โยษิตาคิดในใจ มันก็แหงอยู่แล้วสิ นี่เป็นเหตุผลเลยว่าทำไมเธอต้องขอร้องเขาไม่ให้ป่าวประกาศเกินควร คนรู้น้อยเท่าไรยิ่งดี ยังไงก็แค่ละครฉากหนึ่ง จะได้ไม่มีปัญหาตามมาเยอะ เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ทราบคิดไปเองหรือไม่ เมื่อครู่จากน้ำเสียงของเขา มันทะแม่งพิกล ฟังแล้วเหมือนไม่พอใจและต้องการประชดอย่างไรอย่างนั้น
โยษิตาวิเคราะห์ผู้คนจนชินจึงพอจะเดาเหตุผลได้ อิทธิพลเป็นคุณชายมาแต่เกิด ครอบครัวของเขามีอำนาจล้นฟ้า ร่ำรวยถึงขั้นที่ว่าแค่กระดิกนิ้วก็บันดาลทุกอย่างให้ลูกได้ ไม่เคยถูกขัดใจ พอเป็นหนุ่มเรื่องผู้หญิงยิ่งไม่ต้องพูด ไม่ว่าสาวคนไหนก็อยากเปิดตัวแทบจะเขียนแปะหน้าผากว่าเคยเริงรักกับเขาแล้ว
ประโคมข่าวยิ่งรู้กันเยอะเท่าไรยิ่งดี ไม่มีใครอยากหลบๆซ่อนๆ เรื่องมากเท่าเธอ แต่จะทำยังไงได้ก็เธอเป็นแค่เลขาของเขา ไม่ใช่แฟนสาวตัวจริง ต่อให้ใครคนอื่นไม่เคยทำ ณ จุดนี้มันเป็นข้อตกลงระหว่างเรา เขาไม่อาจเอาแต่ใจ ต้องมีเส้นแบ่งที่ถูกที่ควร
หญิงสาวไม่ตอบคำ ทันใดนั้นที่ติ่งหูพลันแสบร้อน โยษิตาเจ็บจี๊ดจนเริ่มดิ้น “อ๊ะ! บอสคะ!”
อิทธิพลกัดเนื้ออ่อนอีกสักคำค่อยเปลี่ยนเป็นดูดเบาๆ ที่ติ่งหูของเธอ เลขาสาวดิ้นหนีก็ออกแรงกอดไว้ ประกอบกับก่อนหน้าถูกเธอทำให้อารมณ์เสีย ลงโทษแค่นี้ไม่พอจึงได้คลายแรงกอดเปลี่ยนเป็นพลิกตัวคนมาเผชิญหน้า เขายิ้มไม่มีเหตุผล ฝ่ามือหนากดไหล่เธอนั่งลงบนเตียง
“โยษิตา รู้หรือเปล่าว่าผมไม่ชอบอะไรที่สุด” อิทธิพลลูบนิ้วอ้อยอิ่งไปบนริมฝีปากอิ่มสวย พอเห็นโยษิตาไม่กล้าเถียงเหมือนอย่างเคย ทั้งทำท่าตกใจขวัญกระเจิง ก็พลันหลุดหัวเราะ คล้ายจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว
“บอสไม่ชอบโดนบังคับค่ะ แต่โยไม่ได้ฝืนใจบอสนะคะ มันเป็นข้อตกลงระหว่างเรา ไม่เอิกเกริกเกินไปถึงจะดี”
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาไม่ชอบโดนบังคับ ไม่อยากอยู่ในกรอบของคนอื่น แถมลื่นเป็นปลาไหล สาวไหนก็จับไม่อยู่
“นั่นก็ใช่ แต่เมื่อกี้คุณตอบไม่ถูก ตอบใหม่อีกที”
“โยไม่…” เหมือนพึ่งนึกออกเดี๋ยวนั้น โยษิตารีบรั้งคำพูดที่เหลือว่าไม่รู้เอาไว้
ลืมไปได้ยังไงกัน เจ้านายท่านนี้เป็นโรคหลงตัวเอง ต้องได้รับความสนใจเป็นที่หนึ่งเสมอ เธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมีข่าวกับเขาเพราะกลัวผู้ชายคนอื่นเข้าใจผิด นั่นย่อมทำให้โรคที่ว่ากำเริบ จะบรรเทาให้สงบได้มีแต่ต้องป้อยอสอพลอเท่านั้น ทันทีที่นึกออกก็ว่าจะฉอเลาะเอาใจสักหน่อย แต่อิทธิพลกลับสอดนิ้วเข้ามาในปากของเธอ โยษิตาจึงไม่สามารถพูดได้
“ตอบไม่ได้เหรอ ทำไมไม่ตอบล่ะ”
นิ้วชี้กับนิ้วกลางทั้งยาวและใหญ่ พอสอดเข้าสอดออกก็ชุ่มเหนอะไปด้วยน้ำลายสีใส บางครั้งแตะถูกลิ้น โยษิตาก็ทำท่าจะสำลัก ถึงอย่างนั้นเขาเหมือนจะสนุกที่ได้ทำเลยไม่ยอมหยุด จนน้ำลายหญิงสาวไหลหยดออกจากมุมปากเป็นทาง ดูเป็นภาพที่ทรมานทีเดียวอิทธิพลจึงนิ่งไปสักครู่ จากนั้นก็ล้วงบางสิ่งในกางเกงที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นนานแล้วมาถูไถน้ำลายเหนียวเหนอะเหล่านั้นแทน
โยษิตาที่ถูกทำให้เกือบอาเจียนตะลึงวูบ กลางริมฝีปากอ่อนนุ่มมีส่วนปลายของท่อนเนื้อคล้ายดอกเห็ดแตะอุดไว้ มองขึ้นไปยังคนที่ยืนเหนือศีรษะ สายตาของเขาราวกับพูดได้โดยไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียง ครั้นเธอไม่ยอมเผยอริมฝีปากเปิดทาง อิทธิพลก็จัดการเคาะท่อนลำอวบเขื่องสองสามทีเป็นการตีเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาเคลือบรอยยิ้มทั้งเร่งเร้า
“เด็กดี อ้าปากออก คิดว่าไม่ยอมแล้วจะรอดเหรอ”
ท่าจะลุกลาม โยษิตาจึงหวั่นใจยอมอ้าปากให้ ทันทีที่ลิ้นได้รับรสสัมผัสเนื้อกายแข็งร้อน เธอพยายามไม่นิ่วหน้า แต่มันใหญ่เกินไป ยิ่งดันเข้ามายิ่งคับพอง รับเอาไว้ไม่ไหว น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ก่อนจึงไหลอาบแก้มเนียน น่ารักและน่าแกล้งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง อิทธิพลสูดลมหายใจผ่อนคลาย แม้อีกฝ่ายลีลาไม่ได้เรื่อง งุ่นง่านเหลือทน แต่กลับเร้าอารมณ์เขาได้อย่างน่าประหลาด โพรงปากอุ่นนุ่มนี้ถ้าฝึกอีกสักหน่อยก็น่าจะเก่งแล้ว โยษิตาหัวไวอยู่ด้วย
“ดูดได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นก่อน ไม่ต้องฝืน ใช้ลิ้นของคุณเลียมันด้วย”
เส้นใยสีใสหยดแหมะลงบนพื้น โยษิตาหน้าร้อนผ่าว เพราะไม่เคยทำจึงเงอะงะงุ่มง่าม ดูดอมไปพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเลียท่อนกายใหญ่สะเปะสะปะ ไม่ทราบว่าสร้างความพึงพอใจให้เขาบ้างหรือเปล่า แต่ได้ยินเสียงชายหนุ่มหอบหายใจหนัก จังหวะนั้นเองอิทธิพลพลันคว้าหมับที่ศีรษะของเธอ ได้ยินเขากัดฟันพูดว่าทนไม่ไหวแล้ว
“อึกๆๆๆ” หญิงสาวหลับตาแน่น สองมือจิกที่ต้นขาของชายหนุ่มสุดแรง จู่ๆ เขาก็เด้งเอวสวนเข้ามา พอเป็นอย่างนี้ลำคอของโยษิตาจึงถูกปลายลำหัวเห็ดล้วงลึกสุดความยาว เกิดเป็นเสียงอึกอักคล้ายคนหายใจไม่ออกดังวนเวียนอยู่หลายระลอก น้ำตากับน้ำลายไหลนองปนเป ชุ่มฉ่ำหนึบเหนอะเร้ารัญจวนหยาบโลนที่สุด
“แค่กๆ” เธอสำลักยกใหญ่ พอเขายอมถอยออกไปก็รีบสูดอากาศเข้าปอดราวกับคนพึ่งโผล่พรวดเหนือผิวน้ำ
เพราะเกิดความสงสัยจึงได้เผลอมองเจ้าท่อนเนื้อที่ชอบก่อกรรมทำเข็ญ โยษิตาพลันตกใจจนศีรษะชาหนึบ ร่างกายสั่นเทิ้มหวาดวิตก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นลักษณะและขนาดของมันเต็มตา ใหญ่ขนาดนี้เชียว ใหญ่กว่าข้อแขนของเธออีกมั้ง อวบแน่นแข็งขึง จากโคนถึงปลายยาวไม่ใช่เล่น มีเส้นเลือดหยักนูนเด่นน่าสะพรึง หัวเห็ดสีชมพูเข้มเคลือบไปด้วยน้ำลายสีใสมันวาว
โยษิตาไม่กล้าสำรวจ แค่มองแวบเดียวก็กลัวจนหัวหด พลันคิดอย่างเหลือเชื่อว่าสามครั้งที่ผ่านมา ตัวเธอรับเอาสัตว์ร้ายนี้เข้าไปได้ยังไง ไม่ทะลวงจนโพรงเนื้อด้านล่างเละเทะหมดแล้วเหรอ ขณะเตรียมลุกขึ้นจะไปหาผ้ามาเช็ดน้ำลาย ยังไม่ทันได้ขยับก็ถูกกดไหล่ไว้
“จะไปไหน ผมยังไม่เสร็จเลย”
อยู่ๆ เขาก็คุกเข่าลง ยื่นมือมาแกะกระดุมกางเกงยีนส์ของเธอ โยษิตาดึงรั้งไว้แต่ไม่เป็นผล อิทธิพลอยากถอดก็คือต้องถอด พอผ้าชิ้นแรกหลุด เรียวขาผ่องผาดสีขาวเนียนคู่งามก็เผยชัดแก่สายตา เขาลูบผิวลื่นอย่างสนุกมือ จากนั้นขบจูบที่น่องอ่อนนุ่มแล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ โยษิตาหนีบขา เขากลับไม่รู้สึกว่าขัดใจ ยินดีที่จะเป็นฝ่ายใช้แรงดึงจนอ้ากว้างออกจากกัน ลมหายใจร้อนแผดเผาคล้ายมีคล้ายไม่มีปัดผ่านถึงโคนขาด้านใน
โยษิตาที่หัวใจเต้นแรงใบหน้าแดงก่ำรีบเลื่อนมือลงมาปิดกลางกายสาวไว้ทันที “บอส! อือ!”
อิทธิพลเลียนิ้วเล็กๆ ของเธออย่างยั่วเย้า หัวเราะเสียงทุ้มต่ำก่อนเอ่ยอย่างใจดี “คุณอุตส่าห์ทำให้ผมแล้ว ผมจะไม่บริการคุณบ้างได้ยังไง” สิ้นคำพูดใบหน้าหล่อเหลาที่หาใครเทียบได้ของเขาก็เลื่อนมาจุดกึ่งกลางร่าง สองมือแบะขา ปลายจมูกจิ้มลงถูไถผ่านเนื้อแพนตี้หมิ่นเหม่ จนเมื่อน้ำหวานซึมเปียกออกมา ริมฝีปากจึงได้กดลงขบจูบเบาๆ
โยษิตาตัวสั่น ปากร้องห้ามไม่หยุด “บอสอย่านะคะ อย่าทำแบบนี้ โยไม่ชอบ”
“ไม่ชอบเหรอ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ไว้ทำก่อนแล้วคุณค่อยบอกอีกครั้งว่าชอบหรือไม่ชอบดีกว่า”
การกระทำของเขาหลังจากนั้นรวดเร็วไม่ให้ตั้งตัว พอร่นแพนตี้ชิ้นบางทิ้งได้ก็ลูบคลำกลางกายสาวเนื้อสีสวยราวกับดอกไม้ช่องามเป็นการใหญ่ ลูบจนหนึบเหนอะเปียกชุ่มกำลังดี จึงแลบลิ้นหยาบลื่นออกมา แล้วก้มลงตวัดเลียติ่งเนื้ออ่อนไหวเบาๆ เขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อนก็จริง แต่ก็รู้ว่าจุดไหนทำให้ผู้หญิงดิ้นพล่านได้ จึงล็อคขาโยษิตาไว้ ฝังใบหน้าลมหายใจร้อนจัดลงไป เร่งเล้าโลมเลียอย่างกระหายหื่นปรนเปรอเลขาสาว
“อ๊า! อร้ายย! อย่าค่ะบอส อ๊า!” ในบ้านไม่ได้มีกันแค่สองคน ถ้าส่งเสียงดังเกินไปจะมีคนได้ยิน โยษิตาจึงบิดเอวแล้วยกมือข้างหนึ่งมาปิดปากตัวเองแน่น พอมีแขนเพียงข้างเดียวค้ำยันก็เริ่มจะรับน้ำหนักไม่ไหว หญิงสาวพลันหงายหลังล้มลงนอน เปิดทางโล่งให้เขาสำรวจถึงไหนต่อไหนอย่างง่ายดาย
“บอส โยไม่ชอบ งื้อ!” เธอรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเจ้านายเลียส่วนไหนของตนบ้าง ทั้งดูดดุนจุดเร้าที่หลบเร้นอยู่ในกลีบดอกไม้อวบนูน ต่ำลงไปใช้ลิ้นเย้าแหย่โพรงเนื้ออุ่นระอุ สัมผัสพื้นที่ที่แม้แต่ตัวเธอเองแทบไม่เคยแตะต้อง เบื้องหน้าขาวโพลนขึ้นเรื่อยๆ หัวใจเต้นกระหน่ำจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมา
เพราะสยิวจนไม่อาจหาทางระบาย มือของโยษิตาจึงแทรกลงไปกลางหว่างขา ว่าจะผลักชายหนุ่มออก แต่กลับพ่ายแพ้ต่อความต้องการของร่างกาย จึงได้วางแหมะลง ทำการขยุ้มเส้นผมของเขากดให้ริมฝีปากร้ายกาจรัวใส่ดอกไม้งาม
“อ๊า! อาๆๆ ไม่ไหวแล้วค่ะ อร้ายย!” โลกทั้งใบพร่าเลือน ร่างกายราวกับถูกช็อตด้วยกระแสไฟฟ้า โยษิตาปลดปล่อยห้วงอารมณ์ที่โผนทะยานออกมาจนตัวสั่น อิทธิพลยังจูบหยอกเย้าโคนขาด้านในของเธอ เช็ดปากที่หน้าท้องแบนราบแล้วไต่ใบหน้าหล่อเหลามุดซุกไซ้ทรวงอกนุ่มตูมเต่ง
“อืม ยังไม่ชอบอยู่หรือเปล่า หื้ม?”
“มะ…ไม่อยากให้บอสทำแบบนั้น” เธออาย ใครจะชอบให้คนอื่นมามุดหว่างขาของตัวเองกัน
“โยษิตา เซ็กซ์จะสนุกก็ต่อเมื่อคนสองคนร่วมมือกัน ถ้าคุณชอบก็แค่บอกว่าชอบ ไม่ต้องอาย ผมอยากให้คุณสนุกไปกับมัน สนุกไปกับผม เข้าใจไหม”
เขาชักรูดท่อนกายของตน กดเอวลงแล้วดันเจ้าสิ่งที่ยังแข็งร้อนไม่ได้รับการปลดปล่อยเข้าสู่โพรงเนื้ออุ่น สีหน้าอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที ไม่ว่าจะกี่ครั้งโยษิตาก็ตอดรัดเขาอย่างรุนแรงเสมอ พึ่งจะแหย่ได้แค่ครึ่งเดียว ก็เกือบถูกเธอบีบจนแตกแล้ว
“อืม แน่นจังเลย ซี้ด! เสียวหัว อ๊า!”
โยษิตาเองก็ไม่ต่างกัน พอเขาแทรกกายเข้ามา เธอก็ตื่นตระหนกจนแทบลืมหายใจ “บอสคะ! บอส”
ได้ยินเธอเรียกหา อิทธิพลไม่รู้เป็นอะไร ราวกับได้รับแรงกระตุ้นมหาศาล พลันถลึงเสียบเข้าไปพรวดเดียวมิดลำ สูดหายใจสองสามครั้งก็หยัดสะโพกโถมตอกกระแทกอย่างอดใจไม่ไหวทันที
“คุณเลขา ผมซอยถึงใจไหม ซอยจนคุณไม่อยากให้หยุดเลยหรือเปล่า”
“บอสคะ! งื้อ!” เธอเสียวใจจะขาดอยู่แล้ว
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?