นี่เกี่ยวกับความสามารถด้วยเหรอ แท้ที่จริงทั้งหมดนี่เกี่ยวกับเธอยังไง ที่ผ่านมาตนก็ขยันขันแข็งรับใช้เขาอย่างเต็มที่ หนักเอาเบาสู้ไม่เกี่ยงงอน ทั้งมาปลุกไปทำงาน ดูแลยามไม่สบาย เมาก็ลากกลับมาส่งถึงเตียงอย่างปลอดภัย วิ่งวุ่นอุตลุดจนแทบจะไม่มีเวลาให้ตัวเอง หรือสิ่งเหล่านี้สำหรับเขามันยังยุ่งยากไม่มากพอ จึงได้โยนปัญหาใหญ่เบ้อเร่อมากองไว้บนหัวเธออีก เข้าข่ายใช้อำนาจในทางที่ไม่ควรแล้ว
“ถ้าบอสต้องการผู้หญิงสักคนมารับมือกับคุณริชชี่ โยสามารถหาให้ได้นะคะ”
“หาให้? แล้วคุณแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่คุณหามาจะไม่ก่อปัญหาทีหลัง ผมเลือกคุณก็เพราะไว้ใจ กลัวอะไร หรือคุณคิดไม่ซื่อกับเจ้านายอย่างผมถึงได้ลังเล”
โยษิตาส่ายหน้าพัลวัน “โยไม่มีทางคิดเกินเลยกับบอสค่ะ โยแค่กลัวว่าหากคุณริชชี่เอาไปฟ้องคุณหญิง พอท่านทราบจะไม่พอใจ” แกล้งเป็นแฟนปลอมๆ ให้บอส หาผู้หญิงที่เต็มใจมาทำน่าจะดีกว่า ต่อให้มีปัญหาทีหลังยังไงก็จัดการได้ไม่เหนือกว่าความสามารถ เธอกับเจ้านายล้ำเส้นทำเรื่องเกินเลยกันตั้งสองครั้งสองหนแล้ว ควรรักษาระยะสิ ไม่ใช่ยิ่งพัวพันให้คนอื่นเข้าใจผิด แม้ว่ามันจะไม่ใช่สถานะจริง แต่ป้องกันไว้ก่อนย่อมไม่ผิดพลาดในอนาคต
“รู้ได้ยังไงว่าคุณแม่ไม่พอใจ ท่านอยากให้ผมเอากับคุณจะแย่แล้ว ถ้าไม่เชื่อผมจะโทรถามให้ตอนนี้เลยดีไหม”
โยษิตาอึ้ง เห็นอิทธิพลทำท่าจะโทรไปหามารดาจริงๆก็รีบร้องท้วง “ไม่เอาค่ะ”
“หมดความกังวลแล้วใช่ไหม งั้นก็ตกลงตามนี้ รับรองว่าคุณจะไม่เหนื่อยฟรี ผมจ่ายพิเศษให้เพิ่มจากเงินเดือนเป็นสองเท่า แถมบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงิน ข้อแม้คือห้ามไปสุงสิงกับผู้ชายคนอื่นระหว่างเป็นแฟนผม”
ข้อแม้มีข้อเดียว และสามารถทำตามได้ไม่ยาก หากว่าเป็นโยษิตาเมื่อก่อนต้องหวั่นไหวไปกับดีลที่หอมหวานนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เธอกับตะวันกำลังคุยกันอยู่ ถ้าตกลงก็เท่ากับว่าเลือกที่จะปฏิเสธฝ่ายนั้นอีกครั้งสิ หญิงสาวก้มหน้าก้มตาครุ่นคิด
ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าชายหนุ่มได้ลุกจากเก้าอี้แล้ว จนเห็นปลายรองเท้าหนังสีดำเงาวับเดินมาหยุดอยู่ตรงข้าม จึงได้ตกใจเหลือบสายตาขึ้นมอง อิทธิพลไม่พูดพร่ำ โน้มตัวลงมาช้อนอุ้มเอาร่างเบาหวิวของเธอลอยหวือในรวดเดียว
“อ๊ะ! จะทำอะไรคะ ปล่อยโยลงนะคะ”
“คุณไม่ใช่คนชักช้าอืดอาด แต่วันนี้กลับไม่ได้ดั่งใจผม หรืออยากให้ผมเปลี่ยนเลขาใหม่”
หญิงสาวตาโต ดวงตากลมหวานสั่นระริก เธอย่อมไม่อยาก แต่ก็ทำใจรับข้อเสนอของเขาลำบากเหมือนกัน นี่บอสนึกเล่นสนุกอะไรของเขาอยู่ “โยทราบแล้วค่ะ ปล่อยโยลงก่อนนะคะ” คุยกันก็คุยดีๆ สิ จะอุ้มทำไม
“ตกลงแล้ว?” อิทธิพลถามย้ำ พลางมองใบหน้าที่ทำอะไรไม่ถูกของเลขาสาวจนทั่วระหว่างรอคำตอบยืนยัน
กับเรื่องผู้หญิง เขาไม่เคยต้องพูดมากมายขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยต้องหาเหตุผลมาทำข้อตกลงกับอีกฝ่าย โยษิตาอ้ำอึ้งนานเกินไป ขัดกับความคล่องแคล่วฉับไวที่ผ่านมา อีกนิดหากยังให้รอ เขาคงจะหมดความอดทน
“ตก…ตกลงค่ะ แต่โยมีข้อแม้และขอถามบอส บอสจะทำแบบนี้ไปนานแค่ไหนคะ หมายถึงจะยกเลิกตอนไหน”
“ก็จนกว่าเด็กฝึกงานคนนั้นจะเลิกตอแยผม และคงต้องสักพักใหญ่เพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย”
ความหมายคือไม่ทราบกำหนดตายตัว รอจนกว่าจะได้ตรงตามผลลัพธ์จึงเป็นอันสิ้นสุด นั่นค่อนข้างไม่เป็นผลดีต่อโยษิตา เพราะหากริชชี่ฝังใจไม่ยอมเลิกรา เธอก็ต้องรับจ็อบพิเศษนี้ไปเรื่อยๆ น่ะสิ เกิดฝังใจหลายปี ไม่ต้องขึ้นคานกันพอดีเหรอ ตะวันคงไม่รอถึงตอนนั้นแน่
คล้ายรับรู้ถึงความกังวลของหญิงสาวอีกครั้ง อิทธิพลหน้าหมดอารมณ์ จำต้องยอมถอยให้เธอก้าวหนึ่ง เป็นก้าวเล็กๆ
“กลัวอะไรอีก กลัวจะได้เป็นแฟนผมนานเกินไปใช่ไหม ได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมใจกว้างพอให้คุณเป็นฝ่ายยกเลิกเอง แต่มีข้อแม้” อิทธิพลกระชับอุ้มหญิงสาวให้มั่นคง จากนั้นพาเธอเดินออกจากห้องหนังสือตรงไปยังห้องนอนใหญ่ของตัวเอง
โยษิตาหน้าถอดสีในทันที กล่าวละล้ำละลักว่า “บอส จะพาโยไปไหนคะ อีกเรื่องค่ะ ห้ามบอสทำเรื่องไม่ดีกับโย ไม่งั้น…” ไม่งั้นจะอะไร เธอจะทำยังไงกับเขาได้ เป็นผู้น้อยต้อกต๋อยนี่มันช่างน่าอดสูแท้ ต่อรองไม่ได้สักอย่าง อึดอัดชะมัด
“ผมอนุญาตให้คุณยกเลิกตามใจ เพิ่มเงินเดือนให้ ยังมีโบนัสบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงิน ผมเคยทำไม่ดีกับคุณเหรอ?”
โยษิตาเกือบค้อนขวับใส่เขา ดีว่ารักษากิริยาไว้ได้ เรื่องที่ทำไม่ดีกับเธอน่ะ บอกเลยว่านับไม่ถ้วน แค่เขาเริ่มเอาแต่ใจก็สร้างความยากลำบากให้เลขาคนนี้ อย่าพูดเหมือนตัวเองเป็นเจ้านายที่ประเสริฐศรีนักสิ แต่เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ ดูด้วยว่าเขาพาเธอมาอยู่ที่ไหนแล้ว
อิทธิพลวางคนลงบนเตียงกว้าง พูดไปพลางถอดเสื้อสูทตัวนอกออก “ผมแค่อยากได้บริการพิเศษเพิ่มนิดหน่อย เพราะค่าตอบแทนที่ให้ไม่น้อยเลย”
โยษิตาเข้าใจทันทีกับความนัยคำพูดของเขา บริการพิเศษที่ว่าคงหมายถึงเรื่องนั้น…
หญิงสาวร้อนรนขึ้นมา พยุงตัวลุกยืนแต่ถูกชายหนุ่มผลักให้นอนลงไปที่เดิม อิทธิพลก้าวขึ้นเตียง ร่างกายสูงใหญ่คร่อมร่างของโยษิตาไว้ จากนั้นก็ได้ยินเขาหัวเราะ ไม่ทราบตลกเรื่องอะไร “หนีทำไม ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย”
“โยไม่อยากทำแบบนี้ค่ะบอส คราว…คราวที่แล้ว มัน…มันเป็นความผิดพลาด บอส…บอสไม่มีสติ ควรถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้น” โยษิตาพยายามเจรจาเสียงสั่นเครือ แต่อิทธิพลกลับเริ่มทำให้เธอจนหนทาง
“คุณคิดง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ ไม่มีสติก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งที่เอากับผมไปตั้งสองครั้งแล้ว นี่ไม่เรียกผิดพลาดหรอกมั้ง ระหว่างที่ผมกับคุณคบกันหลอกๆ ยังไงก็เคยแนบสนิทกัน คุณจะทำอีกเป็นครั้งที่สามสี่ห้าก็ไม่เห็นแตกต่าง แม่จับตาดูเราทุกฝีก้าว ผมเที่ยวผู้หญิงมั่วซั่วเหมือนเดิมไม่ได้ ก็รู้นี่ว่าเจ้านายคุณมีความต้องการสูง ไม่ใช่คุณช่วย ใครจะทำ”
พูดจาได้มีเหตุผล ไร้ช่องโหว่ให้โต้ตอบ ชักแม่น้ำทั้งห้าเป็นเลิศไม่อายสักนิด น้ำเสียงก็ช่างเป็นเจ้าหลักการ สมกับที่เจรจาธุรกิจกับใครไม่เคยล้มเหลวสักครั้ง คนฝีปากอัจฉริยะสองคนสนทนากัน โยษิตาจึงพึ่งกระจ่างแจ้งตอนนี้เอง ว่าวาทศิลป์ที่ผู้คนต่างชื่นชมยกให้ตัวเธอเป็นที่หนึ่ง ความจริงมันคนละชั้นกันเลยกับบอสใหญ่
ที่ผ่านมาถูกความเอาแต่ใจของเขาหลอกตา ทำให้คิดไปว่าบอสต้องการตัวช่วย การงานจึงจะราบรื่น ด้วยนิสัยไม่มีคนกระตุ้นก็ไม่ลงมือของเขา หากเธอพูดโน้มน้าวแกมยกคุณท่านมาขู่ เขาจะต้องเหนื่อยหน่ายไม่อยากฟัง สุดท้ายเพื่อให้เธอหยุดก็จะยอมทำงานตามตาราง ไหนเลยจะรู้ว่าถ้าอีกฝ่ายนึกอยากดึงดันเช่นตอนนี้ ใครก็ต่อกรด้วยไม่ได้ กลับกันอีกฝ่ายสิอาจจะกลายเป็นโรคประสาทแทน
ถึงอย่างนั้นโยษิตาก็มีคำถาม เขารู้ได้ยังไงว่าเธอมีอะไรกับเขาสองครั้งแล้ว
คืนนั้นอิทธิพลไม่ต่อความยาวสาวความยืด ทิ้งร่างกายทับลงมาบนตัวเธอได้ก็เริ่มกัดแทะราวกับเจอกระดูกชิ้นโปรด ทรมานทารุณกรรมกันจนเสียงแหบเสียงแห้งค่อนคืน พอวันต่อมาจึงได้ยอมเล่าว่าเหตุใดเขาจึงทราบคืนนั้นในวันปาร์ตี้
ข้อแรกเลยคือบนเตียงมีรอยเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อน พริตตี้สาวนอนกับผู้ชายไม่ใช่ครั้งแรก อิทธิพลรู้เพราะก่อนหน้าเพื่อนในกลุ่มก็ใช้บริการเธอคนนี้ โยษิตาจึงเถียงว่าผู้หญิงสามารถไปทำรีแพร์ให้ช่องคลอดกระชับได้ บางทีเลือดบนเตียงอาจไม่ใช่แค่เยื่อพรหมจรรย์ การฉีกขาดก็ทำให้เกิดบาดแผลได้เช่นกัน
อิทธิพลจึงบอกว่าข้อสอง เขาถามแม่บ้าน แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกที่เขากดเธอไว้บนเตียง
ข้อสามนี้คือตอกตะปูปิดฝาโลงเลย โยษิตาโกหกว่าพึ่งมาปลุกตอนเช้า แต่รถเธอไม่ได้ขับออกไปตั้งแต่คืนนั้น วิลล่าหลังใหญ่คนรับใช้สิบกว่าคน ดูแลไม่ทั่วถึงก็ต้องติดตั้งกล้องวงจรปิด เช่นนั้นเขาจึงแน่ใจไปแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นว่าคนที่ตนนอนด้วยคือโยษิตา คืนที่ป่วยยังได้ซ้ำกันรอบสอง ต่อให้เมาแค่ไหนก็ยังจำท่วงท่ากลิ่นอันละเอียดอ่อนบนร่างได้ ฉะนั้นปฏิเสธปากแข็งไปก็โกหกเขาไม่ได้อยู่ดี พอโยษิตาได้ยินว่าเจ้านายถึงกับไปดูกล้องวงจรปิดก็จำนนต่อหลักฐาน เธอรู้ว่ามีกล้อง แต่ไม่คาดว่าเขาจะไปตามหาคน คิดเพียงว่าแล้วก็แล้วไปสิ ทำไมต้องขุดคุ้ยให้ได้
หลังตกลงกัน เพื่อให้สมจริงที่สุดอิทธิพลสั่งให้โยษิตามาอยู่ที่วิลล่าหรูกับเขาชั่วคราวก่อน เธอไม่ได้ย้ายออกจากคอนโดฯ เก่าถาวร เพราะผ่อนไปได้เกือบหมดแล้ว แต่เนื่องด้วยงานพิเศษจึงต้องขนกระเป๋าย้ายข้าวของที่จำเป็นมาอยู่กับเจ้านายหนุ่ม ทำตัวให้แนบเนียนเสมือนแฟนสาวคนหนึ่ง
ตอนเย็นคุณหญิงท่านจะมาดูลาดเลาด้วย โยษิตาทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงจึงค่อนข้างเหนื่อยเอามากๆ
ทันใดนั้นเสียงของชายหนุ่มก็ลอยมาจากหน้าประตูห้อง พอหันมองก็พบกับอิทธิพลในชุดอยู่บ้านแสนสบาย เขาเดินเข้ามา กอดรอบเอวเธอจากด้านหลังเสียแน่น “แน่ใจว่าไม่อยากให้แม่ของคุณมาเจอผม”
หญิงสาวขมวดคิ้วตกใจ ไม่ค่อยชินที่บอสแตะเนื้อต้องตัวจึงพยายามหลบหลีก แต่ไม่เป็นผล เธอกระแอมไอให้คล่องคออย่างฝืนๆ “ไม่มาดีที่สุดค่ะ เราเพียงแสดงละครเท่านั้น คนรอบข้างไม่ควรมาเกี่ยวข้องเยอะเกินไป บอสบอกคุณหญิงท่านหรือยังคะว่าพวกเรายังไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ โยยังอยากทำงาน เกรงว่าหากแพร่งพรายออกไปจะทำให้ไม่สะดวก”
“บอกแล้ว แต่ก็ไม่รับประกันทางริชชี่นะ รายนั้นผมควบคุมไม่ได้ เธออาจจะเอาไปโพทะนาแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ วันนี้ตอนอยู่ที่บริษัทยังไม่มีใครรู้ เท่ากับว่าเธอยังไม่เอาไปพูด ขอแค่คุณหญิงท่านเข้าใจก็พอ”
“อืม คุณดูกังวลจังเลยนะ หรือกลัวหากหลุดออกไปใครคนนั้นของคุณจะเข้าใจผิด”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?