ตอนที่ 7. เกือบทนไม่ไหว

มู่เหยียนจงมัวแต่ขบคิดหาวิธีทำให้หมิงเยี่ยพอใจจนไม่ทันเห็นสาวใช้คนสนิทของบุตรสาวที่ค่อย ๆ หลบออกไปด้านนอก เขาแย้มยิ้มกว้าง ผายมือเชิญให้หมิงเยี่ยนั่งลงบนเก้าอี้หัวแถวอันเป็นตำแหน่งของเจ้าบ้านอย่างไม่ถือสา ทั้งยังเลื่อนตำแหน่งตนเองมาไว้ด้านข้าง

แต่หมิงเยี่ยผู้นี้เพียงเพื่อจะคว้าในสิ่งที่ตนเองต้องการ เขาตีสีหน้าได้เก่งนัก นอกจากจะไม่นั่งที่ของมู่เหยียนจงแล้ว เขายังขยับมานั่งด้านข้างด้วยตนเองพร้อมกับเอ่ยเสียงนุ่มหู

“ท่านมู่อย่าได้เกรงอกเกรงใจข้านักเลย ข้าเองก็เป็นคนที่มาอาศัยชั่วครั้งชั่วคราว สมควรที่จะเกรงใจท่านด้วยซ้ำไป”

มู่เสวี่ยหลิงได้ยินคำว่าอาศัยก็พลันรู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้าน นางบังคับให้สีหน้าตนเองสงบนิ่ง ย่อกายคำนับเขาอีกครั้งหนึ่งก่อนนั่งลงข้างบิดา มู่เสวี่ยหลิงปิดปากฉับ ผู้ใดไม่ถามนางไม่เอ่ยปาก ปล่อยให้บิดายกยอปอปั้นคนเจ้าเล่ห์ผู้นั้นไป ส่วนนางนั่งอยู่ด้านข้าง ดื่มชารอเวลาลี่ลี่กลับมาเงียบ ๆ

ทว่าหมิงเยี่ยไม่คิดจะปล่อยให้นางอยู่อย่างสงบ เขาเห็นนางสงบปากสงบคำก็นึกแปลกใจอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่ามู่เหยียนจงกล่าวว่าบุตรสาวเขาช่างพูดช่างเจรจาหรืออย่างไร ถึงได้เรียกมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาเช่นนี้ หมิงเยี่ยกระแอมไอ หันเหความสนใจไปยังดรุณีน้อยด้านข้าง

“คุณหนูมู่ ได้ยินเรื่องของท่านจากนายท่านมู่มาหลายคำ ไม่คิดว่าหญิงงามที่นายท่านมู่กล่าวอ้างจะไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย” หมิงเยี่ยดวงตาวาววับ เขายกจอกชาขึ้นคำนับให้นางครั้งหนึ่ง “งามเสียจนข้ายังนึกสงสัยว่าท่านเป็นเทพเซียนแอบลงมายังพิภพล่างหรือไม่”

มู่เสวี่ยหลิงขนลุกชัน รังเกียจเขายิ่งแต่กลับสะอิดสะเอือนถ้อยคำอ่อนหวานป้อยอพวกนั้นมากกว่า ชมนางว่างดงามดั่งเทพเซียนหรอกรึ? ไม่ใช่ว่าชาติก่อน ตอนที่นางยังเป็นอนุเขาก็ชมอนุเหวินห้องข้างนางหรอกหรือ คนอย่างหมิงเยี่ย ช่างน่าไม่อายจริง ๆ

“เรียนท่านหมิง ข้ากลับคิดว่าตนเองมิได้งดงามผุดผาดถึงขนาดนั้น เพียงแต่ได้รับการดูแลเอาใจใส่มากกว่าสตรีผู้อื่นอยู่บ้างจึงทำให้ดูงามขึ้นมา” นางค้อมศีรษะลงด้วยกลัวว่าถ้าหากมองหน้าเขาต่อไปนางจะสำรอกออกมาเสียเดี๋ยวนี้

“ถ้าหากท่านให้บ่าวไพร่ในเรือนมีคนดูแลเหมือนข้าสักปีสองปี ถึงตอนนั้นตำแหน่งสาวงามจะเป็นของใครก็ยังไม่แน่ชัด”

มู่เหยียนจงใบหน้าซีดเผือด นึกอยากตีเจ้าลูกตัวดีขึ้นมาทันควัน แต่ไหนแต่ไรก็เอาแต่หลงใหลในรูปโฉมมัวเมาในความงามของตนเอง พอวันที่เขาต้องการให้นางใช้ความงามมัดใจจับขุนนางผู้นี้ไว้ให้อยู่หมัด นางกลับเอ่ยอ้างถ้อยคำสวยหรูราวกับเป็นคุณหนูในห้องหอที่ไม่ต้องการชิงดีชิงเด่นพวกนั้น

บุตรสาวเขาเป็นอันใดไปแล้ว!

หมิงเยี่ยรับรู้ได้ถึงความต่อต้านจากร่างของเด็กสาวก็ยิ่งรู้สึกนึกชอบนางมากยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ปิดบังแววตารักใคร่ของตนเอง ทั้งยังพูดเสียงอ่อนหวานประหนึ่งต้องการล่อลวงให้นางติดกับเสียเดี๋ยวนั้น

“คุณหนูมู่ดูถูกตนเองเกินไปแล้ว ความงามของท่านต่อให้เป็นข้าที่เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มามากก็เกรงว่ายากจะหาใครเทียบ” เขาเอียงคอยกยิ้มมุมปาก “เป็นความงามประหนึ่งมัจฉาจมวารี พาให้ผู้คนหายใจไม่ออกต้องมองท่านให้หายคับข้องใจ”

เจ้าคนชั่วช้าสามานย์คนนี้นี่!

มู่เสวี่ยหลิงด่ากราดเขาในใจด้วยถ้อยคำที่นางพอจะเค้นสมองนึกออก นางงดงามจนเขาหยุดหายใจ? เพ้ย! เจ้ามันมากตัณหาราคะจนตายคาอกอนุพวกนั้นล่ะสิไม่ว่า! มู่เสวี่ยหลิงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้ยากเต็มที ในใจนางภาวนาถึงลี่ลี่ หวังให้สาวใช้คนสนิทพาหยวนเซิ่งเจ๋อมาไว ๆ นางจะได้หนีออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี่เสีย

“นายท่าน คุณหนู” ท่านพ่อบ้านเดินเข้ามาใกล้ เขาค้อมกายลง “มีแขกมาพบขอรับ”

มู่เหยียนจงขมวดคิ้ว “ข้าไม่ใช่บอกเจ้าไว้แล้วหรือว่าวันนี้จวนสกุลมู่มีแขกสำคัญ ไม่พบใครทั้งนั้น ไล่กลับไป”

พ่อบ้านลังเลครู่หนึ่ง “แต่ว่านายท่าน-” เขาขยับกายเข้าใกล้มู่เหยียนจงอีกสักหน่อยก่อนพูดเสียงกระซิบ “คนที่มาเป็นคุณชายใหญ่หยวนขอรับ”

มู่เสวี่ยหลิงผุดลุกขึ้นยืนอย่างเสียกิริยา ความพะอืดพะอมและความรู้สึกย่ำแย่ในอกจางหายเพียงได้ยินชื่อเขาข้างหูแทนที่ด้วยความหวานล้ำสายหนึ่งในจิตใจ

มู่เสวี่ยหลิงตั้งแต่ย้อนกลับมาเพราะเอาแต่เตรียมตัวรับมือเหตุไม่คาดฝันจึงยังไม่ได้เจอเขา มิคาดพบกันครั้งแรกกลับกลายเป็นสถานการณ์เช่นนี้ไปเสียได้ นางไม่สนใจสีหน้าไม่พอใจของบิดา รีบเรียกหาสาวใช้คนสนิท

“ลี่ลี่ พาพี่หยวนเข้ามาสิ ข้ากำลังรอเขาอยู่เชียว”

มู่เหยียนจงเงยหน้ามองนางด้วยความงุนงง

“พี่หยวน? เจ้า- หลิงเอ๋อร์ เจ้าเรียกเขามาหรือ”

มู่เสวี่ยหลิงหมุนตัวกลับมาหาบิดา นางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มกว้าง

“เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าไม่ได้เจอพี่หยวนนานแล้วทั้งยังคิดว่าคงจะดีถ้าหากรับมื้อค่ำด้วยกันสักครั้งก่อนข้าแต่งออกไป” มู่เสวี่ยหลิงจงใจเน้นย้ำคำว่าแต่ง นางหัวเราะเบา ๆ

“เมื่อก่อนข้าชอบปั้นปึ่งให้พี่หยวนอยู่เรื่อย พอเขาไม่มาหาก็นึกถึงเขาขึ้นมา เพราะต้องรีบมาต้อนรับท่านหมิงเลยไม่ได้แจ้งท่านพ่อไว้ก่อน ต้องขออภัยในความเลอะเลือนของลูกด้วยเจ้าค่ะ”

มู่เหยียนจงมีสีหน้าไม่น่าดูนัก ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บุตรสาวเขาสนิทสนมกับเด็กหนุ่มแซ่หยวนถึงขั้นเรียกขานกันว่าพี่ มิใช่ว่าก่อนหน้านี้นางยังมาโวยวายใส่เขาว่าไม่อยากแต่งเข้าตระกูลพ่อค้าหรอกหรือ

เพราะเช่นนั้นเขาถึงได้ทำใจกล้าเชิญขุนนางท่านนี้เข้าบ้าน เพียงเพื่อหยั่งเชิงว่าหมิงเยี่ยถูกใจลูกสาวเขาหรือไม่ แล้วทำไมหมิงเยี่ยถูกใจเสวี่ยหลิง บุตรสาวเขากลับไปถูกใจเจ้าหยวนเซิ่งเจ๋อนั่นได้

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ