ตอนที่ 15. เริ่มงาน

ว่านอันอันตั้งใจจะให้ชื่อเจ้าของซานเหอมู่เย่เป็นของซ่งหมิง ส่วนตัวเองจะคอยดูแลเรื่องบัญชีและสนับสนุนเบื้องหลัง หนึ่งเพราะความรู้และฝีมือทางด้านนี้เขามีมากกว่าเธอ สองเพราะตัวเธอเองได้แอบวางเป้าหมายในธุรกิจเสื้อผ้าไว้ในอนาคตแล้ว คงไม่มีเวลาจะมาคอยสอดส่องดูแลทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมดแน่

เธอทิ้งหน้าที่ดูแลการปรับปรุงโรงงานให้เป็นของซ่งหมิง แล้วเรียกผู้หญิงในหมู่บ้านคนหนึ่งมาคุย เธอคนนี้มีชื่อว่า เหวินซิน เป็นหญิงสาวที่เพิ่งมาจากหมู่บ้านข้าง ๆ แต่งมาเป็นภรรยาของเด็กหนุ่มในหมู่บ้านนี้ เธอเรียนจบมัธยมต้นมาพออ่านออกเขียนได้อยู่บ้าง

เมื่อได้ยินว่าที่นี่รับสมัครคนงานสามีเธอที่เพิ่งถูกบีบให้ออกจากโรงไม้ใหญ่ในเมืองเทียนจินจึงมาสมัครงาน เธอเองก็ติดตามมาด้วย ว่านอันอันเห็นแววฉลาดเฉลียวจึงได้เข้ามาสอบถามว่าเธอสนใจทำงานเกี่ยวกับบัญชีไหม

แน่นอนว่าเหวินซินตกลงโดยเร็ว เพราะต้องคอยดูแลลูกจึงไม่สามารถหางานไกลบ้านได้ หากได้งานใกล้บ้านที่เดียวกับสามี ก็ไม่มีอะไรให้ต้องปฏิเสธ ว่านอันอันจึงวางเธอไว้ในตำแหน่งผู้ช่วยนักบัญชี

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ ส่วนของอาคารโรงไม้ที่ต้องปรับปรุงต่อเติมก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยยึดถือการแบ่งสัดส่วนที่เหมาะสมและพื้นที่เก็บข้าวของอย่างเป็นระเบียบเช่นเดียวกับโรงไม้หมู่ซาน ส่วนไหนต้องแบ่งหน้าที่และสอนงานก็เป็นไปได้ด้วยดี ซานเหอมู่เย่ จึงได้ฤกษ์เปิดกิจการในที่สุด ประทัดสีแดงพวงใหญ่ถูกจุดอย่างครื้นเครง คนที่มีเวลาว่างของหมู่บ้านทูวาต่างก็มามุงดูด้วยความสนุกสนาน

เห็นโรงเก็บผลผลิตเก่าเก็บกลายมาเป็นโรงงานไม้ที่ใหญ่โตสวยงามแปลกตาก็ตื่นเต้นกันใหญ่ ป้ายไม้อันใหญ่แกะสลักด้วยตัวอักษรงดงามแข็งแรงเฉียบคมของซ่งหมิงดูมีพลังจนผู้คนชี้ชวนกันดูด้วยความประทับใจ

งานฉลองเริ่มต้นขึ้นและจบลง ทว่าความมีชีวิตชีวาในโรงงานซานเหอมู่เย่กลับทวีความร้อนแรงมากกว่าเดิม พวกเขาได้เริ่มวางแผนการผลิตชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ยาวแปลงร่างได้กันแล้ว ว่านอันอันได้ลงทุนซื้อไม้และเครื่องมืออุปกรณ์ทั้งหมดมาเรียบร้อย ทั้งหมดประมาณห้าหมื่นหยวน ซึ่งเป็นค่าเครื่องมือไปมากกว่าครึ่ง แต่อย่างไรสิ่งเหล่านี้ก็จำเป็นและใช้ได้อีกนาน เธอจึงไม่ติดใจอะไรและลงทุนอย่างกล้าหาญ

ไม่นานเสียงพูดคุยก็หายไป กลายเป็นเสียงเลื่อยไม้ ตัดไม้ ขัดเนื้อไม้ ตอกตะปูเข้ามาแทนที่ ทุกคนต่างทำงานกันอย่างมีความสุข ความเร็วในการทำงานจึงไวกว่าที่คิด ซ่งหมิงได้วางตัวซางเจ๋อเป็นหัวหน้าช่างใหญ่ของที่นี่ และคอยสอดส่องดูแลรายละเอียดของผลงานไปด้วยกัน

ซางเจ๋อเองประทับใจในตัวเถ้าแก่หนุ่มคนนี้มาก ทั้งมีความสามารถและถ่อมตัว ทว่าก็กล้าพูดกล้าตัดสินใจ ไม่หวงความรู้ งานแกะสลักอันเป็นเอกลักษณ์ของเขานั้นยังสอนให้หนึ่งในคนจากหมู่ซานด้วยความยินดี

เวลาผ่านไปโต๊ะแปลงร่างตัวแล้วตัวเล่าก็ถูกผลิตออกมาสำเร็จเรื่อย ๆ คุณภาพสินค้าที่ผ่านมือช่างไม้มากประสบการณ์และมากฝีมือออกมาดูดีกว่าต้นแบบมาก ยิ่งได้ขัดเงาเนื้อไม้และลงเคลือบเงายิ่งดูแพงและน่าทึ่งไปใหญ่

เหล่าชายฉกรรจ์บางคนในหมู่บ้านบางคนได้ยินเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการของโรงไม้ก็พากันลาออกจากที่ทำงานเดิมและมาเริ่มต้นใหม่ที่นี่ จนตอนนี้มีพนักงานในโรงไม้ประมาณสามสิบคน ซึ่งว่านอันอันก็หยุดรับคนเพียงเท่านี้ก่อน จนกว่าจะถึงเวลาขยับขยายส่วนผลิตที่เหมาะสมอีกครั้ง

บรรยากาศในโรงงานเป็นไปได้ดีมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคุณลุงทั้งหลาย

“เหลาเหอ พรุ่งนี้วันหยุดของแกใช่มั้ย” ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีหนวดเฟิ้มถามเหอจื้อเฉียง

“ใช่แล้ว ของแกหยุดต่อจากฉันนี่ วางแผนนอนหลับทั้งวันเลยล่ะสิ”

“เฮ้อ ว่าก็ว่าเถอะ ฉันเองไม่ได้อยากหยุดเลย ทำงานทุกวันแบบนี้ค่อยรู้สึกมีแรงหน่อย นอนอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี”

“ฮ่า ๆ ๆ ฉันก็เหมือนกัน แต่ทำยังไงได้ แม่หนูอันอัน... ไม่สิ เถ้าแก่เนี้ยอันอันบังคับชัดเจนว่าทุกคนต้องมีวันหยุด อยู่กับครอบครัวและใช้เวลาร่วมกับผู้อื่นบ้าง ไม่อนุญาตให้ก้มหน้าก้มตาทำงานจนเสียสุขภาพ ดูสิ พูดขนาดนี้ใครจะไปปฏิเสธไหว”

“แต่วันก่อนเหมือนพ่อหนุ่มจากโรงงานหมู่ซานแอบมาทำงานแล้วโดนจับได้ ถูกเรียกไปอบรมอยู่นานก่อนจะหิ้วกระเป๋ากลับบ้าน คอนี้ตกแทบจะติดพื้น”

สองชายสูงวัยพูดคุยหัวเราะกันในเวลาพัก ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายไม่เหมือนครั้งแรกก่อนทำงานที่ดูหม่นหมองไร้พลังอีกแล้ว

พวกเขาเองแต่ก่อนก็เคยมีช่วงเวลาหนุ่มที่ต้องทุ่มเททำงานหนัก ภายหลังเมื่ออายุมากขึ้นก็ถูกที่ทำงานปฏิเสธและรับคนหนุ่มเข้ามาแทน จึงต้องกลับมารับจ้างทั่วไปอยู่ในหมู่บ้าน คอยดูแลบ้านและดื่มเหล้าสังสรรค์พูดคุยแต่เรื่องอดีตไปวันวัน ปล่อยลมหายใจทิ้ง ห่างไกลความเป็นวัยเยาว์ไปทุกที ใช้ชีวิตไปเพื่อรอลูกหลานส่งเงินมาให้และรอความตาย

กระทั่งได้มีโอกาสกลับมาทำงานอีกครั้ง... จึงได้ราวกับมีชีวิตใหม่

ความรู้สึกตอนที่ได้ก้าวขาออกจากบ้านไปทำงานครั้งแรกหวนกลับมา การหาเงินให้ครอบครัวได้ด้วยตัวเองอีกครั้งเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกมันทั้งซาบซึ้ง ภูมิใจและอิ่มเอม

ซานเหอมู่เย่ ช่างเป็นสถานที่วิเศษสำหรับพวกเขาเหลือเกิน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ