ตอนที่ 11 วางแผนรับมือปัญหา 2

ไม่นานเมื่อออกมาจากห้องนอนก็มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะสองอย่างพร้อมข้าวอีกหนึ่งหม้อ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเธอเดินไปเปิดประตู เพราะรู้ว่าเป็นสองแม่ลูกเพื่อนบ้าน

หลี่ชิงหรงยืนถือถ้วยกับข้าวไว้ในมือ เล่อเล่อถือถ้วยข้าวกับตะเกียบ

“เข้ามาก่อนค่ะ พี่เว่ยหมิงทำอาหารเสร็จพอดี” เธอบอกแล้วขยับให้สองแม่ลูกเดินเข้ามาด้านใน พากันเดินไปที่โต๊ะอาหาร

“ลงมือกันเถอะ เล่อเล่อน้ำลายสอแล้ว” ซุยหลันซีพูดยิ้มๆ มองไปที่เด็กชาย แล้วหันไปมองเติ้งเว่ยหมิง เป็นจังหวะที่เขามองเธออยู่พอดีทั้งคู่มองสบตากันอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะก้มหน้าลง หันกลับไปคีบเนื้อหมูชิ้นโตวางไว้บนถ้วยของเล่อเล่อแก้เขิน

“อร่อยจังครับ” เด็กชายเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังเคี้ยวเนื้อหมูอยู่เต็มปาก

“เล่อเล่อ เวลากินข้าวไม่พูดนะครับ” หลี่ชิงหรงสอนลูกชายเสียงดุ เด็กชายก็พยักหน้ารับ

หลี่ชิงหรงสังเกตคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ส่ายหน้ายิ้มน้อยๆ

“พี่ชิงหรงกินข้าวเสร็จแล้ว ฉันอยากจะปรึกษาพี่เรื่องชุดที่จะส่งไปที่เฟิงหยุนหน่อยนะคะ” ซุยหลันซีเอ่ยขึ้นระหว่างกินข้าวมื้อเย็น

“ที่เล่าให้ฟังเรื่องโรงงานของอาหมิงนะเหรอ?”

“ใช่ค่ะ วันนี้พี่เว่ยหมิงเอาตัวอย่างผ้ากลับมาแล้ว แบบฉันก็แก้แล้วด้วยค่ะ” ซุยหลันซีหยุดคีบตะเกียบพูดขึ้น

“ได้สิ งั้นก็รีบกินข้าวกันเถอะ” หลี่ชิงหรงพยักเพยิด พลางยิ้มให้กับซุยหลันซี

เพราะรู้ว่าซุยหลันซีต้องคุยกับหลี่ชิงหรงต่อ เมื่อกินข้าวมื้อเย็นเสร็จ เติ้งเว่ยหมิงก็รับอาสาเก็บกวาดห้องครัวกับล้างจาน และเล่นเป็นเพื่อนกับเล่อเล่อ เพื่อให้ทั้งสองคนได้มีเวลาคุยงาน

ซุยหลันซีพาหลี่ชิงหรงมาที่โต๊ะทำงานของเธอ

“นี่เป็นตัวอย่างผ้าที่สีเพี้ยนค่ะ ส่วนนี่เป็นแบบชุดที่ฉันแก้ไขแล้ว พี่เว่ยหมิงบอกว่าผ้านี้ทำมาจากผ้าไหม ราคาจึงค่อนข้างแพง ฉันจึงออกแบบเอาผ้าสีเข้มมาทำเป็นปก แขนและที่คาดเอว ฉันออกแบบเป็นกระโปรงยาวคลุมเข่า

ผ้าคุณภาพดีเพียงแค่ลายสีอ่อนไปหน่อย ฉันคิดว่าชุดที่ออกแบบกลุ่มเป้าหมายคือผู้หญิงทำงานยุคใหม่ที่มีความทันสมัย ดูสง่าเป็นที่น่าเชื่อถือ”

“ผ้าเยอะถึงขนาดนั้น ถ้าเราตัดออกมาเฉพาะแบบที่มีอยู่ พี่ว่ามันอาจจะทำให้ขายยากไหม แล้วหลันหลันคิดไว้หรือยังว่าจะให้ที่ไหนตัดให้ แล้วจะเอาไปขายที่ไหน” หลี่ชิงหรงพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับเอ่ยถามถึงขั้นตอนต่อไป

“ฉันคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะผ้ามีเยอะมาก นอกจากแบบที่บอกไปแล้วฉันว่าจะออกแบบอีกหลายๆ ชุดค่ะ แต่ตอนนี้ฉันอยากรู้ว่า ผ้าที่มีอยู่ตอนนี้จะตัดชุดที่ฉันออกแบบได้ประมาณกี่ชุด?” พูดพลางส่งกระดาษกับดินสอให้กับหลี่ชิงหรง

เนื่องจากว่าตนเองนั้นไม่ได้มีความรู้เรื่องการตัดเย็บเสื้อผ้า ที่เธอสามารถออกแบบชุดมาได้ก็เพราะอาศัยว่าตัวเองเป็นนักวาด

หลี่ชิงหรงนั่งขีดเขียนอยู่ไม่นานก็ยิ้มออกมา

“ชุดนี้พี่กะคร่าวๆ ว่าใช้ผ้าประมาณสองเมตร พี่ลองคำนวณดูแล้วเราจะได้ชุดประมาณห้าร้อยชุด แบบนี้ตัดมือไม่ได้หรอก” หลี่ชิงหรงออกความเห็น

“นั่นสิค่ะ ถ้าจำนวนเยอะขนาดนี้คงตัดเองไม่ไหว อีกอย่างถ้าตัดแค่แบบเดียวฉันกลัวว่าจะขายไม่หมด เอาเป็นว่าฉันจะออกแบบเพิ่มอีกสี่แบบดีกว่า ตัดแบบละหนึ่งร้อยชุด จะขายง่ายกว่า พี่คิดว่าอย่างไรบ้างคะ? แบบแรกนี่ฉันอยากให้พี่ตัด ฉันจะเอาไปเสนอที่โรงงานหยุนเฟิง จากนั้นค่อยดูว่าเขาจะว่าอย่างไร ถ้าหากได้ทางโรงงานเป็นคนตัดชุดก็จะง่ายหน่อย เพราะดูแล้วให้พี่ตัดเย็บเองคงจะลำบากอย่างที่พี่ว่า” ซุยหลันซีแสดงความเห็นพร้อมกับถามถึงสิ่งที่ตนเองคิดไว้

“เรื่องตัดเป็นตัวอย่างพี่พอช่วยได้ เอาแบบนี้ พี่จะรีบตัดชุดนี้เพื่อให้เธอเอาไปเสนอกับทางโรงงาน แล้วค่อยรอดูผลลัพธ์ ระหว่างนี้เธอออกแบบชุดอื่นๆ ไปพลางๆ”

หลี่ชิงหรงเงยหน้าขึ้นจากกระดาษ มองหน้าซุยหลันซีด้วยแววตาครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ

“ถึงจะกระชั้นชิดไปหน่อย แต่พี่ว่าทำได้ ขั้นตอนเย็บใช้เวลาไม่นาน พี่จะพยายามเร่งให้ทัน พรุ่งนี้พี่จะไปตลาดซื้อของมาทำตามแบบที่เธอวาด พี่ชอบสายรัดเอวที่เธอออกแบบมาก ถึงจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็พอจะนึกออกว่าต้องทำยังไง”

“สำหรับค่าตัดชุดพี่บอกฉันมาได้เลยนะคะ ฉันไม่ให้พี่ทำเปล่าๆ ฉันจะจ่ายค่าแรงให้พี่” เพราะรู้ว่าหลี่ชิงหรงมีรายได้ไม่มาก และยังมีเล่อเล่ออีกคน เด็กวัยกำลังโต ต้องกินอาหารดีๆ หน่อย ซุยหลันซีจึงอยากจะเพิ่มรายได้ให้กับหลี่ชิงหรง

“หลันหลัน พี่จะไปเก็บเงินจากเธอได้ยังไง แค่ทุกวันดูแลเล่อเล่อให้ พี่สาวคนนี้ก็เกรงใจมากแล้ว ถือเสียว่าตอบแทนที่ดูแลลูกชายให้พี่ก็แล้วกัน” หลี่ชิงหรงตอบพร้อมกับยิ้มให้

“ไม่ได้ค่ะ เพราะฉันไม่คิดจะให้พี่ช่วยงานแค่นี้ เพราะมีอีกตั้งหลายชุด เอาเป็นว่าฉันจะจ่ายให้พี่ตอนชุดตัดเสร็จแล้ว ส่วนนี่เป็นเงินสำหรับเอาไว้ซื้อของพรุ่งนี้ ถ้าไม่พอพี่บอกฉันได้” ซุยหลันซีพูดพร้อมกับยื่นเงินวางไว้ในมือให้หลี่ชิงหรงจำนวนหนึ่ง

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พูดคุยถึงการตัดเย็บและสิ่งของที่ต้องใช้เพื่อตัดชุดอีกเล็กน้อย

เมื่อคุยธุระเสร็จ เล่อเล่อทนง่วงไม่ไหว เด็กน้อยหลับไปเรียบร้อยแล้ว เติ้งเว่ยหมิงจึงต้องอุ้มเด็กชายไปส่งถึงห้องนอน เสร็จแล้วก็กลับมาบ้านตนเอง

พอถึงเวลาเข้านอนทั้งคู่ต่างก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เมื่อทั้งคู่นึกถึงเหตุการณ์ตอนทำอาหารเย็นซุยหลันซีทำหน้าตายล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังให้ เติ้งเหวยหมิงอมยิ้มเล็กน้อย คืนนี้เขานอนหลับฝันดีทั้งคืน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ