ตอนที่ 20 อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน

“นั่งลงก่อนสิ หลันหลัน” หวงเสี่ยวเหมย เถ้าแก่เนี้ยของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเฟิงหยุนเชิญให้นักออกแบบของเธอได้นั่งลง หวังจะได้พูดคุยกันเสียที หลังจากที่เจอกันครั้งสุดท้ายก็ผ่านไปเป็นสัปดาห์แล้ว

ทว่ายังไม่ทันได้พูดคุยธุระสำคัญอะไรก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องทำงานที่เปิดเข้ามาอย่างไร้มารยาท

“พี่เสี่ยวเหมย ทำแบบนี้ไม่ถูกนะคะ” เสียงเล็กแหลมดังขึ้น ทำให้ซุยหลันซีถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนอายุไม่น่าจะเกินสี่สิบปี แต่งกายสมวัยและถือว่าทันสมัยที่สุดสำหรับคนยุคนี้ เดินเข้ามายังโต๊ะทำงานของหวงเสี่ยวเหมยด้วยท่าทางโกรธจัด

“อิงอิง หัดมีมารยาทบ้างสิ ฉันกำลังคุยงานอยู่”

หวงเสี่ยวเหมยเอ่ยตำหนิอดีตนักออกแบบของตนเองน้ำเสียงเข้ม

“พี่เสี่ยวเหมย ฉันทนมีมารยาทไม่ไหวหรอกคะ ฉันต้องการคำอธิบายถึงเรื่องนี้” ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าอิงอิงพูดพลางวางกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะทำงานของหวงเสี่ยวเหมย ซึ่งเธอก็ไม่แม้แต่จะหยิบขึ้นมาดู แค่เพียงปรายหางตามองเพียงเท่านั้น

“เป็นฉันหรือเปล่า ที่ต้องเป็นฝ่ายขอคำอธิบาย”

หวงเสี่ยวเหมยเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม

“ได้ยังไงคะ พี่เสี่ยวเหมย พี่ทำหนังสือแจ้งไปทั่วเมืองกว่างโจวว่าฉันไม่ได้เป็นนักออกแบบให้กับเฟิงหยุนแล้ว แบบนี้ฉันก็เสียชื่อเสียงหมดสิคะ”

อิงอิงยืนกอดอกเอานิ้วมื้อชี้ย้ำๆ ไปที่กระดาษแผ่นนั้นบนโต๊ะทำงานของหวงเสี่ยวเหมยอีกรอบ

“อิงอิง แล้วที่เธอไม่ยอมส่งแบบให้กับเฟิงหยุน แต่ไปออกตัวเป็นนักออกแบบให้กับสีเจี้ยน มันไม่น่าเกลียดกว่าอีกเหรอ ทั้งที่เธอยังมีสัญญาเป็นนักออกแบบให้กับเฟิงหยุนอยู่”

หวงเสี่ยวเหมยเงยหน้าขึ้นพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม พลางจ้องมองใบหน้าอดีตลูกน้องที่ล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน แต่ไม่นึกว่าเมื่อสีเจี้ยนให้ค่าตอบแทนที่มากกว่าก็ถึงกับทิ้งเฟิงหยุนไป

ถ้ามาบอกกันดีๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร เธอเข้าใจว่าทุกคนต้องการความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่วิธีการของอิงอิงก็ต่ำช้าเกินไป คิดจะจับปลาสองมือเธอก็ไม่คิดอะไรมาก แต่ต้องไม่จับปลาชนิดเดียวกัน เฟิงหยุนกับสีเจี้ยนทำธุรกิจเหมือนกัน นับว่าเป็นคู่แข่งทางด้านธุรกิจ อีกฝ่ายไม่ควรทำแบบนี้

“นั่นก็เป็นเพราะเฟิงหยุนให้ในสิ่งที่ฉันต้องการไม่ได้ จะมาโทษฉันได้ยังไง” อิงอิงเอ่ยออกมาอย่างคนที่ไม่มีความรู้สึกผิดสักนิด

“ฉันก็เลยส่งเสริมให้เธอไปตามทางที่เขาให้สิ่งที่เธอต้องการได้มากกว่าแล้วอย่างไรล่ะ”

ซุยหลันซีได้แต่นั่งฟังพวกเธอสองคนตอบโต้กันเงียบๆ ไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากเพื่อออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้ จะอยู่ต่อก็ไม่สะดวก จะขอตัวออกไปก่อน ทั้งสองคนก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้พูดแทรก จึงได้แต่นั่งเหมือนไม่มีตัวตนฟังพวกเขาคุยกัน เก็บข้อมูลเงียบๆ

อิงอิงคิดแค่เพียงว่าหากเธอเป็นนักออกแบบให้ทั้งเฟิงหยุนกับสีเจี้ยน หนทางก้าวหน้าในอาชีพก็ต้องสดใสมากขึ้น เธอไม่คิดว่าการกระทำลับหลังจะถูกหวงเสี่ยวเหมยรู้เข้า ถึงแม้ว่าสีเจี้ยนจะให้ค่าตอบแทนที่มากกว่า ทว่าเฟิงหยุนก็เป็นที่ที่เธอเติบโตมา อย่างน้อยก็มีความผูกพัน เธอสามารถเชิดหน้าชูตาได้อย่างสง่างาม

แต่ที่สีเจี้ยน สิ่งที่ได้ตกลงกันไว้กลับไม่ใช่แบบนั้น ที่นั่นยังมีนักออกแบบรุ่นพี่ที่ทำงานกับโรงงานมาอย่างยาวนาน ท่าทางเหมือนหมาเจ้าถิ่น ถูกกลั่นแกล้งไม่ให้งานของเธอมีโอกาสได้นำเสนอ เพราะถูกสั่งให้แก้งานจนนับครั้งไม่ถ้วน

แถมจู่ๆ ก็มีประกาศออกมาว่าเธอไม่ใช่นักออกแบบของเฟิงหยุนอีกต่อไป อยากกลับมาที่เฟิงหยุนอีกครั้งก็ทำไม่ได้แล้ว การถูกประกาศเลิกจ้างแบบนี้ สร้างผลกระทบให้กับเธอเป็นอย่างมาก ทำให้การทำงานที่สีเจี้ยนของเธอลำบากมากยิ่งขึ้น

อิงอิงรู้ความหมายของคำพังเพยที่ว่า เป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางราชสีห์ แล้วตอนนี้

“พี่เสี่ยวเหมย ถ้าพี่ขอโทษและขอร้องฉันให้กลับมาออกแบบให้กับเฟิงหยุนอีกครั้ง ฉันจะไม่ถือสาเรื่องที่พี่ทำกับฉัน”

อิงอิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เธอมั่นใจเป็นอย่างมากโดยคิดว่าเฟิงหยุนต้องทำตามความต้องการของตนเองและยังสามารถเรียกร้องค่าจ้างที่มากขึ้นได้ด้วย โดยลืมไปเสียสนิทว่า ถ้าเฟิงหยุนกล้าตัดเธอออกจากโรงงานได้ ก็หมายความว่าเฟิงหยุนไม่ต้องการเธอแล้ว

ความมั่นใจในตนเองทำให้อิงอิงเชิดหน้าชูคอโดยลืมหลักความเป็นจริงไปชั่วขณะ

“อิงอิง ก่อนที่ฉันจะแจ้งให้แต่ละโรงงานรู้ ฉันคิดมาดีแล้ว ตอนนี้ฉันยังมีธุระ ไม่สะดวกคุย เชิญเธอกลับไปเถอะ” หวงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารตรงหน้า

อิงอิงถูกไล่ตรงๆ ถึงกับทำหน้าเหวอ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกับที่คิดไว้

“พี่เสี่ยวเหมย พี่อย่ามาเสียใจทีหลังที่ทำกับฉันแบบนี้!” อิงอิงพูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกจากห้อง ปิดประตูเสียงดังปัง! จนซุยหลันซีสะดุ้งตกใจ

หวงเสี่ยวเหมยเมื่อเห็นว่าแขกไม่ได้รับเชิญจากไปแล้ว ก็หันหน้ามายิ้มให้กับแขกที่เธอเชิญมาด้วยตนเองด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล อบอุ่น

“พี่ต้องขอโทษเธอด้วยนะที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้”

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เสี่ยวเหมย ทำแบบนี้แล้วจะดีแน่เหรอคะ?” ซุยหลันซีเอ่ยถามเสียงไม่มั่นใจ

“ดีสิ แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว” หวงเสี่ยวเหมยเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“พี่เสี่ยวเหมยให้อภัยเขาไม่ได้เลยเหรอคะ อย่างน้อยก็ยังมีนักออกแบบมาช่วยเฟิงหยุนอีกคนนะคะ” ซุยหลันซีพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้คร่าวๆ จากที่ได้ยินทั้งคู่พูดโต้ตอบกัน

“ช่างเถอะ เฟิงหยุนของเราให้ในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้หรอก อีกอย่างเฟิงหยุนไม่ชอบคนทรยศ ถ้าหากอยากจะลาออกพี่ไม่คิดจะห้ามอยู่แล้ว แต่ต้องไม่แอบมาทำอะไรลับหลังพี่แบบนี้ ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย มาคุยเรื่องของพวกเราดีกว่า”

หวงเสี่ยวเหมยโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาสนใจเรื่องที่ตั้งใจจะแจ้งคนตรงหน้าด้วยใบหน้ายินดีอีกครั้ง

“พี่ชิงหรงบอกว่าพี่เสี่ยวเหมยอยากพบฉัน ไม่ทราบว่ามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ?” เมื่อหวงเสี่ยวเหมยไม่อยากจะคุยต่อ ซุยหลันซีก็ไม่เซ้าซี้ เธอหันมานั่งหลังตรงตั้งใจฟังสิ่งที่หวงเสี่ยวเหมยพูด

“พี่มีข่าวดีมาบอก เรื่องแรกอาทิตย์ที่แล้วพี่ไปติดต่อโรงงานจินเซิงเรียบร้อยแล้ว แถมเขาลดราคาให้พี่ร้อยละห้าด้วยนะ พี่ต้องขอบใจเธอมาก

เรื่องที่สอง ผ้าที่ทางจินเซิงส่งมาให้ พี่ให้คนงานจัดการตัดชุดตามที่เธอออกแบบ คาดว่าใช้เวลาในการผลิตไม่เกินสิบวันก็น่าจะเสร็จพร้อมวางจำหน่ายที่ร้านขายส่ง

เรื่องที่สาม เธอต้องไม่เชื่อแน่ๆ ขนาดพี่ยังไม่อยากจะเชื่อเลย หลังจากเอาชุดตัวอย่างไปวางที่ร้านขายส่ง ปรากฏว่ามีร้านค้าปลีกมาจองชุดไปขายต่อหมดเรียบร้อยแล้ว!”

ซุยหลันซีได้ยินถึงกับต้องเลิกคิ้ว แล้วเผยยิ้มกว้างด้วยความยินดี

“พะ..พี่เสี่ยวเหมยบอกว่าชุดพวกนั้นมีคนจองหมดแล้วเหรอคะ มันจะเป็นไปได้ยังไง เรายังผลิตไม่เสร็จเลยนี่คะ”

“ฮะ ฮะ หลันหลัน เธอนี่ตลกจัง ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ละ อย่าลืมนะว่าเฟิงหยุนของเราเป็นโรงงานที่มีร้านค้าปลีกในมือไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นโรงงานขนาดกลาง แต่เราก็เป็นโรงงานมีคุณภาพ ทั้งกำลังการผลิตและคู่ค้าในมือก็มีไม่น้อย”

หวงเสี่ยวเหมยหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า

ซุยหลันซีนึกขอบคุณเจ้าของร่างนี้ ความทรงจำในเรื่องผ้าของเธอช่วยแก้ปัญหาให้กับเติ้งเว่ยหมิงได้ดีมาก แถมยังช่วยให้มีกำไรได้อีกด้วย

เอาไว้เชงเม้งเมื่อไหร่ฉันจะตอบแทนเธอเป็นอย่างดี

“พี่เสี่ยวเหมยทำได้ยังไงคะ ถึงมียอดสั่งจองหมดแล้ว” ซุยหลันซีหลังจากที่สงบสติอารมณ์แล้วก็กลับมาสุขุมอีกครั้ง

“ก็หลังจากเอาชุดตัวอย่างไปวางที่ร้านค้าส่ง พอร้านค้าปลีกมาเห็น ปรากฏว่าทุกร้านไม่มีใครปฏิเสธเลยสักคน พวกเขาต้องการทั้งหมด แต่ว่าพี่ก็ต้องแบ่งให้เท่าๆ กัน เพราะจำนวนการผลิตของเรามีจำกัดตามผ้าที่ได้มาจากโรงงานจินเซิง

ตอนนี้จึงเกิดปัญหาว่าผ้าที่จะเอามาผลิตไม่พอ นี่จึงเป็นเรื่องที่สี่ ที่พี่ว่าจะปรึกษาเธอพอดี จะเป็นไปได้ไหมว่าพี่จะสั่งผ้าให้ผลิตสีเพี้ยนแบบนี้ออกมาอีก”

“ฉันว่ามันก็น่าจะทำได้นะคะ แต่ว่าฉันไม่แนะนำค่ะ ไม่สู้เราออกแบบใหม่จะดีกว่า ของที่ผลิตออกมามากเกินความจำเป็นมันจะดูไม่มีระดับค่ะ หากว่าต้องการยกระดับยี่ห้อเสื้อผ้าให้มันเป็นเอกลักษณ์ควรจำกัดการผลิตไว้เท่านั้นถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นผลดีต่อธุรกิจมากกว่าผลเสีย”

หวงเสี่ยวเหมยเมื่อได้ยินคำแนะนำของนักออกแบบอย่างซุยหลันซีก็พยักหน้าเห็นด้วย

“อืม พี่เห็นด้วย พี่ลืมคิดเรื่องนี้ไป เธอนี่นอกจากจะมีออกแบบชุดได้แล้ว ยังมีหัวการค้าอีกด้วย ต่อไปต้องร่ำรวยได้แน่ๆ” ซุยหลันซียิ้มรับคำชมเงียบๆ

“ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆ เลยค่ะ ฉันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยทีเดียว” ซุยหลันซีเอ่ยยิ้มๆ

“หลันหลัน ยังมีข่าวดีสุดท้ายอีกนะ”

“ข่าวดีสุดท้าย พี่เสี่ยวเหมยรีบบอกมาเร็วเข้าค่ะ ฉันอยากรู้แล้ว” ซุยหลันซีเร่งเร้าด้วยความตื่นเต้น

“อีกสามเดือนที่ปักกิ่งจะมีการประกวดการออกแบบเสื้อผ้าดาวรุ่งแห่งทางสายไหม โดยทางรัฐบาลต้องการให้ออกแบบชุดที่ผสมผสานความเป็นจีนดั้งเดิมกับแฟชั่นตะวันตกร่วมสมัย ให้สอดคล้องกับการเปิดประเทศ และชุดที่ชนะการประกวดจะถูกนำไปร่วมแสดงในเทศกาลแฟชั่นและวัฒนธรรมนานาชาติฮ่องกง

ทางรัฐบาลต้องการใช้เสื้อผ้าร่วมสมัยเป็นสิ่งที่ใช้เผยแพร่ให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศเรา นอกจากนี้ยังมีเงินรางวัลถึงหนึ่งพันหยวน สำหรับผู้ที่ชนะการประกวดด้วยนะ”

“แสดงว่าทุกคนมีสิทธิ์ส่งผลงานเข้าประกวดเหรอคะ” ซุยหลันซีเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ใช่ แต่ว่าส่วนมากมักจะส่งไปในนามของโรงงานนะ เพราะมันมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอีกมาก อีกอย่างคนไม่มีเส้นสายก็อาจจะไม่ผ่านการพิจารณารอบแรก และปีนี้การตัดสินแปลกประหลาดมาก

เพื่อเฟ้นหานักออกแบบที่มีความสามารถ ป้องกันการทุจริต ทางกองประกวดกำหนดมาเลยว่าในแต่ละรอบที่นำแบบเข้าร่วมประกวด จะไม่สามารถใช้แบบชุดเดิมประกวดในระดับต่อไปได้ และรอบชิงชนะเลิศจะมีการบันทึกรายการสำหรับออกอากาศไปทั่วประเทศ

การแข่งขันจะแบ่งเป็นระดับเมือง มณฑล และระดับประเทศ” หวงเสี่ยวเหมยอธิบายการแข่งขันให้กับซุยหลันซีได้ฟัง

“พี่เสี่ยวเหมยก็เลยอยากจะเข้าร่วมการประกวดโดยให้ฉันเป็นนักออกแบบตัวแทนของเฟิงหยุนใช่ไหมคะ?”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ