บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น คุณหญิงศรินแจ้งจุดประสงค์ว่าอยากมาเยี่ยมลูกชาย แต่พอเจอหน้าโยษิตาก็ลืมเขาในทันที เอาแต่พูดคุยสนิทสนมตามประสาผู้หญิงนั่นนี่จนอิทธิพลแทบไม่มีตัวตน ถ้าเขาไม่ทราบมาก่อนคงคิดไปแล้วว่าโยษิตาต่างหากคือลูกสาวในไส้ของท่าน ส่วนตนคือลูกชัง นอกจากหันมาบ่นเป็นบางครั้งบางคราว ก็ไม่ได้รับความสนใจอีก
เขาต้องการให้มารดาเพิกเฉยตนมาตลอด เวลาเจอหน้าขอแค่ทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขกันก็พอ อย่าได้หยิบยกเรื่องแต่งงานมีเมียมาเร่งเลย เวลานี้สมดั่งใจแล้ว ผู้เป็นแม่เลิกพร่ำบ่นอย่างหาได้ยาก ทว่าท่าทางใจดีราวกับได้ลูกสาวคนใหม่มันขัดหูขัดตาเขาแปลกๆ โยษิตาเองพอแม่ชวนคุยก็ไม่ใส่ใจเขาเลย อาหารมื้อนี้รสชาติไม่อร่อยแล้ว
“กินน้อยจังเลย ผู้หญิงเราผอมไปก็ไม่ดี มีน้ำมีนวลหน่อยถึงจะเข้าท่า มาจานนี้อร่อย เดี๋ยวแม่ เอ๊ย! เดี๋ยวฉันตักให้” คุณหญิงศรินรีบเปลี่ยนคำเรียกหญิงสาวตรงหน้า เพราะไม่อยากให้กระต่ายน้องตื่นตูมไปก่อนที่ความหวังจะสำเร็จ
โยษิตาน้อมรับอย่างเกรงใจ เคยได้ยินจากเจ้านายว่าคุณหญิงท่านพอทราบเรื่องคบกันก็ไม่ตำหนิสักคำ เดิมทีเธอไม่ค่อยอยากเชื่อเพราะคุณหญิงทาบทามริชชี่ลูกสาวนักการเมืองใหญ่ให้ลูกชายแล้ว จู่ๆ มีผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าโผล่มา สถานะก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว จะต้องไม่ค่อยชอบใจอะไรแบบนั้น
แม้ที่ผ่านมาท่านจะเอ็นดูอยู่บ้าง แต่เธอไม่ใช่คุณหนูลูกผู้ดีมีฐานะ ทำงานแลกเงินเดือนไปวันๆ มีคุณสมบัติอะไรถึงกล้าคบหากับอิทธิพล ริชชี่นิสัยวีนเหวี่ยงอารมณ์ร้าย ทว่าชาติตระกูลสูงส่งเหมาะสม ให้เลือกกันจริงๆ ย่อมเอียงไปฝั่งริชชี่แล้วชังน้ำหน้าเธอ หาวิธีไล่เธอไปให้พ้นสิ ไม่ใช่มายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แทบจะป้อนข้าวให้กินแบบนี้
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง” โยษิตาเอ่ยขอบคุณคุณแม่ของบอสอย่างเกรงใจ
“คุณหญิงอะไรกัน เรียกเสียห่างเหินเชียว หนูเป็นแฟนของเจ้าอิทแล้ว เรียกแม่ดีกว่า แต่ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไร”
คำพูดนี้ถ้าไม่เรียกแม่ก็หมายความว่าเธอลำบากใจสิ คุณหญิงท่านก็ช่างหาวิธีตะล่อมเก่งเสียจริง กล่อมให้เรียกแต่โดยดีไม่สำเร็จก็เปลี่ยนไปใช้ถ้อยคำเชิงตัดพ้อทำให้ลำบากใจแทน ไม่ต้องถามเลยว่าบอสเจ้าเล่ห์เหมือนใคร โยษิตาไม่กล้าเรียกแน่นอน กระดากปากเกินไปจึงได้แต่อมยิ้มน้อยๆ และด้วยอาการที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้คล้ายกับตอนที่เธอเขินอาย อิทธิพลกำลังกินข้าวเซ็งๆ มองเห็นพอดีพลันเบิกตาตะลึง รู้สึกคันไม้คันมือจนอยากบีบแก้มสีแดงระเรื่อสักที
นี่เธอกำลังเขินอยู่เหรอ ช่วยไม่ได้นี่นะ แม่ของเขาชอบเธอมากจนอยากจับมาเป็นสะใภ้จะแย่แล้ว คำพูดก็เป็นกันเองแทบจะโอบโอ๋ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เขาเองยังขนลุก ไม่แปลกหรอกที่เธอจะรับไม่ไหว อิทธิพลอยากช่วยให้เลขาสาวผ่อนคลาย จึงจะกล่าวอะไรสักหน่อย แต่ยังไม่ทันอ้าปากก็ต้องอึ้งเหวอเพราะมารดาชิงพูดเรื่อยเปื่อยขึ้นมาก่อน
“หนูโยไม่ค่อยกินเลย เบื่ออาหารเหรอ แล้วเดือนนี้ประจำเดือนมาปกติไหม ง่วงนอนบ่อย เปรี้ยวปากอยากกินของดองบ้างหรือเปล่า ถ้าหนูมีอาการเหล่านี้ต้องบอกแม่ทันทีเลยนะ เรามีเบอร์ส่วนตัวกันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจเด็ดขาด”
“แค่กๆ โย…โยสบายดีค่ะ” ไม่บอกก็รู้ อาการที่คุณหญิงร่ายมามันคืออาการของคนท้อง เธอกินยาคุมอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางผิดพลาด ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองท้องป่องเด็ดขาดเหมือนกัน
“อะแฮ่ม! แม่ครับ บอกแล้วไงว่าเธออยากทำงานก่อน เรายังต้องเรียนรู้กันและกัน จะรีบไปทำไม ลำพังแค่หลานสองคนลูกขนมนุ่มนิ่มของพี่อัค แม่ยังเลี้ยงไม่หนำใจเหรอ”
“ลูกพี่ชายเราก็ต่างหาก ลูกเราก็อีกเรื่อง แม่อยากอุ้มหลานเร็วๆ ไม่ได้หรือไง” คุณหญิงศรินดุลูกชาย จากนั้นหันมาจับมือโยษิตา แววตาอ่อนโยนเอ็นดู “หนูโยไม่ต้องเครียดนะ ที่แม่พูดน่ะแค่เผื่อเอาไว้ หนูอยากมีตอนไหนก็ได้ แม่ไม่เร่ง”
คุณหญิงศรินคำก็แม่ สองคำก็แม่ พูดได้คล่องปากอย่างยิ่ง หลังฝากฝังดูลาดเลาจนพอใจแล้วก็ไม่ได้อยู่รบกวนอีก กินข้าวเสร็จยิ้มแป้นยอมกลับบ้าน ปล่อยให้สองคนหนุ่มสาวได้มีเวลาคลอเคลียกัน เช่นนี้เจ้าหลานชายหลานสาวตัวน้อยจะได้สบโอกาสลืมตาดูโลกเร็วๆ ต่างคนต่างแยกย้าย เกือบห้าทุ่มอาบน้ำเรียบร้อย โยษิตานั่งทำงานต่ออีกเล็กน้อยก็ว่าจะเข้านอน ด้านหลังพลันมีเสียงเคาะประตูก๊อกๆ สองที
“โยษิตา ผมเข้าไปนะ”
หญิงสาวตาตื่นรีบพับจอแล็บท็อบลงทันใด ผุดลุกขึ้นแล้วเร่งฝีเท้าไปยังเตียงนอน สอดตัวเข้ามุดใต้ผ้าห่ม ก่อนที่ประตูจะถูกผลักเปิดเข้ามา นิ้วมือเรียวเอื้อมปิดไฟหัวเตียงพอดี ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความมืด
อิทธิพลก้าวขาเข้าไป พอปะทะกับความเงียบแววตาพลันหม่นวูบ พูดงึมงำเสียงแผ่วอย่างประหลาดใจ “นอนเร็วจัง”
ก่อนเคาะประตูเขาดูแล้วเหมือนไฟข้างในจะเปิดอยู่ ทำไมตอนนี้มืดซะล่ะ หรือจะมองผิดไป อาจเป็นแสงไฟจากนอกหน้าต่างสาดเข้ามา โยษิตาไม่ได้ปิดผ้าม่าน คงง่วงมากจนลืมจัดการให้เรียบร้อย อิทธิพลใจดีเดินไปรูดราวผ้ากั้นแสงรบกวนให้ โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีดวงตาใสแจ๋วลอบมองการกระทำของเขาเงียบๆ
โยษิตาในตอนนี้ตกใจขนานใหญ่ เพียงแค่ปิดผ้าม่านให้เท่านั้น แต่บอสราวกับกลายเป็นคนอื่นที่เธอไม่รู้จักเสียแล้ว เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ กว่าสามปีที่อยู่ทำงานด้วย นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่บอสแสดงน้ำใจ หญิงสาวลอบจุ๊ปาก อดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกหน่อย อิทธิพลในมุมนี้ไม่ใช่จะมีทุกวัน หาดูยากมาก
ชายหนุ่มหมุนตัวกำลังจะออกจากห้อง จู่ๆ เงาร่างสูงใหญ่ก็หยุดฝีเท้าแล้วหันมองคนบนเตียง โยษิตาราวกับได้สบประสานสายตากับเจ้านายในความมืด ลมหายใจผ่อนคลายสม่ำเสมอพลันสะดุดทันที ยิ่งแทบจะหยุดนิ่งเมื่ออิทธิพลมายืนจ้องอยู่ข้างเตียง เขาจะทำอะไร เธอหลับแล้วก็ยังจะรบกวนปลุกมาทำเรื่องนั้นเหรอ
ปล่อยเธอไปเถอะ เจ้านายผู้แสนดี เจ้านายผู้ประเสริฐ ไม่ต้องทำทุกคืนก็คงไม่ตายหรอกมั้ง ลองงดเว้นบ้างเผื่อจะบำบัดการเสพติดเซ็กซ์ได้ ฮือๆ เนิ่นนานคล้ายชายหนุ่มกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่ โยษิตาก็พลอยลุ้นระทึก
นี่จะยืนอยู่อย่างนี้ทั้งคืนเลยเหรอ มาจ้องกันไม่ลดละ เธอหลับไม่ลงนะ หญิงสาวเริ่มร้อนรนหาทางรอด พอคิดได้ว่าแค่ปิดเปลือกตาก็มองไม่เห็นแล้วจึงกระทำอย่างเงียบเชียบ ใครจะรู้ว่าอิทธิพลก็เคลื่อนไหวเหมือนกัน เขาเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงนอน เปิดผ้าห่มแผ่วเบาแล้วแทรกตัวเข้ามาเบียดอยู่ข้างเธอ สักพักที่หน้าท้องก็มีท่อนแขนหนักวางทับลงมา
“นอนเถอะ คืนนี้ผมไม่กวนคุณหรอก”
เสียงกระซิบราวกับขนนกปัดผ่านที่ข้างหู โยษิตางอปลายเท้า ร่างทั้งร่างเกร็งเขม็ง ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ เหมือนเสียงกรนของแมวแว่วมา เป็นอันว่าอิทธิพลหลับแล้ว หญิงสาวผ่อนลมหายใจก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้เขา พลิกหันหลังแล้วสงบจิตสงบใจพักผ่อน วันนี้เจ้านายมาแปลกจริงๆ
รุ่งเช้าเป็นโยษิตาที่ตื่นก่อน เธอลงจากเตียงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเช่นทุกวัน พอออกมาก็ประจวบเหมาะกับที่อิทธิพลงัวเงียลงจากเตียงพอดี บรรยากาศดูกระอักกระอ่วน ดีว่าเจ้านายมักอารมณ์ขัน ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ไหนก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองซึมเซา เขาหันมาเห็นโยษิตา ประโยคแรกยังคงเหมือนเดิมเช่นทุกวัน
“ตื่นเช้าเชียวคุณเลขา วันนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง”
โยษิตายืนเท้าเปล่าสวมชุดเรียบร้อย มีเพียงเส้นผมและใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางยังไม่ได้แต่งให้ดี พอเขาถามก็ร่ายรายละเอียดราวกับมีบันทึกข้อมูลอยู่ในหัว แจ้งตารางนัดหมายล่วงหน้าทั้งหนึ่งสัปดาห์อย่างไม่ติดขัด ครบเสร็จหมดจึงถามกลับบ้าง “บอสจะให้โยไปเตรียมน้ำให้ไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก คุณแต่งตัวให้เสร็จเถอะ ไว้ค่อยลงไปกินข้าวข้างล่างด้วยกัน” น้ำเสียงหลังตื่นนอนอ้อยอิ่ง ทว่าแฝงเร้นไว้ด้วยความใจดีที่ไม่คุ้นเคย คนฟังอึ้งจนนิ่งไปแล้ว คนพูดยิ่งทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่า อิทธิพลพึ่งตระหนักจึงก้าวเท้าอาดๆ ออกไป ไม่รีบเกรงว่าเลขาสาวจะจับความผิดปกติบนใบหน้าของเขาได้
“รับ…รับทราบค่ะ”
ประตูห้องปิดสนิทหญิงสาวจึงได้หายใจโล่งคอ บอสไม่ใช้เธอไปช่วยเตรียมน้ำเตรียมเสื้อผ้า นี่มันเกิดพลิกผันอะไรขึ้นไม่ใช่ว่าอีกหน่อยจะทำงานเองโดยที่เธอไม่ต้องพูดจนปากแทบฉีกถึงหูหรอกนะ เป็นอย่างนั้นก็ประเสริฐสิ จะยกมือสาธุเลย
ที่บริษัทริชชี่ยังคงมาฝึกงานตามปกติ ไม่มีท่าทีจะตัดใจง่ายๆ โยษิเองก็ทำหน้าที่ของตนไป แต่ในทุกวันมักจะมีข่าวลือมากมายโจมตีเธออยู่เสมอ จนคนทั้งบริษัทพูดกันไปแล้วว่าเด็กฝึกงานคนสวยกับเลขาสาวของบอสใหญ่ไม่กินเส้นกัน และเพราะโยษิตาเป็นประเภทนิสัยแข็งนอกอ่อนใน ส่วนมากติดตามเจ้านายทำแต่งานงกๆ แถมเจ้าระเบียบ งานชิ้นไหนไม่เรียบร้อยก็จะไม่ยอมเอาเข้าไปให้อิทธิพลเซ็น พนักงานกว่าครึ่งจึงไม่ปลื้มเธอ พอมีเรื่องก็แสดงความเห็นใจริชชี่ แอบนินทาว่าที่โยษิตาลุกขึ้นมาแต่งตัวสวยเป็นเพราะใฝ่สูงอยากจับเจ้านาย
ริชชี่เองอาศัยโอกาสที่เธอกับอิทธิพลไม่ได้แพร่งพรายความสัมพันธ์ สร้างความเกลียดชังไม่เว้นวัน คงคิดว่าจะกดดันโยษิตาให้อยู่ไม่เป็นสุขได้ แต่หญิงสาวประเมินคนอย่างเลขาท่านประธานน้อยไป กว่าโยษิตาจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง กว่าจะมีฉายาประจำตัวอย่างคุณนายระเบียบสุดโหด เธอผ่านคำพูดคนมามากมายกว่านี้ ไม่มีทางท้อใจเพียงเพราะลมปากของพวกสอดรู้ แถมคนเหล่านี้ยังหดคอขี้ขลาดไม่กล้ามาพูดกับเธอซึ่งหน้า จะไปแคร์ทำไม
“พี่โยขา สัปดาห์หน้าก็เป็นทริปบริษัทแล้ว มีคนนอนกับพี่โยหรือยังคะ เขาให้จับคู่กันสองคนต่อหนึ่งห้องพัก พี่โยพักกับหนูนะคะ” กิ่งแก้วเลื่อนเก้าอี้มาใกล้ กอดท่อนแขนของโยษิตาแล้วออดอ้อน
“ไม่อยากนอนกับเพื่อนเหรอ” โยษิตาลูบศีรษะเธอ ฝึกงานผ่านไปแค่เดือนเดียว เด็กสาวขี้อายในวันแรกเปลี่ยนไปขนาดนี้แล้ว
“ก็อยากค่ะ แต่อยากนอนกับพี่โยมากกว่า อ๊ะ! บอส…” กิ่งแก้วถอยห่างจากรุ่นพี่สาวคนสวย รีบไถลกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
อิทธิพลมาทันได้ยินทั้งสองสาวออดอ้อนคลอเคลียกัน หันไปมองกิ่งแก้วแล้วพูดเสียงเอื่อยเฉื่อย “พี่โยของคุณมีคนนอนด้วยแล้ว ไปหาคู่ใหม่เถอะ”
ริชชี่จัดโต๊ะใหม่ไปนั่งอยู่หน้าห้องทำงานของท่านประธาน ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะของเลขา เธอย่อมได้ยินว่าอิทธิพลพูดอะไร หญิงสาวกัดฟันแทบแตก คิดอย่างจริงจังว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว ถ้านานกว่านี้โยษิตาต้องเสียบตำแหน่งสะใภ้เล็กของตระกูลธาดากีรติแน่ เธอไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ปล่อยให้ผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้เหยียบหัวเธอเด็ดขาด
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?