ได้ยินเต็มสองหูว่าตนจะถูกลักพาตัวไปโยนลงทะเล โยษิตาหวาดกลัวเริ่มดิ้นรนตามสัญชาตญาณ พื้นใต้ร่างสั่นสะเทือนบ่งบอกว่าเรือกำลังเคลื่อนออกจากฝั่ง เธอพลันส่งเสียงอู้อี้ขอร้องหวังว่าอีกฝ่ายจะเจรจา แต่พวกมันไม่เสวนากับเธอ โยษิตารู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่การสุ่มทำร้ายคนมั่ว ประโยคสุดท้ายบอกว่างานจะไม่เสร็จ หมายความว่ามีคนจ้างวาน
“พี่มีเรือตามพวกเรามา” คนร้ายคนหนึ่งตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์
พวกมันทำงานกันสามคน ก่อนหน้าระวังไม่ให้ใครเห็นแล้ว แต่เพียงไม่นานแผนการกลับถูกค้นพบ ด้วยความรีบร้อนประกอบกับไม่ทราบสถานะของอีกฝ่าย เกรงจะเป็นตำรวจมาทำให้เสียเรื่องจึงได้ช่วยกันฉุดร่างของหญิงสาวขึ้นมา เร่งรุดหน้าไปอีกหน่อยก็จัดการโยนตู้มทิ้งเธอลงไปในทะเล
ค่ำคืนมืดสนิท น้ำทะลักเข้ามาจากทุกทิศทาง ความหวาดกลัวสิ้นหวังถาโถมสาดซัดใส่หัวใจจนเย็นเยียบ โยษิตาดิ้นรน แต่ยิ่งขยับก็ยิ่งจมดิ่งเรื่อยๆ น้ำทะเลเข้าจมูกเข้าปาก หญิงสาวพยายามคลายเชือกแต่เธอเป็นเพียงคนธรรมดา ต่อให้คิดหาวิธีก็ใช่จะทำได้ง่ายๆ ท้ายที่สุดก็หมดสติไป นิ้วมือกำแน่นคลายออกท่ามกลางความเงียบงัน…
…เวลาราวกับผ่านไปไม่นาน ที่หูได้ยินเสียงคล้ายคนคุยกัน ฟังแล้วจับใจความไม่ได้ เหมือนเสียงกระซิบที่อยู่ห่างไกลไม่เกี่ยวข้องกับตัวเธอ โยษิตาลืมตาขึ้นช้าๆ ด้านบนเป็นผนังห้องสีขาว ปรับการมองเห็นสักครู่ก็มีคนรีบเร่งมายืนอยู่ข้างเตียง ฝ่ามืออุ่นกุมมือเธอไว้พร้อมกับถามอย่างห่วงใย
“เป็นยังไงบ้าง อย่าพึ่งขยับ รอให้หมอมาตรวจอีกรอบก่อน”
โยษิตาเอี้ยวคอมอง ดวงตาพลันเบิกกว้างทันใด “คุณเอ็ดเวิร์ด”
“อืม ผมเอง”
“เกิดอะไรขึ้นคะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ผมเห็นคุณถูกคนร้ายลักพาตัวก็เลยตามไป พวกมันโยนคุณลงทะเล คนของผมช่วยกันค้นหาทันเวลาจึงไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ผมตกใจมาก ถ้าช่วยคุณไม่ได้ผมคงไม่ยกโทษให้ตัวเอง”
เขาท้าอิทธิพลแข่งกันจีบโยษิตา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้หญิงสาวออกจากห้องมาเจอหน้า จึงได้แต่รอ พอเจอเธอนั่งอยู่คนเดียวแถวถนนคนเดิน ก็ว่าจะเข้าไปหากลับมีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้วางใจสามคนพาเธอเดินออกไปก่อน เขาตามจนพบว่าพวกมันเป็นคนร้ายจึงได้สั่งให้ลูกน้องออกค้นหา ดีว่าช่วยคนได้ทัน ทะเลกว้างขนาดนั้นไม่มีโชคคงไม่รอด
โยษิตาฟังที่มาที่ไปจนจบก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นเงยหน้าขึ้นน้ำตาคลอเบ้า “ขอบคุณที่ช่วยโยไว้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ นอนอีกหน่อยเถอะ อย่าพึ่งขยับไปไหน เดี๋ยวทางคุณอิทผมจะแจ้งข่าวให้เอง”
เขายังไม่รู้สินะ ป่านนี้คงเป็นห่วงเธอแย่แล้ว โยษิตาเปิดผ้าห่มแล้วก้าวขาลงมา “โยกลับห้องดีกว่าค่ะ หลังจากนี้ถ้าคุณเอ็ดเวิร์ดมีเรื่องให้โยช่วยก็บอกมาได้เลยนะคะ”
“โยษิตา เขาปกป้องคุณไม่ได้ เขาไม่เหมาะกับคุณเลย เลิกกับผู้ชายคนนั้นเถอะ ผมจะดูแลคุณเอง” เอ็ดเวิร์ดจับมือเธอไว้ เป็นแบบนี้ยังจะกลับไปอีกเหรอ “ผมทำให้คุณมีความสุขกว่าเขาได้นะ”
นัยน์ตาของเขาอ่อนโยนหลอมละลายหัวใจผู้คน ฝ่ามือก็อบอุ่นเป็นที่พึ่งพิงให้ได้แต่โยษิตาไม่อาจรับน้ำใจ เธอกับอิทธิพลไม่ได้คบหากันจริงๆ จะบอกว่าเลิกคงไม่ใช่ และตนก็ไม่เคยคิดอยากสานสัมพันธ์เกินคำว่าเพื่อนกับเอ็ดเวิร์ด ยิ่งไม่ควรให้ความหวังหรือคาราคาซังกับเขา หญิงสาวถอยมือออก กล่าวด้วยน้ำเสียงประนีประนอม
“เรื่องของความรู้สึกเปลี่ยนกันปุบปับไม่ได้หรอกค่ะ ครั้งนี้คุณอิทอาจจะปกป้องโยไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาผิด ที่ผ่านมาเขาให้โอกาสโย เป็นผู้ชายที่โยรัก คุณเอ็ดเวิร์ดเข้าใจโยเถอะนะคะ คุณเป็นผู้ชายที่ดีมาก โยเชื่อว่ายังมีผู้หญิงที่ดีกว่าโยรอคุณอยู่”
พูดตั้งมากมายสุดท้ายก็คือการปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เอ็ดเวิร์ดเข้าใจแล้ว เขาไม่ใช่คนดึงดันจะแย่งแฟนใคร ถ้าเธอไม่เต็มใจจะเลิกกับอิทธิพล ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ ไม่ควรบังคับกดดันให้ได้ดั่งที่ตนต้องการ
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว งั้นให้ผมไปส่งคุณที่ห้องนะ”
ทั้งสองเดินมาตามโถงของโรงแรม เกือบจะถึงห้องพักก็ได้หยุดฝีเท้าลง เอ็ดเวิร์ดรู้สึกเสียดายจึงได้กล่าวทิ้งท้าย
“ถ้าเขาทำให้คุณเหงาก็มาหาผมได้ทุกเมื่อ ผมยินดีจะทำทุกอย่างให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด”
โยษิตายิ้มอ่อนใจ “ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับวันนี้ ถ้าไม่ได้คุณเอ็ดเวิร์ดโยคงแย่แล้ว โยจะไม่มีวันลืมค่ะ”
พอคนทั้งคู่แยกย้ายกัน ชายหนุ่มที่ยืนหลบอยู่หลังเสาก็ก้าวเท้าออกมา แววตาหม่นมัว ใบหน้าอึมครึมไร้อารมณ์ ตามหาเธอเป็นบ้าเป็นหลังอยู่สองชั่วโมง เขาวิ่งไปทั่วอย่างน่าสมเพช แต่กลับพบว่าแม่เลขาตัวดีสุดท้ายมาอยู่กับคู่แข่ง สองคนนั้นเห็นเขาเป็นไอ้โง่เหรอ
ประตูห้องถูกผลักเปิด อิทธิพลกลับมาพร้อมลมเย็นหอบใหญ่ โยษิตานั่งรอเขาอยู่ พอเห็นชายหนุ่มก็รีบผุดลุกเดินไปหา “บอสคะ โยขอโทษที่หายไปค่ะ มีเรื่องเกิดขึ้น…อื้อ!”
ลำคอถูกบีบกะทันหัน ริมฝีปากร้อนจัดประกบทับลงมาไม่ให้ตั้งตัว โยษิตานิ่วหน้าเจ็บปวด สองมือกำชายเสื้อของอิทธิพลจนยับยู่ ทำไมเขาเหมือนจะโกรธมากเลย บอสใหญ่เวลาโมโหมักขาดสติ เวลานี้หากไม่ทำให้ใจเย็นลงก่อน พวกเราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง คิดได้ดังนั้นโยษิตาก็ไต่มือขึ้นไปโอบกอดแผ่นหลังกว้างของเขา หลับตาลงจูบตอบโต้กลับไป
อิทธิพลพลันฉีกเสื้อผ้าเธอจนขาด ตะปบฝ่ามือลงบนผิวเนื้อขาวผ่อง ซึ่งมีร่องรอยขบกัดอยู่เต็มไปหมดอย่างไม่ถนอม โยษิตาบิดเร้า ยินยอมเป็นฝ่ายปลดบราออกเอง แถมยังช่วยถอดเสื้อให้เขาอย่างเอาใจ ไม่รู้ทำไม วินาทีแรกที่เธอลืมตาฟื้นขึ้นมา ความรู้สึกหลังจากรอดชีวิตเสมือนว่าไม่ใช่เรื่องจริง โล่งอกแต่กลับไม่อุ่นใจ เวลานี้พอได้สัมผัสร่างกายของอิทธิพล คงเพราะความคุ้นเคย จึงช่วยปลอบประโลมหัวใจที่เปราะบางให้ซาบซ่านกลับมาเต้นเป็นปกติได้ โยษิตากอดเขาแน่นขึ้น ใบหน้าไร้เลือดแปรเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ
“บอสคะ อือ!” เขายกตัวเธอขึ้นคาบเอว แทรกท่อนกายผงาดแข็งมุดเข้าสู่โพรงเนื้ออุ่นพรวดเดียว
มันเจ็บเหมือนเคย ไม่รอให้ได้ปรับตัวด้วยซ้ำ คนตัวสูงก็สวนกระแทกเข้ามา แรกเริ่มแสบร้อน แต่เคลื่อนไหวไปได้สักพักก็เปลี่ยนเป็นความวาบหวาม ทำให้แขนขาของเธอหมดแรงจนแทบเกาะบ่าแกร่งไว้ไม่ไหว
ได้ยินหญิงสาวครางไม่เป็นภาษา เขาผ่อนแรงกระแทก แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ดูสภาพตัวเองสิ ร้อนร่านขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผ่านมาผมเหมือนไม่รู้จักคุณเลยโยษิตา ผมนึกว่าคุณเป็นคนจริงจังเจ้าระเบียบ ไม่ประสากับเรื่องพวกนี้ แต่ผมคิดผิดสินะ พอคุณได้ลองกับผมแล้วก็เลยอยากลองกับคนอื่นบ้าง ใช่ไหม หื้ม?”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเยาะดูถูก ขณะเอ่ยแววตาคุโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความชั่วร้ายแผดเผาหัวใจผู้คน โยษิพลันหยุดเปล่งเสียง ทั่วทั้งร่างสั่นเทาอย่างยากจะควบคุม “ไม่ใช่ค่ะ โยไม่เคยอยากทำแบบนั้นกับคนอื่น”
“ฮึ! ถึงตอนนี้คิดจะใช้คำหวานมาหลอกผมเหมือนเคยเหรอ ฝันไปเถอะ ผมไม่ใจอ่อนกับคุณอีกแล้ว”
อิทธิพลโอบเอวบางไว้ เดินไปกระแทกไปอย่างเน้นหนักพาโยษิตาตรงไปยังห้องนอน ทุกก้าวย่างส่งแกนกายเข้าสุดออกสุด ราวกับส่วนปลายหัวเห็ดจะแทงทะลุท้องน้อยให้ได้ มันจุกแน่นและทรมาน ขณะเดียวกันก็สยิวซ่านมอมเมาจนแทบเสียสติ โยษิตาเม้มปากไม่ส่งเสียง แต่เพราะร่างกายโดนทารุณหนักหน่วง จึงประคองสติไม่ไหว ได้แต่หอบครางกลายเป็นคนร้อนร่านอย่างที่เขาว่า
แผ่นหลังตกลงบนเตียงนอน ความแข็งแกร่งร้อนฉ่าไม่ได้หลุดออกไป พอหาที่มั่นได้อิทธิพลก็เริ่มโจนจ้วงแทงเข้าไปในเรือนร่างของโยษิตาอย่างแทบจะป่าเถื่อนบ้าคลั่ง สติของหญิงสาวเลือนราง แหงนลำคอขึ้นร้องครางหนักกว่าเดิม เขาไม่เคยหยาบคายกับเธอมาก่อน พอนึกถึงความอ่อนโยนใจดีที่เจ้านายหนุ่มเคยมีให้ชั่วครั้งชั่วคราว โยษิตาก็ปวดใจขึ้นมา
“ผมยังเป็นคนโง่ให้คุณหลอกได้อีกหรือเปล่า เจ้านายอย่างผมจัดไม่ถึงใจเหรอถึงได้เที่ยวไปหาคนอื่น หื้ม? ”
ว่าพลางรั้งบั้นเอวบางไว้แล้วหยัดกายตอกอัดใส่ เสียงคล้ายน้ำกระเซ็นผสานร่วมจังหวะ ตำแหน่งเชื่อมต่อเต็มไปด้วยของเหลวกลิ่นคาวจางๆ ยิ่งเสียดสียิ่งร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ฉ่ำเหนอะรัญจวนพาให้อารมณ์ยิ่งเตลิดเปิดเปิง
“อ๊าๆ บอส” โยษิตาใบหน้าบิดเบี้ยว นัยน์ตาเจือความเจ็บปวดใจ เธอไม่เคยคิดว่าเขาโง่ ไม่เคยหลอกเขา แค่อยากให้เจ้านายอารมณ์ดีจึงได้ป้อยอหยอดคำหวาน เจตนามีแค่นั้น ทำไมถึงเข้าใจไปผิดทางได้
ร่างกายถูกพลิกกะทันหัน หมุนอยู่หนึ่งตลบเร็วๆ ก็เปลี่ยนเป็นขึ้นมาคร่อมอยู่ข้างบน อิทธิพลกดท้ายทอยของเธอมาจูบ สอดลิ้นเข้าไปในปากหญิงสาว กัดแทะรุนแรงทำให้เธอเจ็บจนร้องไห้สะอื้น ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใจดียอมโอนอ่อน เขาโกรธจนคุมสติไม่อยู่ เบื้องล่างอัดกระหน่ำรัวเร็วชำเราโพรงเนื้ออ่อนจนแดงเถือก
ขณะปลดปล่อยชายหนุ่มไม่ผ่อนแรงกระแทก น้ำรักขาวข้นกลิ่นคาวจึงกลายเป็นฟองฟอดไหลหยดลงมาตามเรียวขา โยษิตาหมดแรงฟุบสลบอยู่บนแผ่นอกของเขา แต่อิทธิพลไม่ยอมจบง่ายๆ พอพลิกกลับไปอยู่ข้างบนก็เริ่มเคี่ยวเข็ญเธอรอบใหม่ คืนนั้นทั้งคืน กว่าเขาจะพอใจท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?