ฉายาเลขาตัวดีบ้างล่ะ คุณนายระเบียบบ้างล่ะ เหล่านี้ล้วนไม่ได้มาเพราะบุคลิกเพียงอย่างเดียว การกระทำที่เด็ดขาดก็นับว่าส่งเสริมภาพลักษณ์ให้โยษิตาเป็นอย่างนั้น เธอรู้ว่าริชชี่เป็นเด็กที่คุณหญิงท่านส่งมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด ฝากฝังให้ช่วยอำนวยความสะดวกก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่มาวางอำนาจกดหัวใช้ย่อมเป็นอีกเรื่อง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอผู้หญิงประเภทนี้
“ฮึ! ตั้งใจอ่านอะไรนักหนา อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว พวกชนชั้นแรงงานนี่ถ้าไม่ขยันก็จะไม่มีกินใช่ไหม เลยต้องดิ้นรน”
โต๊ะเด็กฝึกงานทั้งสองถูกจัดไว้ด้านข้างถัดจากโต๊ะของโยษิตา พอเห็นว่ากิ่งแก้วก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับข้อมูลของบริษัท ริชชี่ที่เบื่อจะตายอยู่แล้วจึงนึกหมั่นไส้พูดถากถาง ครั้นโยษิตากำลังลุกขึ้น ริชชี่ที่นั่งเซ็งๆ ดีดตัวทันใดคว้าหมับเอาแฟ้มเอกสารจากมือเธอไป
“อันนี้จะเอาเข้าไปให้พี่อิทดูเหรอ ฉันเอาไปเอง” ไม่รอให้โยษิตาพูดจามากความ หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดรูปก็ย่ำรองเท้าส้นสูงผลักประตูห้องทำงานผู้บริหารใหญ่เข้าไป
ด้านในตกแต่งอย่างมีสไตล์ งานศิลปะหายากแขวนโชว์ไว้บนผนังทางด้านหนึ่ง ส่วนพื้นที่ด้านหน้าเป็นโซฟารับรองแขก ทางฝั่งด้านซ้ายเดินลงบันไดสามขั้นเตี้ยไปจะเป็นโต๊ะทำงานสุดหรูหราของท่านประธานหนุ่ม ตัวเขานั่งนิ่งคล้ายกำลังใจลอยคิดบางอย่าง ใบหน้าคมสันภายใต้บรรยากาศเคร่งขรึม ทำให้รัศมีที่แผ่ออกมายิ่งชวนให้หลงใหล ว่ากันว่าเวลาผู้ชายกำลังจริงจังจะปะทุเสน่ห์ออกมามากที่สุด อิทธิพลก็เป็นเช่นนั้น
รับรู้ได้ถึงฝีเท้า นัยน์ตาคมเหลือบขึ้นเล็กน้อย พอเห็นว่าเป็นนักศึกษาคนหนึ่งก็ขมวดคิ้ว “เธอเข้ามาทำไม”
“ริชชี่เอาเอกสารมาให้เซ็นค่ะ” เธอเดินไปวางแฟ้มลงตรงหน้าเขา จากนั้นทำตาหวานแหววพูดเสียงเบา แก้มสองข้างเริ่มแดง “พิอิทจำริชชี่ไม่ได้เหรอคะ เราเคยเจอกันที่งานเลี้ยงหลายครั้งเลยนะคะ คุณพ่อของริชชี่เป็นเพื่อนกับคุณพ่อของพี่อิทด้วย”
ริชชี่ถือโอกาสแนะนำตัว เธอชอบอิทธิพลมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เขาเพราะคู่แข่งเยอะเสียจนชายหนุ่มไม่สนใจ เร็วๆ นี้คุณหญิงป้าศรินเทียวทาบทามลูกสาวเพื่อนพ้องให้ลองคบหากับลูกชายคนเล็ก เธอซึ่งเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นจึงได้รับความเอ็นดู
อิทธิพลลอบมองทรวดทรงของนักศึกษาสาวที่ตั้งใจมายั่วยวนเขาโดยเฉพาะ ในหัวแทนที่ความหื่นจัดเหมือนอย่างเคย กลับมีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมา ทำไมโยษิตาถึงกล้าวางใจให้เด็กคนนี้จัดการงานแทน เธอรู้ว่าเขาชอบความฉับไว ปกติเวลาเซ็นชื่อเลขาจะคอยชี้ว่าต้องจรดปลายปากกาตรงไหนบ้าง แถมยังคอยอธิบายว่าโครงการที่จะของบอนุมัติสำคัญมากน้อยอย่างไร แต่นี่! เอกสารหนาเป็นห้าสิบหน้าขนาดนี้ ไม่มีคนมายืนสรุปแล้วจะให้อ่านเองเหรอ
“อืม เก่งไม่เบาที่สอบเข้ามาฝึกงานได้ ฝึกแผนกธุรการเหรอ”
“ประมาณนั้นค่ะ คุณป้าบอกว่าในอนาคตถ้าริชชี่ช่วยงานพี่อิทได้จะดีมาก”
“แล้วผมต้องเซ็นตรงไหน คุณถามเลขาโยมาแล้วใช่ไหม” อิทธิพลไม่ได้นอกเรื่องใช้ความที่พ่อแม่รู้จักกันมาเล่นเส้นสายกับเธอ ผู้หญิงสวยเขาเคยเห็นมามากแล้ว คนตรงหน้าก็ไม่ต่างกับพวกพริตตี้นางแบบในวงการสักเท่าไร ประกอบกับช่วงนี้หน่ายระอาการก่อกรรมทำร้ายหัวใจสาวๆ เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจริชชี่เป็นพิเศษ
“เอ่อ…” ริชชี่เดินเข้ามาแล้วพลิกเปิดแฟ้มเอกสาร พอเห็นตำแหน่งเซ็นชื่อด้านล่าง อ่านแล้วตรงกับคำขออนุมัติของท่านประธานจึงบอกว่า “เซ็นตรงนี้ค่ะ”
“ทำไมผมต้องเซ็นตรงนี้” อิทธิพลไม่ได้ทำเสียงดุ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความรำคาญ สงสัยเขาต้องเรียกโยษิตาเข้ามาคุยสักหน่อย ดูแลเด็กฝึกงานตัวเองยังไงกัน
“ก็นี่เป็นเอกสารที่พี่อิทต้องเซ็นไม่ใช่เหรอคะ เลขาหน้าห้องบอกริชชี่มาแบบนี้”
ริชชี่พอถูกอิทธิพลถามรายละเอียดโครงการก็ใบ้รับประทาน ได้แต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพื่อให้เขาสงสาร “เอ่อ ริชชี่ไม่รู้ค่ะ เดี๋ยวริชชี่จะออกไปถามเลขาหน้าห้องใหม่นะคะ”
“ไม่ต้องถามแล้ว ไว้ไปคุยกันเองทีหลังเถอะ ผมรีบ” อิทธิพลกดปุ่มโทรศัพท์บนโต๊ะเรียกให้โยษิตาเข้ามา
เลขาสาวผลักประตูเปิด พอเห็นริชชี่ทำหน้าห่อเหี่ยวอยู่ด้านข้างก็แปลกใจจนลืมถามบอสหนุ่ม เอาแต่ครุ่นคิดว่าสิบห้านาทีที่ผ่านมาไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลยเหรอ สวยเซ็กซี่ขนาดนี้ ยั่วหน่อยอิทธิพลก็ไม่ปล่อยไว้แล้ว เธอมาควรจะได้เห็นอะไรที่แบบว่าสภาพหลังสงครามรักสิ้นสุดสิ
อิทธิพลไม่ทราบความคิดของเลขาสาว แต่ได้เห็นเธอ จู่ๆ คำพูดตำหนิที่เตรียมไว้ดันเค้นออกมาจากคอไม่ได้ โยษิตาที่แต่งตัวขาวสะอาดนุ่งมิดชิดเสียยิ่งกว่าแม่ชี ทำไมมันดูยั่วยวนกว่าอีก “เลขาโย คุณนี่ขี้เกียจเกินไปแล้ว เอกสารสำคัญขนาดนี้ยังให้เด็กฝึกงานเอามาส่งให้ผม แถมถามอะไรเธอก็ยังไม่รู้สักอย่าง ผมเสียเวลาสิบห้านาทีเชียวนะ”
“ขอโทษค่ะบอส…” โยษิตาไม่ได้อยากโยนขี้ใส่หัวใคร แต่อีกฝ่ายกลับใจทรามปัดความผิดพ้นจากตัว
ริชชี่น้ำตาคลอเบ้ากล่าวด้วยเสียงที่น่าสงสาร “ริชชี่ถามเลขาโยแล้ว แต่เธอบอกว่าเอาเข้ามาให้ก็พอ เดี๋ยวพี่อิทจะตัดสินใจเอง นี่ถ้าเลขาโยใส่ใจอธิบายให้ริชชี่ฟังสักหน่อย ก็คงไม่ทำให้พี่อิทเสียเวลา”
“อธิบายนิดเดียวก็จะจำได้เหรอ เอกสารห้าสิบหน้านี้มีทั้งหมดสิบโครงการ แต่ละโครงการมีข้อเสนอจากบริษัทก่อสร้างและแล็บวิจัยแตกย่อยไปอีกโครงการละไม่ต่ำกว่าห้าบริษัท ราคาที่เสนอแล้วก็เงื่อนไขยิบย่อย ต่อให้ทำสรุปก็ยังยาวเป็นสิบหน้ากระดาษ ให้อธิบายทั้งวันย่อมได้ ในเวลานิดเดียวก็ได้เหมือนกัน อยู่ที่ว่าคุณจะจำได้หรือเปล่า ไม่งั้นให้ฉันแก้ตัวอธิบายส่วนต่างๆ ตอนนี้เลยดีไหม จะได้ดูว่าแค่สละเวลาสักหน่อยคุณจะเก็บประเด็นสำคัญได้สักเท่าไร”
วุฒิภาวะต่างกัน ประสบการณ์เผชิญความกดดันและความชำนาญห่างชั้น ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้แม้แต่อิทธิพลก็คร้านจะจำ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องจ้างเลขาสมองดีอย่างโยษิตามาทำแทน ถ้าริชชี่จำได้ก็เป็นซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แล้ว
“ฮึกๆ ริชชี่ก็แค่อยากช่วย ไม่เห็นต้องดุขนาดนี้เลย ฮึกๆ ฮือๆ” หญิงสาวร้องไห้โยเยออกมาเดี๋ยวนั้น
อิทธิพลปวดหัวทันที เขาไม่ชอบที่สุดก็ตอนรับมือเวลาผู้หญิงร้องไห้ “โยษิตา คุณไม่เห็นต้องดุน้องเขาขนาดนั้น ค่อยๆ สอนไปเถอะ น้องพึ่งมาทำงานวันแรก ให้จำทั้งหมดนี้จะเป็นไปได้ยังไง”
บอสเข้าข้างเด็กฝึกงานแล้ว ตำหนิเธอมาแล้ว โยษิตาย่อมไม่เถียงให้เหนื่อย คุณหนูอัธยาศัยแย่คนนี้ยังไงก็มาที่บริษัทเพื่อคลุกคลีใกล้ชิดกับเจ้านายหนุ่ม ไม่ได้สนใจจะเรียนรู้งานอย่างแท้จริง ก่อนหน้าที่จะโดนบีบจนน้ำตานองสะอึกสะอื้น หล่อนบอกว่าตนไม่สละเวลาอธิบายรายละเอียดให้ พอจะทำกลับเป็นบ้าอะไรก็ไม่ทราบร้องไห้ขอความสงสาร ว่ากันตามจริงต่อให้ผิด แต่อิทธิพลมีหรือจะไม่โอ๋คนสวย เขาย่อมต้องตำหนิเธอเพื่อปลอบขวัญแม่สาวนักศึกษาอยู่แล้ว
โยษิตาไม่เถียง ปากยอมรับความผิดแต่ดวงตากลับเย็นชา “โยรีบเร่งเกินไป ต้องขออภัยด้วยค่ะ”
“ไม่มีเรื่องแล้วน้องริชชี่ก็ออกไปเถอะ ผมจะทำงานต่อ”
เมื่อสิบห้านาทีก่อนเขาเรียกเธอว่าคุณ แต่พอเห็นท่าทางน่าสงสารของเด็กสาวก็เปลี่ยนมาเรียกน้อง ความสัมพันธ์พัฒนาปุบปับรวดเร็ว ทำเอาริชชี่ดีใจจนเกือบยิ้ม หล่อนลอบถลึงตาเยาะหยันโยษิตาก่อนจะจำใจออกจากห้องทำงานไป
ครั้นเหลือกันอยู่ตามลำพังเพียงสองคน เลขาสาวก็เริ่มทำหน้าที่อธิบายโครงการของบประมาณอนุมัติทั้งหมดในแฟ้มเอกสาร
“เด็กฝึกงานคนเมื่อกี้เป็นใคร ดูไม่ค่อยรู้อะไรเลย อย่างน้อยในข้อสอบก็มีข้อมูลของบริษัทเราบ้าง แต่เธอกลับตอบไม่ได้” ให้เดาย่อมมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คือ เด็กเส้น เส้นใครไม่รู้ แต่กล้าเข้าถึงตัวเขาต้องเส้นใหญ่มาก
“ไม่ทราบค่ะ ถ้าบอสอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเธอ เดี๋ยวโยจะไปหาข้อมูลมาให้” เธอทราบทั้งหมด ยังเป็นตัวกลางที่คุณหญิงท่านไหว้วานให้ช่วยจับคู่เจ้านายกับเด็กสาวคนนี้ แต่เพราะอิทธิพลหลงสาวงามไม่ลืมหูลืมตา เธอจึงไม่เตือน
สิ่งที่เขากลัวที่สุดไม่ใช่หน้าที่การงานสะดุด แต่เป็นสละโสด เมื่อก่อนครอบครัวไม่ได้ยุ่มย่าม แต่พอพี่ชายของเขาคุณอัครภพแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา คุณหญิงศรินผู้เป็นมารดาก็หันความสนใจมายังลูกชายคนเล็ก เพื่อให้ข่าวฉาวของอิทธิพลลดลง คุณหญิงท่านเคยบอกกับเธอว่า ต้องเฟ้นหาคนที่เหมาะสมมาแต่งงานคุมความประพฤติเจ้านายหนุ่มเท่านั้น สองสามปีมานี้อิทธิพลจึงเห็นผู้หญิงของแม่เหมือนเห็นผี สวยแค่ไหนก็อยากหนีให้ห่างอย่างเดียว
เขายังไม่ทราบว่าริชชี่คือคนที่คุณหญิงส่งมา โยษิตาก็จะไม่บอกเขา นี่ถือเป็นการเอาคืนที่ล่วงเกินเธอคืนนั้น จงตกหลุมรักแม่สาวปากร้ายแล้วแต่งงานกันไปเลย
“นี่! เธอจงใจแกล้งฉันใช่ไหม เป็นไงล่ะ พี่อิทเขาเข้าข้างฉัน สำเหนียกตัวเองได้หรือยัง”
ทันทีที่โยษิตาออกมาจากห้องทำงานของบอสใหญ่ ริชชี่ที่ร้อนรนจนอยู่ไม่สุขก็เดินไปยืนค้ำหัวเธอ ต่อว่าและเยาะเย้ยราวกับเด็กไม่รู้จักโต โยษิตาแหนงหน่ายหนวกหูเต็มทน จึงกล่าวว่า “ถ้าคุณยังไม่เลิกงี่เง่าพูดจาไม่ผ่านสมองกับฉันอีก ฉันไม่สนหรอกนะว่าคุณหญิงท่านจะไหว้วานมาให้ช่วยคุณเข้าหาบอสยังไง ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้เจ้านายมีเมียขี้วีน หรือให้คุณหญิงมีสะใภ้ที่รู้จักแค่บีบน้ำตาพูดจาถากถาง คุณทำตัวให้มันดีกว่านี้เถอะ ไม่อย่างนั้นก็แล้วแต่เวรแต่กรรม มีความสามารถพอก็ทำเอาเอง”
“เธอ! เธอ!”
ริชชี่โมโหจนตัวสั่น หน้าซีดหน้าแดงไม่ยอมรับว่าตนถูกเลขากระจอกคนหนึ่งสั่งสอน คอยดูเถอะ เธอจะหาทางให้ยัยป้านี่กระเด็นออกจากตำแหน่งเลขาไปให้ได้
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?