ตอนที่ 24. จับคนร้ายตัวจริง

ในชาติที่แล้วข่าวเรื่องขบวนการค้าไม้เถื่อนในเมืองเทียนจินค่อนข้างโด่งดัง ว่านอันอันจึงจำมันได้ดี ว่าหลังจากนี้อีกประมาณห้าหกปีขบวนการค้าไม้เถื่อนรายใหญ่จะถูกจับกุมที่เมืองนี้ หลังสืบสาวเรื่องราว พบว่าโรงไม้ใหญ่ ๆ หลายแห่งในเมืองนี้แหละที่เป็นลูกค้าซื้อไม้กับพวกมันมาหลายปี

แม้จะจำชื่อของโรงไม้ทั้งหลายในปีนั้นไม่ได้ แต่ยังจำลำดับการสืบสวนในข่าวได้ดี ทั้งยังเดาในใจว่าพวกคนที่มาเสนอหน้าใส่ร้ายพวกเธออยู่ตอนนี้นี่แหละที่เป็นคนร้าย

“เจ้านั่นมันก็พูดแล้วไงว่าไม่รู้จักคนที่มาซื้อน่ะ จะไปตามหากับลมกับฝนหรือไงเล่า !” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น

“ฉันรู้มาว่าการค้าไม้เถื่อนในแถบนี้มักจะเป็นการแอบตัดไม้ในเขตอุทยาน ตรงนั้นยังมีพันธุ์ไม้อนุรักษ์ที่ไม่เหมือนป่าทั่วไปหรือการปลูกเพื่อตัดขายปกติ ถ้าเราตรวจสอบไม้ที่อยู่ในโรงไม้ต่าง ๆ ว่ามีไม้ชนิดพิเศษเหล่านี้อยู่หรือไม่ ก็จะได้รู้กันค่ะว่าคนร้ายเป็นใคร หรือจะตรวจย้อนหลังจากเฟอร์นิจอร์ที่พวกเขาผลิตสำเร็จไว้ก็ได้นะคะ”

ประโยคของหญิงสาวราวกับสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ฟาดลงมาใส่ทุกคน โดยเฉพาะพวกช่างจากโรงไม้ในเมืองที่พากันแข้งขาอ่อนแรงหมด หลักฐานยังอยู่เต็มโรงไม้และโกดังของพวกเขาหากถูกตรวจสอบขึ้นมาจริง ๆ ต้องแย่แน่

“เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับ ! เราจะรีบดำเนินการสั่งตรวจสอบโรงไม้ในเมืองเทียนจินทันที” เจ้าหน้าที่ทางการทั้งหลายตาลุกวาว เนื้อเต้นกันหมด ถ้างานนี้สามารถจับกุมขบวนการค้าไม้เถื่อนได้ จะต้องได้รับคำชมและรางวัลตอบแทนมากมายแน่นอน

“อ๊ะ พวกช่างใหญ่ จะหนีไปไหนกันล่ะคะ แบบนี้ไม่เท่ากับรีบวิ่งไปทำลายหลักฐานเหรอ !”

“อะไร ! ใครจะหนีกัน อย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ”

“แกสิหนี !”

เห็นเหล่าช่างไม้ทั้งหลายที่เป็นแกนนำพาเจ้าหน้าที่มาที่นี่ทำตัวประหลาด เร่งฝีเท้าพากันเดินกลับก็แปลกใจ

“ถ้าไม่รีบขวาง หลักฐานจะถูกทำลายแล้วนะคะ” เสียงเอ่ยเตือนจากว่านอันอันทำให้ใครหลายคนรู้ตัวทันที

ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและคนจากซานเหอมู่เย่ พากันวิ่งไล่จับเหล่าช่างไม้ที่พยายามหนีกลับมาคุมตัวไว้ได้ทั้งหมด จากนั้นก็ติดต่อสถานีเจ้าหน้าที่ในเมืองเพื่อส่งคนไปตรวจสอบ ไม่นานผลก็ออกมา โรงไม้ใหญ่ในเมืองเทียนจินเกือบทั้งหมดล้วนมีไม้เถื่อนอยู่ในครอบครอง จึงถูกยึดสถานที่และจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่นเดียวกับเหล่าเจ้าของโรงไม้เหล่านั้นที่รวมตัวกันมาเพื่อใส่ร้ายซานเหอมู่เย่ด้วย

ข่าวนี้เป็นข่าวดัง ทั้งยังทำให้ซานเหอมู่เย่มีชื่อเสียงด้านมาตรฐานการทำงานมากขึ้นไปอีก คำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นทุกวันจนต้องสร้างส่วนขยายโรงงาน หลังจากเรื่องทั้งหมดจบลงไม่กี่วันต่อมาเจ้าหน้าที่หลายท่านที่ได้รับการเชิดชูเกียรติจากการจับกุมครั้งนี้ก็พากันหอบข้าวของตอบแทนมายังซานเหอมู่เย่

“ขอบคุณคุณผู้หญิงมากเลยนะครับที่ช่วยเหลือในการสืบสวน”

“ซานเหอมู่เย่โชคดีนะครับที่ได้มีเถ้าแก่เนี้ยที่ทั้งเก่งทั้งฉลาดขนาดนี้”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจปฏิบัติงานต่างหากล่ะค่ะ”

ว่านอันอันยิ้มรับโดยซ่งหมิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังมองภรรยาด้วยสายตาภาคภูมิใจ ท่าทางจัดการคนชั่วทั้งฝูงโดยไม่ต้องเปลืองแรงของเธอนั้นช่างน่าประทับใจเหลือเกิน

กว่าจะจัดการส่งแขกกลับหมดและช่วยจัดการงานในโรงไม้เรียบร้อยก็มืดค่ำแล้ว หนึ่งร่างสูงหนึ่งร่างเล็กเดินเคียงข้างกันกลับไปยังบ้านของพวกเขา บรรยากาศยามค่ำคืนอันเงียบสงบช่วยชะล้างความวุ่นวายที่ผ่านมาตลอดทั้งวันได้ดี

“ทุกอย่างตอนนี้เป็นเหมือนฝันสำหรับผมเลยครับ” ชายหนุ่มเริ่มบทสนทนา ในใจรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด

ว่านอันอันยิ้มรับพยักหน้าน้อย ๆ เธอเองก็รู้สึกเหมือนกัน ตลอดเวลาที่เป็นวิญญาณกว่าสามสิบปี เธอไม่เคยมีความหวังด้วยซ้ำว่าจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ได้กลับมาเดินเคียงข้างคนที่รักเธอจากใจจริง และกลับมาเริ่มต้นใหม่อย่างที่เคยจินตนาการไม่รู้กี่รอบ

“แทนตัวเองได้ห่างเหินจังนะคะ”

เธอหรี่ตาจับผิด ทั้งที่เมื่อวันก่อนเราคุยกันแล้วแท้ ๆ

“อะแฮ่ม... พี่... แค่ยังไม่ค่อยชินครับ”

เห็นท่าทีประหม่าของเขา สาวสวยก็ยิ้มอย่างมีความสุข ซ่งหมิงในสายตาเธอเป็นคนเก่ง เพียงแต่ขาดความมั่นใจเท่านั้นเอง

“อันอันครับ”

“คะ ?” เธอมองเขาด้วยความสงสัย น้อยครั้งที่เขาจะเรียกชื่อเธออย่างจริงจังแบบนี้

“พี่ว่า พี่จะเรียนต่อครับ”

“แบบนั้นก็ดีเลยสิคะ !”

ดวงตาคู่สวยลุกวาวน่าเอ็นดู

“ครั้งก่อนไปในเมือง พี่เห็นมหาลัยเปิดรับสมัครนักเรียนภาคค่ำ ถึงจะเรียนจบแค่ม. ต้นก็สามารถสอบเทียบได้ครับ”

นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่งหมิงกล้าแสดงความต้องการบางอย่างของตนเอง เขาใช้เวลาคิดแล้วคิดอีกอยู่นานพอสมควร เขารู้มานานแล้วว่าตำแหน่งที่ตนเองยืนอยู่ในตอนนี้จำเป็นต้องพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ ทั้งตอนที่ติดต่อลูกค้าระดับสูง หรือการเพิ่มความสามารถของธุรกิจนี้

เขาเคยแอบเห็นแผนการที่อันอันเขียน เข้าใจดีว่ามันจะนำพาซานเหอมู่เย่ให้ยิ่งใหญ่ไปมากกว่านี้หลายเท่า และก่อนจะถึงเวลานั้น เขาต้องเตรียมพร้อมตัวเองไว้

“พี่หมิงต้องทำได้ดีแน่ค่ะ ฉันเชื่อแบบนั้น”

.

.

.

คืนวันนั้นว่านอันอันมีแผนการใหญ่ ท่ามกลางความมืดของห้องนอนอันเงียบสงบ มือบางยื่นจากฝั่งตัวเองไปยังหมีจำศีลที่นอนอยู่ด้านข้างช้า ๆ กางนิ้วเรียวไต่ไปบนแผงอกแกร่งไต่ช้า ๆ ทำให้ลมหายใจเป็นจังหวะสะดุดไปเล็กน้อย

มือน้อยซุกซนยังไต่ไปจนถึงลำคออุ่นและลูกกระเดือกเซ็กซี่

ฟึ่บ !

โจรร้ายถูกจับกุมไว้ในอุ้มมือใหญ่ทันที

“จะทำอะไรครับ” เสียงทุ้มของเขาเข้มและแหบพร่ากว่าปกติ

“ก็... แค่อยากให้เราใกล้ชิดกันขึ้นเท่านั้นเองคะ เมื่อไหร่พี่จะยอมสักทีคะ”

แม้จะประสบความสำเร็จใหญ่ในการลากสามีขึ้นมานอนเตียงเดียวกันได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมแตะต้องเธอสักที แต่ละคืนจึงต้องสรรหาวิธียั่วยวนสารพัดมาใช้งาน

สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น... ก็ถูกเขาเอาผ้าห่มมาห่อเพราะกลัวเธอหนาว

ทำทีเผลอไปโดนตัวเขา... ก็ถูกจับมานอนนิ่ง ๆ แล้วกั้นผ้าระหว่างพวกเราไว้อย่างแน่นหนา

ขนาดพูดตรง ๆ ก็แล้วยังถูกเมิน

ไม่นานมานี้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านของพวกเขาถูกเปลี่ยนใหม่เป็นของที่มาจากซานเหอมู่เย่ทั้งหมดแล้ว เช่นเดียวกับเตียงหลังนี้ ที่ว่านอันอันขัดใจเพราะมันกว้างกว่าเดิมมาก

“นอนได้แล้วครับ”

“ไม่ทำอย่างอื่นต่อเหรอคะ”

“นอนครับ”

ซ่งหมิงรวบมือเล็กซุกซนมาไว้แล้วโอบร่างภรรยาเข้ามาในอ้อมอก กอดเธอไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ว่านอันอันยู่ปากด้วยความขัดใจ มองผ่านแสงสลัวจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ดูดีขึ้นทุกวันเพราะถูกเธอบำรุง

ทุกวันนี้เวลากลางคืนเป็นเหมือนสงครามเล็ก ๆ ระหว่างพวกเขา ที่ฝ่ายหนึ่งบุกฝ่ายหนึ่งป้องกันอย่างแน่นหนา

“ฮึ...เจ้าหมีจำศีล” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ และยอมหลับตาลงโดยดี

อย่างน้อยวันนี้ก็ได้ถูกเขากอดก่อนนอน...

กลับเป็นดวงตาคู่คมเสียเองที่เปิดขึ้นมองคนในอ้อมกอดด้วยสายตาเอ็นดูเปี่ยมความรัก

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ