ตอนที่ 9 ซ้ำรอย

เธอยืนยันจะอยู่เฝ้าไข้ อิทธิพลค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่แจ่มใสเท่าใดนัก เขาไม่ชอบใจที่เธอไปเดทกับผู้ชายคนอื่นทั้งที่มีเจ้านายสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ตนยังไม่สนใจจะคบหาใครเลย จู่ๆ คนใกล้ตัวมามีความรัก บอกตามตรงว่าอึดอัด

“คุณอยากมีแฟนเหรอ นึกยังไง ผมจะบอกให้นะ ชีวิตโสดดีที่สุด วันๆ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคอยเอาอกเอาใจแฟน อยากออกไปสนุกไม่ต้องขออนุญาตใครก่อน เหมือนอย่างผมนี่ ผู้ชายคนนั้นไว้ใจได้ไหมก็ไม่รู้ เกิดมาหลอกฟันคุณเฉยๆ จะไม่น้ำตาเช็ดหัวเข่าเหรอ มันกระทบกับงานเข้าใจไหม คุณคงไม่ได้เก่งถึงขั้นอกหักแล้วยังทำหน้าที่ได้เต็มร้อยหรอก”

ผู้มากประสบการณ์กลัวมีเมียยิ่งกว่าอะไรทั้งปวงชี้แนะ โยษิตาเปลี่ยนไปสวมรองเท้าใส่ในบ้านแล้ว กำลังเตรียมยาไว้ให้เขากินหลังมื้ออาหาร พอได้ยินก็เพียงขานรับผ่านๆ ไม่ได้ถกเถียงกับคนที่มีปณิธานครองตัวโสดเพื่อฟันสาวเล่นอย่างเขา เธอยังไม่ถึงขั้นต้องกังวลหรอกว่าตะวันจะเข้ามาหลอก ตีตนไปก่อนไข้ไม่ใช่เรื่อง ไม่อาจตัดสินอีกฝ่ายก่อนจะได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้

อิทธิพลยังคงพูดไปเรื่อย จนกินยาแล้วเริ่มง่วงค่อยเงียบเสียงในที่สุด โยษิตาขยับไปนั่งบนโซฟาอีกฟากหนึ่งของห้องนอน ครั้นเหลือบมองไปที่เตียงคิงไซส์ก็อดที่จะนึกถึงเรื่องน่าอับอายคืนนั้นไม่ได้ เข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นความทรงจำแล้ว ไม่มีทางที่จะควบคุมความคิด ยังดีว่าอิทธิพลเมาไม่ได้สติ ไม่งั้นหากเขารู้คงอึดอัดกันน่าดู

ตอนเย็นคนป่วยตื่นมากินข้าวกินยาได้ตามปกติ แต่พอตกกลางดึกกลับตัวร้อนขึ้นมาซะอย่างนั้น โยษิตาทำงานค้างจนเสร็จหมดเดินมาตรวจดู ตกใจกับร่างกายที่ร้อนจัดเหมือนไฟจนต้องหาผ้าขนหนูสะอาดมาเช็ดตัวลดอุณหภูมิให้ เธอเคยดูแลอิทธิพลตอนป่วยมาแล้ว จึงไม่เงอะงะขัดเขิน เปิดผ้าห่มออกได้ก็ทำการถอดเสื้อยืดชุ่มเหงื่อบนตัวชายหนุ่ม ค่อยๆ เช็ดด้านหน้าแล้วก็ตามด้วยด้านหลัง ประคองกอดคนที่หน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้ให้ลุกนั่งซบไหล่ตนเอง สองมือเลื่อนผ้าขนหนูไปตามแนวโค้งสันหลังหนัดแน่นอย่างใส่ใจ

“อืม” เขาครางออกมาเบาๆ เพราะมีคนมาขยับตัวจึงได้รู้สึกว่าถูกรบกวนเป็นแน่ โยษิตามัวแต่ง่วนอยู่กับแผ่นหลังร้อนผ่าว หลังเช็ดเสร็จเรียบร้อยพลันพบว่าตัวเองถูกเจ้านายหนุ่มกอดเอวแน่นเสียแล้ว เขายังไม่ได้สติ เธอจึงพยายามแกะมือที่เหนียวหนึบยิ่งกว่ากาวออก แต่ไม่ได้ คนตรงหน้าไม่มีทีท่าจะปล่อยกันเลยสักนิด

“หอม” อิทธิพลพึมพำ ขยับตัวเอนหงายลงไปนอนที่เดิม โดยมีโยษิตาตามมาด้วย

หอมคือใคร เขาละเมอถึงผู้หญิงที่ไหนอีก เธอไม่ใช่แม่สาวหอมอะไรนั่นนะ ยังไม่ทันจะได้ดิ้นหนีก็ถูกพลิกตลบหนึ่ง ร่างกายหนักอึ้งของอิทธิพลคร่อมอยู่ด้านบน เขายังไม่ใส่เสื้อ ใบหน้าหล่อทุกองศาโน้มลงมาใกล้พวงแก้มของโยษิตา ไล้ปลายจมูกดมกลิ่นฟุดฟิดราวกับสุนัขก็ไม่ปาน “หอมจัง”

โยษิตาตัวแข็งทื่อ หอมที่ว่านี่ไม่ใช่ชื่อคนแต่เป็นกลิ่นหรอกหรือ แล้วเขาจะทำอะไร อย่ามาดมตัวคนอื่นเขามั่วแบบนี้นะ หญิงสาวจำใจเปล่งเสียง กลัวว่าเจ้านายจะทำอะไรบ้าๆ “บอสคะ นอนพักดีๆ นะคะ โยจะไปเอาแผ่นแปะลดไข้มาให้”

ในที่สุดอิทธิพลก็สะลึมสะลือลืมตาขึ้น ใบหน้าแตกตื่นของคนด้านล่างสะท้อนเข้ามา สบประสานสายตาจ้องกันอยู่สักพักหนึ่ง จู่ๆ ชายหนุ่มก็เลื่อนนิ้วมาคีบแว่นโยษิตาออก เลขาสาวยิ่งตระหนกกว่าเดิม “บอสคะ?”

ในสมองเต็มไปด้วยสัญญาณเตือน เร่งให้เธอหนีไปจากตรงนี้โดยเร็ว แต่โดนกดไว้อีกแล้ว โยษิตาเกรงจะซ้ำรอยคืนนั้นจึงพูดด้วยเสียงอันดัง หวังว่ามันจะเรียกสติเขา “บอสคะ! นี่โยนะคะ! บอสลุกออกไปก่อนได้ไหมคะ!”

ไม่มีคำตอบ คนด้านบนบีบปลายคางเธอ จากนั้นกดริมฝีปากลงมาไม่ให้ตั้งตัว จูบอุดถ้อยคำที่หญิงสาวอยากจะเอ่ยค้างไว้ในลำคอ ฝ่ามือหนาเลื่อนมากุมข้อมือเล็กตรึงไว้ข้างศีรษะ เรียวลิ้นหยาบเปียกชุ่มไปด้วยรสขมของยาแทรกส่งรสชาติเข้าไปกระหวัดเกี่ยวพัวพันในช่องปากอ่อนนุ่มอย่างบ้าคลั่งมัวเมา ฟันกระทบฟัน ดวงตากลมหวานหรี่ลงเพราะความเจ็บปวด ให้ตายก็ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกับเจ้านายจะทำเรื่องน่าอายแบบนี้อีกครั้ง

ที่สำคัญคือเขาไม่ได้เมา ยังมีสติอยู่แม้พิษไข้จะกำเริบจนหน้าแดงก่ำก็ตาม จูบนี้เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ โยษิตามีประสบการณ์ครั้งเดียวจึงหายใจไม่เป็นจังหวะ รู้สึกติดขัดในช่องอกจนแทบขาดอากาศ ใบหน้าที่ปราศจากแว่นอำพรางแดงก่ำ โดยเฉพาะพวงแก้ม ตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็เหมือนก้อนถ่านร้อนๆ ที่กำลังประกบแนบกัน

ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฉีกเสื้อ ตามมาด้วยเสียงร้องอึดอัด ริมฝีปากร้ายกาจของอิทธิพลขยับลงไปคลอเคลียก้อนอกตูมเต่ง ซึ่งมีแต่ร่องรอยช้ำเป็นจ้ำเขียวบ้างม่วงบ้างอย่างได้ใจ โยษิตาส่ายหน้าหอบกระเส่า พอมีลิ้นตวัดรัวใส่ส่วนยอดอกที่ไวต่อความรู้สึกก็บิดเร้าไปมา

“อย่าค่ะ บอสอย่าทำแบบนี้นะคะ”

อิทธิพลดูดผิวเนื้ออ่อนแรงยิ่งขึ้น ใช้ฟันกัดเบาๆ เป็นเชิงหยอกเย้าแล้วฝังใบหน้าสลักเสลาลงฟัดสลับสองมือขยำ เบื้องล่างมีปฏิกิริยานานแล้ว ครั้นพอกดเอวลงแนบกับหญิงสาว โยษิตาก็หน้าแดงก่ำกว่าเดิม แทบจะถูกเจ้าสิ่งนั้นบีบให้ร้องไห้ออกมา เธอไม่เอา ไม่อยากโดนของที่ใหญ่ขนาดนี้ฉีกร่างอีก

กระโปรงร่นออกจากปลายเท้า เหลือเพียงแพนตี้ชิ้นเดียวปกปิดร่างกาย โยษิตานึกสู้จะลงจากเตียง แต่พอหันหลังยังไม่ทันได้คลานลงไป ก็ถูกลากขากลับมานอนที่เดิม อิทธิพลนึกสนุกตีฝ่ามือลงไปที่ก้นงามงอนของเธอ แหวกแพนตี้สีฟ้าอ่อนเล็กน้อยก่อน ค่อยโน้มมาคร่อมทับจากทางด้านหลัง หยัดกายใหญ่ยักษ์หัวเปียกชุ่มแทรกผ่านโพรงเนื้ออ่อนนิ่มที่เปียกแฉะนานแล้วช้าๆ

“อ๊า! บอส คุณอิท อึก! หยุดนะ หยุดก่อน ฮือ! โยเจ็บ อร้ายย!”

สองมือโยษิตากำผ้าห่มนวมสีเทาแน่น แผ่นหลังสั่นระริกอยู่ครู่ใหญ่ พอเขาเข้ามาได้ทั้งลำก็หมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะเปล่งเสียง ได้แต่นอนคว่ำหน้าสิ้นสภาพอยู่อย่างนั้น อิทธิพลยกเอวเธอขึ้นมา บังคับให้เลขาสาวจัดท่าคลานเขาดีๆ ก่อนจะขยับสู่ขั้นต่อไป รู้สึกว่าคนใต้ร่างตัวสั่นเหลือเกินจึงได้หันใบหน้าน้ำตาอาบกลับมา จูบปลอบโยนเธอแล้วเริ่มสอดประสาน

“อ๊าๆ บอสคะ อ๊า!” ความเจ็บปวดในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเสียวซ่าน เสียงคล้ายน้ำแตกกระเซ็นดังฉับๆตามจังหวะสอบเอวซอยของชายหนุ่ม โยษิตาไม่อยากยอมรับ แต่ร่างกายกลับปล่อยน้ำหล่อลื่นอำนวยความสะดวกให้เขา อายก็อาย สับสนว้าวุ่นจนเวียนศีรษะไปหมด

ชายหนุ่มหอบหายใจ ขยับเอวจ้วงแทงดุดันกว่าเดิม “คุณชอบไหม อยากให้ผมซอยคุณหนักๆ ไหม”

“อ๊า! บอส โยไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว อ๊า!” โยษิตาตัวสั่นกระตุก ร่างกายราวกับถูกกระแสไฟฟ้าระลอกใหญ่แล่นผ่าน แขนขาพลันอ่อนเปลี้ย สมองพร่าเบลอทันทีเมื่อแตะจุดสุดยอด “อ๊า!”

“เสร็จแล้วเหรอ หื้ม? รู้สึกสบายตัวไหม” อิทธิพลอมยิ้ม ทำการพลิกเรือนร่างอรชรซ่อนรูปของโยษิตากลับมานอนหงาย กอบเอาเรียวขาของเธอมาวางบนบ่าไหล่ เปลี่ยนท่วงท่าที่จะถึงใจกว่าเดิม

ลำกายร้อนระอุเชื่อมต่อลึกล้ำ อิทธิพลเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าผาก ยกสะโพกโยษิตาขึ้นแล้วกระเด้งสอบเอวตนเองตอกอัดเข้าไป แรงตอดรัดที่มาจากโพรงเนื้อฉ่ำชื้นโอบรอบ กลิ่นคาวสวาทเจือจางลอยคลุ้งคุกรุ่น สร้างความสุขกระสันให้ชายหนุ่มจนเขาชักจะอดรนทนไม่ไหว ดวงตาดำขลับทอประกาย ขยับแทงกระหน่ำใส่เนื้ออุ่นนุ่มด้านหน้าถี่ระรัว

“อ๊า! อ๊าๆ บอส!” โยษิตาเรียกเขาราวกับเรียกหาที่พึ่งท่ามกลางไฟสวาทร้อนแผดเผา ร่างกายส่วนล่างถูกทิ่มแทงจนแทบจะทะลุช่องท้องอยู่แล้ว แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด ทั้งที่จุกแน่นทรมานมากแท้ๆ แต่กลับเสียวซ่านเหลือเกิน ปลายเท้าจิกแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อต่างคนต่างอารมณ์พุ่งสูงเกินจะควบคุมไหว ธารร้อนระอุก็ได้พ่นออกมา ฉีดกระฉูดเข้าไปในร่างของโยษิตาทุกอยาดหยด หลังการตอกกระแทกอันบ้าคลั่ง ที่ตามติดมาด้วยกันคือความกระอักกระอ่วน

โยษิตาไม่คิดว่าเจ้านายไร้สติแล้วเพราะเวลานี้ดวงตาสะลึมสะลือของเขาใสแจ๋ว เหงื่อออกชุ่มโชกไปทั้งร่าง แม้แต่อาการป่วยไข้ก็น่าจะได้ระบายความร้อนจนหายดีด้วยซ้ำ หญิงสาวขยับตัวจนอวัยวะที่เชื่อมต่อกับอีกฝ่ายหลุดออก

ร่างกายอิดโรยเต็มไปด้วยร่องรอยเขียวช้ำก้าวขาลงจากเตียงไป หยิบเสื้อผ้ามาสวมเงียบๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงนอนแอ้งแม้งเหมือนหมูตาย “บอสน่าจะไม่เป็นไรแล้ว งั้นโยขอตัวกลับก่อนนะคะ”

อิทธิพลอยากพูดบางอย่าง แต่ไม่ทราบทำไมพูดไม่ออก พอเห็นเธอหยิบเสื้อที่ขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีขึ้นมาก็ตัดสินใจกล่าวว่า “ดึกแล้ว คืนนี้คุณ…คุณนอนที่นี่เถอะ เดี๋ยวผมให้คนไปเตรียมห้องให้ ขับรถกลับคนเดียวมัน…อันตราย”

โยษิตาลังเล แต่คิดให้ดีก็ตอบเสียงอ่อน “ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

คล้อยหลังหญิงสาวออกไปจากห้อง อิทธิพลยีผมจนยุ่งพร้อมสบถ “ไอ้เชี่ยอิท นี่เอ็งหิวจนกดเลขาเลยเหรอวะ”

ช่วงแรกเขาไม่รู้ตัวจริงๆ จนกระทั่งคร่อมโยษิตาไว้ใต้ร่าง ลองถอดแว่นของเธอออก ความทรงจำเกี่ยวกับเซ็กซ์เร่าร้อนในคืนนั้นจึงได้ผุดขึ้นมา กระตุ้นให้เลือดลมแล่นพล่านอย่างไม่อาจควบคุม เขากำลังคิดว่าเรื่องราวในหัวน่าสงสัย พอได้ทำกับเธออีกครั้ง ตอนนี้กลายเป็นแน่ใจแล้ว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ