บิดาไม่ได้ติดใจสงสัย เนื่องจากลูกสาวแต่งออกไปแล้วก็เป็นสมบัติของสามี เมื่อถูกแม่เลี้ยงกับสามีปิดเรื่องเลวร้ายไว้ บิดาของเธอจึงไม่เคยติดใจสงสัยในคำบอกของพวกมัน ที่บอกว่าว่านอันอันหนีไปกับชายชู้ และเพื่อไม่ให้ผิดใจกับบ้านเย่ ที่ลูกสาวทำตัวเหลวไหล จึงจำใจต้องให้ว่านชิงชิงแต่งงานกับเย่ฟางตง เป็นการขอโทษ
เหตุนี้เย่ฟางตงจึงทำหนังสือหย่าขึ้นมาแล้วก็เข้าวิวาห์กันอย่างมีความสุขกับว่านชิงชิง ครองรักกันหวานชื่น เพลิดเพลินไปกับสมบัติมากมายที่วางแผนร่วมกันสามคนกับเจิ้งหลินฮุบไปจากว่านอันอัน
ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ศพของว่านอันอันถูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลอย่างไม่สนใจใยดี
ยิ่งได้รับรู้เรื่องราวอันเน่าเฟะเบื้องหลังการตายของตัวเองมากเท่าไร ว่านชิงชิงก็เคียดแค้นมากเท่านั้น แต่กลับทำอะไรไม่ได้สักนิด เพียงโอบกอดร่างวิญญาณของตนเองหลั่งน้ำตาอยู่ในมุมมืดที่ไม่มีใครมองเห็น
สิ่งเดียวที่ยังพอจะเยียวยาหัวใจเธอได้คงมีเพียงซ่งหมิงที่กลับบ้านเกิดหลังเผาศพเธอเรียบร้อยแล้วเท่านั้น เขามักจะมาพูดคุยกับอัฐิของเธออยู่เสมอ ว่าวันนี้เขาทำอะไรมา อากาศเป็นเช่นไร วางแผนอนาคตของตนเองไว้แบบไหน
ว่านอันอันในร่างวิญญาณค่อย ๆ ซึมซับความเป็นตัวเขาและคอยรับฟังทุกอย่าง จิตใจที่เต็มไปด้วยความแค้นของเธอค่อย ๆ เจือจางลงวันละนิด เธอล่องลอยไปมาระหว่างปักกิ่งกับบ้านเกิดของซ่งหมิงอยู่นาน เฝ้ามองวันเวลาที่ไหลผ่านไปเรื่อย ๆ
ซ่งหมิงหาเลี้ยงชีพด้วยธุรกิจผลิตเครื่องเฟอร์นิเจอร์ จากนั้นก็พอมีเงินเก็บก็ขยับขยายรับเหมาเอง ระยะเวลากว่าสามสิบปีที่เขาครองตัวโสดด้วยยึดมั่นในตัวว่านอันอัน แม้ว่าจะไม่เคยถูกเธอยอมรับเลยก็ตาม ระยะเวลามากมายนั้นเพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ใจจริงของเขา
วิญญาณของว่านอันอันเฝ้าอยู่เคียงข้างเขาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่กลับไม่ได้พบวิญญาณของเขา เธอเพียงอยากพูดคุยกับเขาสักครั้ง อยากขอโทษ อยากขอบคุณ อยากให้เขามีความสุขมากกว่านี้
ความตายของเขาคือจุดสิ้นสุดความอดทนในร่างวิญญาณที่ไปผุดไปเกิดไม่ได้นี้ ว่านอันอันด่าทอสวรรค์ ขอโอกาสกลับไปแก้ไข ให้คำสาบานว่าจะไม่ปักใจแก้แค้น ไม่ทำร้ายใครหากไม่ถูกกระทำก่อน ขอเพียงได้มีชีวิตที่มีความสุขกับซ่งหมิงเพียงเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเธอจมอยู่ในความเศร้าโศกน้อยใจในโชคชะตาชีวิตของตนเองอยู่นานเท่าไร ก่อนทุกอย่างจะดับมืดลง และตื่นขึ้นอีกครั้งในร่างตนเองในวัยยี่สิบเอ็ดปี
กลับมาที่ปัจจุบัน
ว่านอันอันมองภาพที่สะท้อนอยู่บนกระจก เป็นใบหน้าอ่อนเยาว์และดูสุขภาพดีแม้จะซีดเซียวไปหน่อยแต่ก็ปิดบังความงดงามทรงเสน่ห์ไว้ไม่ได้
หลังจัดการธุระในห้องน้ำเสร็จเธอก็กลับมาเอนตัวนอนลงเคียงข้างซ่งหมิงอีกครั้ง เฝ้ามองใบหน้ายามหลับใหลของเขาแล้วลั่นวาจากับตนเองในใจ ว่าโอกาสที่ได้รับมานี้จะทำให้ดีที่สุด ปล่อยวางความแค้นที่มีและไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกปีศาจร้าย จะเดินไปในหนทางที่เธอและซ่งหมิงจะมีความสุขเพียงเท่านั้น
“ซ่งหมิง...”
ในที่สุดเธอก็ได้เอ่ยชื่อเขาด้วยเสียงของตนเองเสียที...
เปลือกตาบางหลับลงอีกครั้ง เก็บพลังงานไว้ต่อกรกับละครที่จะเริ่มขึ้นในเช้าวันพรุ่งนี้
.
.
.
“กรี๊ดดดดด ! คุณหนู !”
เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจแหลมดังไปทั่วทั้งชั้นบนของบ้านตระกูลว่าน
ว่านอันอันขมวดคิ้วแน่น รู้สึกหูอื้อเล็กน้อย นึกในใจว่าเสียงของสาวใช้ที่เจิ้งหลินหามาปลุกเธอในเช้านี้ช่างมีประสิทธิภาพเสียจริง
“เกิดอะไรขึ้น ?”
เป็นแม่เลี้ยงแสนดีควงแขนพ่อของเธอโผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนเป็นคนแรก ตามมาด้วยว่านชิงชิงที่ยังอยู่ในชุดนอนสีหวาน สุดท้ายก็เป็นตัวละครหลักอย่างเย่ฟางตงที่แสร้งว่าเมาหนักและขอค้างที่บ้านตระกูลว่าน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน !” ว่านหวนเย่ตะโกนลั่นด้วยความโกรธ
ภาพลูกสาวคนโตในสภาพยุ่งเหยิงอยู่บนเตียงเดียวกับคนสวนทำให้เขาแทบลมจับ โกรธจนใบหน้าขึ้นสีแดง แม้ว่าว่านอันอันจะเหลวไหลและนิสัยร้ายกาจไปบ้าง แต่เธอก็เป็นลูกสาวคนโตที่เขารักและเลี้ยงดูมา
ทุกสายตาที่มองมาอย่างตัดสินทำให้ว่านอันอันยกยิ้มเยาะเย้ยใจใจ
ละครเรื่องเดิม บทเดิม ไม่ผิดเพี้ยน งั้นครั้งนี้เธอจะส่งเสริมพวกเขาหน่อยก็แล้วกัน
“พ่อ... ฉันไม่รู้เรื่องนะ นะ... นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ว่านอันอันส่ายหน้าไปมา สีหน้าตกใจสุดขีด “ไม่... ไม่นะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นนะคะพ่อ”
เธอพยายามลุกจากเตียงไปหาพ่อด้วยสีหน้าซีดเผือดเลื่อนลอยเล็กน้อย ทว่าชุดนอนกระโปรงที่ยับยู่ยี่และรอยรักบนตัวเธอหลายจุดเป็นหลักฐานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
“พี่สาว... รอยบนตัวเต็มเลยค่ะ พี่แพ้อะไรรึเปล่าคะ” ว่านชิงชิงปิดปากทำหน้าตกใจ ถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ทั้งยังแอบก้าวถอยหลังเข้าใกล้เย่ฟางตงที่ยืนดูเหตุการณ์ด้านหลังเธอ
บุรุษหนุ่มที่เห็นสาวน้อยน่าทะนุถนอมตกใจก็ใจอ่อนยวบ ถือวิสาสะจับไหล่บางลูบเบา ๆ อย่างปลอบประโลม
“ชายหญิงอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ คุณแม่เคยบอกชิงชิงว่าต้องแต่งงานเข้าหอกันเท่านั้นไม่ใช่เหรอคะ” เสียงหวาน ๆ ถามต่อด้วยความสงสัย
“อันอัน ใครสอนให้ลูกทำตัวเหลวไหลแบบนี้กัน! ฮึก...” เจิ้งหลินกอดแขนสามีแสร้งร้องไห้สะอึกสะอื้น ราวกับเสียใจนักหนา
ว่านอันอันคิ้วกระตุก แทบกลั้นเบ้ปากไว้ไม่ไหว เป็นเพราะใครกันล่ะที่เสี้ยมสอนเธอมาอย่างผิด ๆ งูพิษตัวนี้สั่งสอนแต่เรื่องไร้สาระ เอาแต่พูดความคิดบิดเบี้ยวกรอกหู จนเธอหลงผิดเสียคน มองเบื้องหลังคนไม่ออก ต้องตายเป็นผีเร่ร่อนก่อนถึงจะตาสว่าง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?