเรืออย่างขยันขันแข็ง
หลังจากสำรวจเมืองและสถานที่สำคัญต่างๆ เสร็จสิ้น พวกเธอเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมกัวหยาง เมื่อไปถึงพบว่าเตียงของเขาว่างเปล่า คาดว่าคงกำลังไปทำกายภาพบำบัด จึงตัดสินใจรอในห้อง
ซีซวนและชิงอีปีนขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้เล็กๆ ข้างเตียงพ่อ ชิงอีถามด้วยความกังวล "แม่คะ พ่อจะหายไหม?"
"พ่อต้องหายดีแน่นอนจ้ะ" ลู่เจียวตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ
ไม่นานบุรุษพยาบาลก็เข็นกัวหยางที่ดูอ่อนล้าจากการทำกายภาพบำบัดเข้ามาในห้อง แต่พอเห็นครอบครัวของเขา ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างมีความสุข
"พ่อคะ!" ชิงอีร้องเรียกพลางรีบเข้าไปกอดพ่อ
กัวหยางหัวเราะเบาๆ และยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกสาว "พ่อคิดถึงพวกเรามากเลยนะ"
ระหว่างที่พูดคุยกัน เพื่อนร่วมห้องของกัวหยางก็เข้ามาทักทาย ทำให้พวกเขาได้แนะนำตัวกัน เตียงฝั่งซ้ายเป็นชายอายุประมาณสามสิบปีชื่อเค่อหานจิน ประสบอุบัติเหตุแต่มีฐานะดีพอที่จะจ่ายค่ารักษา ส่วนเตียงฝั่งขวาเป็นชายอายุประมาณห้าสิบปีชื่อเกาเจ๋อ ฐานะยากจน เป็นคนไข้ที่ได้รับการรักษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ตอนเย็น ลู่เจียว แม่เฒ่าฟู และเด็กๆ จำใจต้องบอกลากัวหยางเพื่อกลับห้องเช่า โดยสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมอีกในวันพรุ่งนี้
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?