หลังจากอาบน้ำ กินข้าว กินยาเรียบร้อย เติ้งเว่ยหมิงก็ปล่อยให้ซุยหลันซีนอนพักผ่อน ส่วนตัวเขาลงมือทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า บนใบหน้าแทบจะเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา ในหัวอดคิดถึงภาพความเย้ายวนยามที่พวกเขาโรมรันพันตูกันไม่ได้
เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อบ้านตระกูลซุย ท่านนายพลรักและเอ็นดู ถึงกับส่งเสียให้เรียนหนังสือจนจบระดับปริญญา สิ่งเดียวที่ท่านนายพลเป็นห่วงก็คือลูกสาวเพียงคนเดียว
เพราะสูญเสียมารดาเมื่อตอนที่เธออายุได้เพียงแค่สิบปี เนื่องจากประเทศอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ท่านนายพลนั้นมักงานยุ่งอยู่เสมอ จึงรักและตามใจบุตรสาวมาก ทำให้เธอกลายเป็นคนเอาแต่ใจ
แม้เธอจะเอาแต่ใจ เขาที่แอบหลงรักเธอมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น รู้ตัวดีว่าไม่คู่ควร หลังเรียนจบจึงไปเป็นทหาร ในขณะที่กำลังก้าวหน้าในอาชีพกลับเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้ต้องลาออกจากงานและมาหางานทำที่กว่างโจว จนได้พบกับเถ้าแก่โรงงานจินเซิง และทำงานที่โรงงานนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ที่ผ่านมาทำไมเขาต้องยอมถูกกลั่นแกล้งและรังแกจากเธอก็คงเพราะลึกๆ แล้ว เขานั้นหลงรักเธอมาตลอด เขาจึงปกปิดความรู้สึกของตนเอง แสดงออกกับเธออย่างเย็นชาและปากหนัก
แต่ไม่ว่าเธอจะให้เขาทำอะไร แกล้งมากมายขนาดไหน เขาก็แค่ก้มหน้ายอมรับ กลับรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำที่ถูกเธอกลั่นแกล้ง เพราะอย่างน้อยยังได้มีโอกาสเห็น ได้อยู่ใกล้ๆ เธอ ถือคติเธอด่า ถือว่าเธอรัก แม้จะดูว่าแย่มากก็ตาม
แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือเธอมีคู่หมั้นเป็นคุณชายเศรษฐีในเมืองหลวงซึ่งในวันฉลองจบการศึกษา จะมีการประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการ แต่ก็ต้องล้มเลิกไปเสียก่อน เพราะท่านนายพลเกิดปัญหา คู่หมั้นของเธอปฏิเสธความสัมพันธ์เพราะไม่อยากติดร่างแห
ท่านนายพลจึงได้เรียกให้เขาไปที่ปักกิ่งด่วนและจัดการให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน นั่นหมายความว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรก็ตามกับท่านนายพล ซุยหลันซีจะไม่เกี่ยวข้องด้วย เพราะแต่งงานออกจากตระกูล เป็นคนของตระกูลอื่นไปแล้ว
หลังจากแต่งงานจดทะเบียนสมรส ด้วยเหตุการณ์ทุกอย่างกระชั้นชิด เขาพาเธอกลับมาอยู่ที่กว่างโจว ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คุณหนูซุยที่เขาแต่งงานด้วย คล้ายกับไม่ใช่คุณหนูซุยคนที่เขารู้จักตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็ยิ่งรักเธอมากขึ้น แม้ความรู้สึกบางอย่างจะบอกเขาว่า คุณหนูซุยคนนี้กับคุณหนูซุยคนก่อนหน้าจะเป็นคนละคนกันก็ตาม
ความคิดบ้าๆ แบบนี้มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เขามีความหวังว่านี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่เขาได้แต่งงานและมีคุณหนูเป็นภรรยาจริงๆ นับตั้งแต่ขึ้นรถไฟจากปักกิ่งมากว่างโจว เธอพยายามเรียนรู้การทำงานบ้าน การทำอาหาร และการปรับตัวให้อยู่ในบ้านเช่าแคบๆ ไม่โวยวายเรื่องอาหารและการทำงานหนัก ทั้งยังเข้ากันได้ดีกับสองแม่ลูกเพื่อนบ้าน
ต่อให้เธอจะแกล้งเขา แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะอดทนมาได้ถึงหนึ่งเดือน เขาจึงอยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง
เมื่อเห็นเรื่องที่เขาทำงานพลาดเกี่ยวกับผ้าที่ทำสีเพี้ยน เขาได้เห็นถึงความพยายามของเธอที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ เธอทำงานหนัก นอนดึกหลายคืน เพื่อเร่งออกแบบชุด เขาจึงเกิดความคิด ว่าเขาจะได้เห็นใบหน้าที่สวยงามของเธอเป็นคนแรกในตอนตื่นนอนทุกเช้า
เย็นวันนั้นซุยหลันซีที่อาการดีขึ้น หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อยก็ไปหาหลี่ชิงหรง
“พี่ชิงหรง มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ซุยหลันซีถามหลังจากเดินเข้าไปนั่งในห้องรับแขก
“เถ้าแก่เนี้ยฝากพี่มาบอกว่าอยากพบเธอ”
“พี่พอจะรู้ไหม ว่าเถ้าแก่เนี้ยอยากเจอฉันไปทำไม”
“พี่ไม่รู้หรอก แต่น่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะเห็นว่าอยากให้เธอไปหาเร็วที่สุด” หลี่ชิงหรงส่ายศีรษะปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญตามมา
“งั้นพรุ่งนี้ฉันไปกับพี่ก็แล้วกันนะคะ”
“อื้อ เธอเป็นไข้อาการดีขึ้นแล้วเหรอ”
หลี่ชิงหรงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่ซุยหลันซีที่รู้ว่าตนเองไม่สบายเพราะอะไรก็ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“พี่ว่าอาการน่าจะยังไม่หายดีเท่าไหร่ ยังไงก็พักอีกสักวันก็ได้นะ พรุ่งนี้พี่จะบอกเถ้าแก่เนี้ยให้ว่าเธอไม่สบาย ถ้าหายดีแล้วจะรีบไปพบ” พูดพลางเอามือไปแตะที่หน้าผากของซุยหลันซี ก่อนจะขมวดคิ้ว
“ตัวไม่ร้อนแล้วนะ”
“ฉันอาการดีขึ้นแล้วจริงๆ ค่ะ พรุ่งนี้ฉันไปกับพี่ได้ ถ้าเถ้าแก่เนี้ยเร่งแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องด่วนก็ได้นะคะ” ซุยหลันซีรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเผลอแสดงพิรุธอะไรออกมามากกว่านี้
“ได้ อย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิมนะ”
พรุ่งนี้ต้องพาเล่อเล่อไปฝากไว้กับป้าหวังหนึ่งวัน หลังจากคุยกันอีกสองสามคำ ซุยหลันซีก็ขอตัวกลับบ้าน
เมื่อกลับมาถึงก็พบว่าเติ้งเว่ยหมิงเข้านอนแล้ว เธอจึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แค่เพียงสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม เติ้งเว่ยหมิงที่คิดว่านอนหลับไปแล้วก็พลิกตัวขึ้นกดทับเธอเอาไว้ทันที
“พี่เว่ยหมิงจะทำอะไรคะ?”
“คิดว่าพี่จะทำอะไรละ?”
ชายหนุ่มพูดกระซิบแนบชิดใบหูของเธอ เสียงแหบพร่าของสามีทำให้หญิงสาวถึงกับขนลุกอย่างประหลาด
“ตะ..แต่ว่า...” พูดไม่ทันจบประโยค เธอก็หมดโอกาสได้พูดต่อ เพราะถูกชายหนุ่มประกบปากจูบลงมาอย่างรวดเร็ว
คืนนั้น ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านม่านบางๆ เติ้งเว่ยหมิงและซุยหลันซีได้แบ่งปันช่วงเวลาอันแสนพิเศษร่วมกัน เป็นคืนที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น
สุดท้ายทั้งคู่ก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน ด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ประดับบนใบหน้าของทั้งสองคน
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?