ตอนที่ 10 ต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูก

ไม่ง่ายเลยกว่าจะปั้นหน้าแสร้งว่าไม่เป็นไรจนออกมาจากห้องได้ โยษิตาถอดชุดไว้แล้วยืนนิ่งไว้อาลัยให้กับสภาพที่ระโหยโรยแรงของตนเอง พลันสบถอัดอั้นขอบตาแสบร้อน “บ้าเอ๊ย! จะทำยังไงต่อดีล่ะทีนี้”

ใต้ฝักบัวชุ่มโชก น้ำเย็นชโลมลงบนผิวที่เต็มไปด้วยร่องรอยรัก กลับไม่ทำให้จิตใจหญิงสาวผ่อนคลายแม้แต่น้อย เธอนอนกับเจ้านาย ทำเรื่องผิดพลาดซ้ำสองอย่างน่าโมโห แถมอีกฝ่ายยังมีสติรับรู้ ไม่สามารถกลบเกลื่อนเหมือนครั้งแรกได้ นี่เป็นปัญหาใหญ่ จุดจบของเลขาที่กล้าขึ้นเตียงกับอิทธิพลเป็นยังไง มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว

หญิงสาวอ่อนล้าสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำตัวหลวมโพรกเอนกายนอนแผ่หลาบนเตียง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าวันใหม่ แต่มีเรื่องให้คิดมากเกินไป กระสับกระส่ายได้สักครู่ โยษิตาก็หยิบโทรศัพท์มาเตรียมเลื่อนหางาน มีคนทาบทามเข้ามาไม่น้อย อายุก็ยังไม่มาก เริ่มต้นอีกครั้งไม่เห็นจะเป็นไร ต่อให้แผนอนาคตเปลี่ยน แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้หรอก

“อื้อ! ยุ่งยากขนาดนี้เป็นเพราะคุณคนเดียว ฉันไม่ได้อ่อย ไม่ได้ให้ท่าสักนิด คุณมันมักมาก คนเลวใจทราม”

ก่นด่าจนหมดคำจะพูดก็ระบายไฟที่สุมอยู่ในอกไม่สาสม โยษิตายิ่งหงุดหงิด ปิดโทรศัพท์ลงแล้วนอนเหม่อมองเพดาน เธอเตรียมตัวเผชิญกับวันใหม่ที่แสนโหดร้ายทารุณอย่างทดท้อใจ

เช้าตรู่ ประตูห้องของเจ้านายหนุ่มกับเลขาสาวเปิดออกมาพร้อมกัน โดยไม่ทันได้เตรียมใจ ต่างฝ่ายต่างก็ชะงัก เกิดความเงียบที่แสนแปลกประหลาดอึดอัดขึ้น ในฐานะพนักงานชั้นผู้น้อยโยษิตากลั้นใจกล่าวทักทายก่อน

“บอสตื่นแล้วเหรอคะ โยกำลังจะไปปลุกพอดี” โยษิตาแต่งชุดใหม่ เมื่อวานเธอขับรถของตัวเองกลับมาส่งเขา จึงพอมีเสื้อผ้าสำรองผลัดเปลี่ยน อิทธิพลก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เหลือเพียงผูกเน็กไทเท่านั้น

“คุณไม่นอนอีกสักหน่อยเหรอ วันนี้ผมอนุญาตให้ลางานได้”

เขาใจกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็น โยษิตานึกว่าตัวเองหูฝาดจึงทำตาโต กลัวว่านี่จะเป็นสัญญาณบางอย่าง

“ไม่เป็นไรค่ะ โยอยากทำงาน”

แม้เธอจะครุ่นคิดไม่ตกมาแล้ว เตรียมใจหางานใหม่แล้ว แต่อาลัยอาวรณ์ความก้าวหน้าที่สั่งสมมาขณะอยู่ธาดากรุ๊ปเหลือเกินจึงตัดใจปล่อยวางไม่ลง จนกว่าอิทธิพลจะส่งหนังสือไล่ออกหรือบอกไปที่อื่น จนกว่าจะถึงที่สุด เธอก็ยังจะทำใจสู้เป็นเลขาของเขาต่อ เอาผลงานและความสามารถวัดใจกันไปเลย

“อืม งั้นลงไปกินข้าวเถอะ จะได้ไปทำงาน”

“ค่ะ เชิญบอสค่ะ” โยษิตาเดินตามหลังเขาลงบันไดไปอย่างว่าง่าย นั่งลงร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านาย เริ่มพูดประโยคเดิมๆ รายงานว่าวันนี้เขามีนัดต้องทำอะไรบ้าง

อิทธิพลฟังแต่กลับไม่ได้บ่นวิจารณ์เหมือนทุกครั้ง ยังแอบทึ่งด้วยซ้ำที่เมื่อคืนทำกันขนาดนั้นแล้ว เลขาสาวยังวางท่าได้เป็นธรรมชาติ ไม่ประหม่าหรือดูอึดอัดสักนิด ช่างเป็นมืออาชีพกับทุกสถานการณ์จริงๆ นับว่ารู้จักจุดยืนของตัวเอง ถ้าเธอเกิดเอาเรื่องเรียกร้องให้รับผิดชอบขึ้นมา เขาเกรงว่าจะต้องถึงขั้นได้แต่งงานเป็นผัวเมียแน่นอน

เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะหากใครได้ตกเป็นเป้าหมายของโยษิตาเลขาสุดโหดแล้ว ไม่เคยรอดพ้นเงื้อมมือเธอสักราย

ผู้หญิงเป็นโขยงที่สร้างเรื่องก่อความวุ่นวายให้เขา กี่คนๆ ก็โดนเธอปัดกวาดหมด ยังไม่นับพวกนักธุรกิจที่ชอบเล่นแง่ใช้แผนสกปรกหาเรื่องธาดากรุ๊ปอีก ขอแค่เธอมุ่งมั่นจะทำ บีบคั้นให้เขารับผิดชอบจนแต่งงานกันย่อมไม่ยาก

บอสหนุ่มคิดหวาดผวาขนาดนั้น แต่เลขาสาวเพียงหวังว่าจะไม่โดนไล่ออก เธอไม่แม้แต่จะนึกอยากเรียกร้องจากเขา สักนิดเดียวก็ไม่เอา ยิ่งแต่งงานอะไรเทือกนั้นยิ่งห่างไกล ถ้าได้อิทธิพลเป็นผัว โยษิตาขอโสดไปตลอดชีวิตยังดีซะกว่า

กินข้าวเสร็จก็ขับรถไปยังบริษัท โยษิตาเห็นเขายังไม่ผูกเน็กไทจึงช่วยจัดการให้เรียบร้อย อิทธิพลก็ไม่ได้หลบหลีกเธอ นี่เป็นเรื่องปกติ เป็นหน้าที่ของเลขาสาวตลอดอยู่แล้ว เขาร้อนรนตีตัวออกห่าง เธอนึกน้อยใจขึ้นมาแล้วอาละวาดทำไง

“เสร็จแล้วค่ะ ตอนบ่ายมีตีกอล์ฟกับท่านผู้ว่า โยเตรียมแผนก่อสร้างไว้ไปเสนอแล้ว บอสอยากลองอ่านสักหน่อยไหมคะ” ยังขยันขันแข็งเหมือนทุกวัน แผนการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าเป็นงานใหญ่ระดับชาติ บริษัทเอกชนต่างๆ ล้วนแก่งแย่งสัมปทานกันอย่างดุเดือด โยษิตาแม้มีเรื่องรบกวนจิตใจแต่ก็สรุปรายละเอียดออกมาได้ครบ สภาพพร้อมไม่กระทบกับงานที่ได้รับมอบหมายสักนิด

“ผมเชื่อใจคุณ สรุปให้ฟังก็พอ ไม่อ่าน”

ประชุมช่วงสายผ่านไป โยษิตาสรุปข้อมูลโครงการก่อสร้างให้อิทธิพลฟังคร่าวๆ ขณะเดินทางไปยังสนามกอล์ฟหรูหรามีระดับแห่งหนึ่ง ที่มาด้วยกันคือริชชี่ บิดาของหล่อนสนิทกับท่านผู้ว่าคนปัจจุบัน พออ้อนขอหน่อยอิทธิพลก็อนุญาตให้ติดตามมาได้

“คุณพ่อ คุณลุง สวัสดีค่ะ” ทันทีที่เห็นหน้าบิดา ริชชี่ก็ถลาเข้าไปหาแล้วทำเสียงหวานใสทักทาย

“มากับพี่เขาด้วยเหรอ เวลาทำงานแต่กลับขอออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้ ใช้ไม่ได้เลยนะ” แม้จะตำหนิ แต่แววตาของชายวัยกลางคนกลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู

อิทธิพลทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน เขาสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงทรงหลวมเตรียมพร้อมมาแล้ว อากาศกำลังดีไม่ร้อนไม่อึมครึม พูดคุยเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอก็เริ่มต้นขับรถกอล์ฟไปออกรอบกัน คันหนึ่งนั่งได้สี่คน โยษิตาทำหน้าที่ขับ ด้านข้างเป็นริชชี่ที่กำลังพูดจาเจื้อยแจ้ว ฟังแล้วมีแต่เรื่องไร้ประโยชน์ ด้านหลังบิดาของหญิงสาวกำลังฝากฝังแก้วตาดวงใจเพียงคนเดียวให้ชายหนุ่มดูแล ยังบอกว่าอายุเขากำลังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถ้าแต่งงานก็จะมีลูกให้คุณท่านกับคุณหญิงได้เล่นด้วยเร็วๆ ริชชี่หน้าร้อนผ่าว เขินอายจนแก้มแดง

“พ่อพูดอะไรก็ไม่รู้ หนูไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้นสักหน่อย” ขณะกล่าวหางตาได้เยาะหยันมาทางโยษิตา

ส่วนอิทธิพลไม่ทราบควรพูดอะไร เพียงยิ้มหัวไปกับผู้ใหญ่รุ่นลุง อีกด้านก็มองกระจกข้างสังเกตคนเป็นพักๆ เพราะเข้าใจผู้หญิงดี จึงกลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นความหึงหวงของแม่เลขาสาว เธอปะทุอาละวาดขึ้นมา เขาย่อมรับไม่ไหว

รถกอล์ฟชะลอจอด คนทั้งหมดเริ่มหวดไม้ไปพลางพูดคุยกัน อิทธิพลแม้เวลาอื่นจะเอ้อระเหย แต่พอเป็นเรื่องสำคัญเขาก็แยะแยะได้ว่าควรปฏิบัติยังไง ข้อมูลทั้งหมดที่ได้ฟังจากโยษิตาก่อนหน้านั้น ช่วยให้คุยกับท่านผู้ว่าคล่องปรื๋อทีเดียว ริชชี่ซึ่งอยากมีส่วนด้วยคอยเสริมคอยสนับสนุนเขาทุกอย่าง ประหนึ่งว่าเป็นเลขาผู้รอบรู้คู่ใจเจ้านาย

ขณะพวกเขากล่าวแซวหัวเราะกัน โยษิตาที่ยืนอยู่ด้านหลังแหงนมองพระอาทิตย์เหนือศีรษะรอบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลง รู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นวาบ เบื้องหน้าอิทธิพลแบมือทำท่าขอน้ำดื่ม เธอจึงแข็งใจนำไปมอบให้เขา ไม่อาจล้มลงทั้งที่บรรยากาศการเจรจากำลังไหลลื่นเด็ดขาด

“คุณเลขา สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” บิดาของริชชี่เป็นนักการเมืองใหญ่ชื่อว่า ท่านไกรสร พึ่งจะสิ้นคำพูด ท่านก็อ้าแขนรอรับร่างของหญิงสาวที่กำลังเอนลงมา ไม่คาดเพียงเสี้ยวนาทีโยษิตาจะถูกดึงเอนไปอีกฝั่งแทน ท่านไกรสรเสียดายเล็กน้อย

“ผมบอกแล้วไงว่าให้ลางาน คุณยังจะฝืนออกมาทำไม”

“โยขอโทษค่ะ ขอนั่งพักสักหน่อยก็พอ” โยษิตารีบยกตัวขึ้นมา กลัวว่าจะทำให้การสนทนาติดขัด เธอทาลิปสติกสีชมพูอ่อนให้ดูมีสีสัน แต่ใบหน้าขาวซีดมองยังไงก็อาการย่ำแย่ อิทธิพลจึงคิดจะพากลับไปพัก แต่หญิงสาวดึงดันไม่ไปไหน ดื่มน้ำดมยาหน่อยก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

“แผนสกปรก เธออิจฉาที่คุณพ่อกับพี่อิทคุยกันเรื่องฉันก็เลยเรียกร้องความสนใจจากเขา ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าใฝ่สูง ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่” ริชชี่จีบปากจีบคอว่าร้ายให้คนที่กำลังรู้สึกไม่สบายตัว

“ถามจริงนะคะ คุณหญิงท่านทราบหรือเปล่าว่าคุณเป็นผู้หญิงจิตใจสกปรก ฉันก็จะบอกคุณไว้เหมือนกันว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ สักวันคนเขาก็จะรู้ว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอม ระวังจะทำการใหญ่ไม่สำเร็จเอานะคะ”

ริชชี่กระทืบเท้า พอผู้ชายหันมามองก็ยิ้มแป้นกลบเกลื่อน ทั้งที่ในใจอยากพุ่งเข้าจัดการโยษิตาจะแย่แล้ว

การเจรจาผ่านไปได้ด้วยดี ท่านผู้ว่าสนใจข้อเสนอของธาดากรุ๊ปมาก ประกอบกับได้บิดาของริชชี่สนับสนุน โครงการก่อสร้างทางรถไฟฟ้านี้จึงมีเปอร์เซ็นเกินครึ่งที่จะตกเป็นของบริษัทพวกเขา โยษิตาอยากขยันทำงานมากขึ้นเพื่อรักษาเส้นทางอาชีพของตัวเองจึงลงไปมีส่วนร่วมสืบสาวกลวิธีของบริษัทคู่แข่ง สกัดแผนตัดราคาและติดสินบนมากมาย ใช้นักข่าวที่รู้จักกันส่วนตัวคอยสร้างกระแสเพื่อความโปร่งใส จนสุดท้ายธาดากรุ๊ปก็ได้รับอนุมัติให้เป็นบริษัทตัวแทนในที่สุด

“เยส! สำเร็จแล้ว พี่โยเก่งที่สุดเลยค่ะ”

กิ่งแก้วพอรู้ข่าวดีก็ชื่นชมไอดอลของตัวเองเป็นการใหญ่ เธอติดตามโยษิตาไปประสานงานกับพวกผู้รับเหมาและบริษัทอื่นกว่าสัปดาห์ เห็นรุ่นพี่สาวทุ่มเทแรงกายแรงใจวาทศิลป์เป็นเลิศ ก็ปลื้มเสียจนอยากได้มาเป็นพี่สะใภ้ นี่ถ้าพี่ชายกล้ามาจีบหน่อยนะ รับรองว่าเธอจะเป็นแม่สื่อให้สุดตัวเลย

โยษิตาสีหน้าอ่อนโยน ลูบศีรษะของรุ่นน้องสาวที่ช่างพูดกว่าเมื่อวันแรก “กิ่งก็ทำได้ดี พอเปลี่ยนมาสวมคอนแทคเลนแล้ว สวยขึ้นเยอะเลย”

“ขอบคุณค่ะ กิ่งอยากให้พี่โยลองดูบ้างจังเลยค่ะ ไม่เคืองตาอย่างที่คิด”

“ใส่หรือไม่ใส่พี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมหรอก ขี้เกียจถ่างตา หยิบแว่นมาสวมง่ายกว่า”

“ใครบอกไม่เปลี่ยนคะ ตอนหนูเห็นพี่ถอดแว่น หนูอยากบอกมานานแล้วว่าพี่โยดวงตาเซ็กซี่มาก ไฝปลายจมูกสวย ผิวหน้าดีกว่าหนูซะอีก ลองนะคะๆ พี่โยสวยมากจริงๆ”

ปากหวานนักนะเด็กคนนี้ “อืมๆ ไว้จะลองแล้วกัน” โยษิตาพึ่งกลับมาจากข้างนอก พอไม่เห็นคุณหนูจอมปากมากก็ไม่ได้ถามหา กิ่งแก้วที่ไปกับเธอย่อมไม่รู้ว่าแม่สาวนั่นหายไปไหนเหมือนกัน

โยษิตาเตรียมข่าวดีไปรายงายเจ้านาย พอเคาะห้องก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มตะโกนมา “โยษิตาเหรอ ช่วยผมด้วย!”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ