“เย่ฟางตง ! พี่เพิ่งกลับมาเองนะ จะออกไปอีกแล้วเหรอ”
ว่านชิงชิงในชุดนอนผ้าเนื้อดีวิ่งลงมาจากบันไดตะโกนเรียกสามีที่เตรียมตัวออกไปข้างนอกอย่างร้อนใจ แม้แต่ชื่อเต็มก็ถูกเรียกออกมาแล้ว
“ว่านชิงชิงมีสติหน่อย พี่ไปงานเลี้ยงของนายพล นี่ก็เป็นหนึ่งในงานเหมือนกัน” เย่ฟางตงตอบด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด รู้สึกรำคาญผู้หญิงคนนี้มากขึ้นทุกวัน
“งาน งาน งาน ตอนไหนก็งาน ! พี่กลับบ้านตอนเช้ามากี่วันแล้วคะ ใจคอจะไม่อยู่กับฉันสักวันเลยหรือไง”ร่างบางได้สัดส่วนเข้าโอบคล้องแขนแนบชิดกับสามี สีหน้าดูน้อยใจปนออดอ้อน ดูอารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย
อีกฝ่ายถอนหายใจยาวใช้สายตาลึกล้ำมองภรรยาคนสวยแล้วลูบหัวเธอเบา ๆ
“รอพี่หน่อย ถ้าผลงานล่าสุดนี้มีชื่อพี่อยู่ด้วย การเลื่อนตำแหน่งก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว หลังจากนั้นเราก็จะได้ใช้เวลาด้วยกันเต็มที่”
ว่านชิงชิงมองใบหน้าของสามีที่เธอใฝ่ฝันหามานานแล้วแนบใบหน้าเข้ากับต้นแขนแกร่ง ตั้งแต่วันแต่งงานเขาเป็นสามีที่น่ารักกับเธอมาตลอด ทั้งเอาอกเอาใจเก่ง ซื้อของขวัญแพง ๆ ให้ทุกวัน พาไปออกงานสังคม แต่หลังผ่านไปไม่กี่เดือนเขาก็แปลกไป
เข้างานเร็วออกงานช้า แถมยังมีงานเลี้ยงดึก ๆ ข้ามคืนข้ามวันบ่อย ๆ แต่ปกติแล้วชีวิตประจำวันของว่านชิงชิงก็ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเย่ฟางตงอยู่แล้ว กว่าจะตื่นก็เลยเที่ยงวัน หลังจากนั้นก็แต่งตัวอีกหลายชั่วโมงก่อนจะออกไปเที่ยวซื้อของกับเพื่อนสาวชนชั้นสูงเหมือนกัน หากไม่เพราะผู้หญิงพวกนั้นเอาแต่คอยถามเรื่องเธอกับสามีอยู่บ่อย ๆ เธอก็คงไม่มาพาลหาเรื่องเขาอยู่ทุกวันแบบนี้
“ได้ค่ะ ชิงชิงจะรอพี่นะคะ”
“อืม แล้ววันนี้ได้กินยาบำรุงผิวสูตรพิเศษรึยัง ?”
“กินแล้วค่ะ เอ๊ะ แต่ว่ายาบำรุงตัวนี้ดีมากเลยนะคะ รู้สึกว่านอนหลับง่ายขึ้น ผ่อนคลาย แถมยังผิวดีอีก ต้องขอบคุณพี่ฟางตงจริง ๆ ที่อุตส่าห์หาของดีมาให้ชิงชิง”
“แค่เธอชอบพี่ก็ดีใจแล้ว”
ร่างสูงเผยยิ้มอ่อนโยนไม่เข้ากับดวงตาอันมืดมิด โน้มใบหน้าลงจูบลาภรรยาสาวก่อนออกจากบ้านไปเพื่อร่วมงานใหญ่
เย่ฟางตงเดินไปขึ้นรถจิ๊ปทหารของตัวเองแล้วขับออกไป ในใจแอบหวนคิดถึงอดีตคู่หมั้นไม่น้อย ถ้าพูดตามตรงแล้วหน้าตาและรูปร่างของว่านอันอันดีกว่าน้องสาวมาก ถ้าไม่ติดว่าเป็นของมือสองที่ไร้สมองเขาคงรับมาโอบอุ้มด้วยความยินดี แต่คิดไปคิดมาไร้สมองก็ไม่ใช่ว่าจะแย่
อาจจะน่ารำคาญน้อยกว่ามีผู้หญิงที่มีสมองครึ่งเดียวแต่เที่ยวหาเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวันอย่างว่านชิงชิงก็ได้
.
.
.
วันนี้ในโรงงานไม้ของซานเหอมู่เย่ก็ยังคงคึกคักวุ่นวายเช่นเดิม ต่างคนต่างทำงานในมือด้วยความกระตือรือร้น ซ่งหมิงกำลังวางแผนกับหัวหน้าแต่ละฝ่ายในโรงไม้เพื่อรับคนเพิ่ม จำนวนสินค้าที่ถูกสั่งเข้ามาเริ่มมีมากจนแผนทำงานลากยาวไปอีกห้าเดือน พวกเขาคุยกันว่าไม่อยากให้ลูกค้ารอนานขนาดนั้น จึงตั้งใจจะขยายส่วนผลิต
ทางว่านอันอันก็เข้าตรวจสอบบัญชีและเอกสารสำคัญตามกำหนดการ ตอนนั้นเองเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังมาจากหน้าโรงงาน ก่อนจะมีคนงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“แย่แล้วครับเถ้าแก่เนี้ย ! พวกช่างไม้ในเมืองรวมตัวกันมาพร้อมคนจากทางการหาว่าโรงงานเรารับไม้เถื่อนผิดกฎหมายมาทำงานครับ ตอนนี้ทั้งประท้วงและพยายามจะบุกเข้ามาทำลายข้าวของ ทุกคนกำลังขวางไว้อยู่”
คิ้วเรียวสวยขมวดหนักลุกพรวดขึ้นทันที
“พี่ซ่งหมิงล่ะ”
“เถ้าแก่กำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ครับ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล”
ว่านอันอันสับเท้าวิ่งไปยังหน้าโรงงานทันที จึงได้เห็นความวุ่นวายตรงหน้า ชายฉกรรจ์มากมายกำลังรวมตัวโวยวายอยู่หน้าโรงงานโดยมีเจ้าหน้าที่จากทางการท่าทางดุดันประมาณห้าคนยืนคุมอยู่ด้านหลัง
“โรงงานไม้หน้าไม่อายทำผิดต่อประเทศชาติแบบนี้สมควรปิดไปซะ !”
“เรื่องไม้ต้องจ่ายเงินซื้อมาอย่างถูกต้อง การรับไม้เถื่อนมาแบบนี้พวกเรารับไม่ได้”
“เพราะโรงงานของพวกแก โรงงานไม้อื่น ๆ ในเมืองเทียนจินจึงเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย จะไม่ให้คนอื่นทำมาหากินเลยหรือไงหา !”
“พวกซื้อไม้เถื่อน !”
“จับเข้าคุกให้หมด !”
“ท่านเจ้าหน้าที่จับพวกมันให้หมดเลยครับ !”
ไม่เถื่อนที่ว่านี้ คือไม้ที่ถูกลักลอบตัดมาผิดกฎหมายและขายต่อในราคาต่ำมากกว่าครึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากเขตที่ห้ามตัดไม้ทั้งนั้น หากมีไว้ในครอบครองย่อมต้องถูกดำเนินคดี แต่ว่านอันอันมั่นใจว่าการซื้อขายทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง แล้วข่าวลือนี้มันมาจากไหน ?
“ไหนล่ะหลักฐาน !”
เสียงแหลมที่ตวาดดังขึ้นทำให้ทุกสายตาหันไปมอง เสียงที่ตะโกนเซ็งแซ่พลันเบาลง นัยน์ตาหวานกวาดมองมาด้วยท่าทางเหนือกว่า
“จะกล่าวหาอะไรก็ต้องมีหลักฐาน หรือว่าเดี๋ยวนี้ขอแค่คนมากกว่า เสียงดังกว่า ก็จับคนเข้าคุกได้แล้วหรือไง !”
ท่าทีดุดันของสาวงามทำให้ใครหลายคนตะลึง ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วลูกจ้างทุกคนในโรงงานไม้มักจะเห็นเถ้าแก่เนี้ยคนนี้ในมุมยิ้มง่าย ทำงานเก่ง ดูแลลูกน้องทุกคนอย่างดี แม้อายุยังน้อยแต่มีเหตุผลและใจเย็นอยู่เสมอ มาตอนนี้กลับกลายเป็นแม่เสือเกรี้ยวกราดไปเสียแล้ว
คนพวกนั้นเมื่อเห็นสาวงามแหวกเข้ามายืนเบื้องหน้าตนก็ยิ้มเยาะ บางคนยังใช้สายตากักขฬะมองมาอย่างไม่มีมารยาทด้วยซ้ำ
“เป็นแค่ผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้า อย่ามาสอดเรื่องใหญ่ ! คิดว่าที่นี่มันที่ไหน กลับบ้านไปรอปรนนิบัติสามีไป !” ใครคนหนึ่งชี้หน้าเธอตวาดลั่น
ซ่งหมิงรีบเข้ามายืนข้าง ๆ แล้วปัดมือนั้นออกอย่างแรง อีกฝ่ายชักสีหน้าถกแขนเสื้อทันที ฝั่งลูกจ้างของซานเหอมู่เย่เองก็บิดข้อไม้ข้อมือทำหน้าตึงกันหมด เมื่อครู่พวกเขาแค่ยังตกใจกันอยู่ แต่หลังได้ยินถ้อยคำว่าร้ายเจ้านายคนสวยของพวกเขาก็เลือดขึ้นหน้ากันหมดแล้ว
ผู้มีพระคุณคนนี้ใครก็ห้ามแตะต้อง !
“อะไรวะไอ้เด็กหน้าอ่อน แกอยากมีเรื่องรึไง ! ไม่รู้อะไรก็ถอยไปซะ อย่าหาว่าไม่เตือน” คนเดิมกลับมาชี้หน้าด่าซ่งหมิง คราวนี้เป็นว่านอันอันที่หงุดหงิดปัดมือหยาบคายนั้นทิ้งเสียงดังเพี๊ยะ
สามีเธอใครกล้ามาชี้หน้าด่า !
“คนที่ไม่รู้อะไรน่ะมันแกต่างหาก ! ฉันกับสามีคือเจ้าของซานเหอมู่เย่ คนที่แกควรจะคุยด้วยที่สุด”
พลันเสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังครืน
“ฮ่า ๆ ๆ ก็ว่าอยู่ว่าใครที่ไหนมันกล้ารับไม้เถื่อน ที่แท้ก็เป็นเด็กไม่รู้ประสาสองคนนี่เอง มา ! ไปเข้าคุกสำนึกผิดซะ จะได้เรียนรู้ว่าอะไรควรไม่ควร” ชายร่างสูงใหญ่หน้าตาคุ้น ๆ พูดขึ้น
ว่านอันอันมองแป๊บเดียวก็จำได้ ว่าคนคนนี้คือเถ้าแก่โรงไม้เฟิง กวาดตามองละเอียดอีกหน่อยก็เห็นว่าเถ้าแก่โรงไม้ใหญ่ ๆ ในเมืองเทียนจินที่เธอเคยไปขอพบเพื่อเสนอแบบร่างจ้างผลิตวิ่งโร่มาเสนอหน้ากันหมด คิดดูหน่อยก็รู้ต้นสายปลายเหตุทันที
พวกหนังเหนียวเคี้ยวยาก ไม่อยู่ทำการทำงานดี ๆ วิ่งมาแสดงความอิจฉาริษยาถึงที่ ว่านอันอันคงต้องสั่งสอนเสียหน่อย ความสามารถด้านการก่อเรื่องของเธอถูกฝึกสอนมาจากแม่เลี้ยงอย่างเจิ้งหลินดีเยี่ยม เห็นเสือไม่กินคนเข้าเสียหน่อยก็มากระตุกหนวดเล่น คนพวกนี้ต้องได้ร้องไห้กลับบ้านก่อนถึงจะสาสม
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?