“คุณหนู...ข้าเตรียมน้ำไว้ให้ท่านอาบเสร็จแล้วนะเจ้าคะ” บ่าวรับใช้คนสนิทของฉีเหมยลี่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องเพื่อดูว่าคุณหนูของนางตื่นจากการหลับใหลแล้วหรือยัง ทว่ากลับพบว่าคุณหนูของนางยังนอนลืมตานิ่งอยู่บนเตียงนอน
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ร่างบางระหงที่คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่บนเตียงนอน หยัดตัวลุกขึ้นยืนก่อนที่เท้าเรียวบางจะค่อย ๆ ก้าวเดินตามสาวใช้คนสนิทไปยังห้องอาบน้ำที่ถูกจัดแจงไว้อย่างเรียบร้อย
นางค่อย ๆ หย่อนเท้าข้างหนึ่งลงในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยกลีบกุ้ยฮวาสีแดงที่นางโปรดปราน ยามได้ดอมดมกลิ่นของดอกไม้เคล้ารวมกับกลิ่นน้ำปรุงที่หอมจรุงหวานยิ่งทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายอารมณ์เป็นอย่างมาก สาวน้อยค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงในอ่างน้ำ หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ
“ซูเม่ย วันนี้เซิ่นหยางอยู่จวนหรือไม่” ฉีเหมยลี่เอ่ยถามถึงสามีที่ไม่เคยแยแสเธอเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงในใจตอนนี้กลับไม่ได้หวังที่จะได้รับความรักจากเขาแล้ว เพียงแต่นางไม่อยากให้เซิ่นหยางรู้เรื่องที่นางกำลังจะทำเท่านั้นจึงเอ่ยถามถึง เพราะหากเขารู้แล้วนอกจากจะไม่สนับสนุน เขายังจะหาเรื่องว่ากล่าวด่าทอนางแทนเสียอีก
“ไม่อยู่เจ้าค่ะ นายท่านออกไปที่เหลาอาหารแต่เช้าตรู่ ตอนค่ำจึงจะกลับ” บ่าวตัวน้อยที่กำลังเตรียมสมุนไพรขัดผิวให้ผู้เป็นนายอยู่ตอบข้อสงสัยของนาง คำตอบของซูเม่ยนั้นทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือซ้ายยกขึ้นในระดับเดียวกับศีรษะ ข้อมือน้อยขยับขึ้นลงเบา ๆ ส่งสัญญาณให้สาวใช้คนสนิทที่ยืนอยู่ด้านหลังเข้ามาใกล้อีกนิด
“เจ้าค่ะคุณหนู” ซูเม่ยผละออกจากสิ่งที่กำลังทำ เดินเข้ามาใกล้อ่างอาบน้ำที่เจ้านายสาวแช่ตัวอยู่ นางมองหน้าฉีเหมยลี่อย่างตั้งใจฟัง
“ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
“งานอะไรหรือเจ้าคะ” ฉีเหมยลี่ยิ้มให้กับนางแต่ไม่ยอมพูดอะไร ใบหน้าที่งดงามค่อย ๆ หันกลับไปเช่นเดิม ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ผ่อนคลายกับการแช่น้ำต่อไป ปล่อยให้สาวใช้คนสนิทยืนงุนงงจนคิ้วทั้งสองข้างของนางขมวดจนแทบจะชนกัน เมื่อเจ้าของเรือนตะวันออกแช่น้ำจนพอใจแล้ว ร่างบางจัดแจงชำระร่างกาย สวมใส่อาภรณ์ที่สะอาดสะอ้านสวยงามโดยมีซูเม่ยคอยช่วยจัดแจงอยู่ไม่ห่าง
“คุณหนูหิวหรือยังเจ้าคะ รอสักครู่ข้าจะไปนำสำรับอาหารมาให้” สาวใช้ที่คอยรับใช้มาตั้งแต่สมัยอยู่จวนของบิดานายหญิงค่อย ๆ ล่าถอยออกจากห้องนอน เดินไปยังห้องเครื่องของจวนเพื่อจัดเตรียมอาหารเช้ามาให้ผู้เป็นนาย
ฉีเหมยลี่สำรวจตัวเองหน้ากระจกอยู่สักพัก ในใจกลับนึกคิดว่าทำไมตัวนางเองเป็นผู้ที่เพียบพร้อมทุกอย่างทั้งหน้าตาและฐานะถึงต้องยอมทนอยู่กับสามีที่ไม่เคยเห็นข้อดีอะไรในตัวนางเลย
เขาสนใจเพียงผลประโยชน์จากบิดาของนางเพียงเท่านั้น ถึงได้ยอมแต่งงานและยกฐานะฮูหยินเอกให้นางง่าย ดายเช่นนี้ ทั้งที่เขาเองก็มีฮูหยินที่รักจนหมดใจอยู่ก่อนแล้ว หากนางเป็นฟางลี่หมิงก็คงได้มีรบราหัวร้างข้างแตกกันไปข้างหนึ่ง
ฉีเหมยลี่คิดแล้วก็สมเพชชะตาตนเองนัก นางคิดอยู่นาน ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ฮูหยินที่ไร้สามีดูแลก้าวเท้ารีบเดินตรงไปที่โต๊ะหนังสือ หยิบกระดาษกับพู่กันขึ้นมาบรรจงเขียนลงไปอย่างตั้งใจ
“คุณหนูเขียนอะไรอยู่เจ้าคะ” ซูเม่ยเดินยกสำรับอาหารเข้ามาวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ใกล้กับนาง สายตายังจับจ้องผู้เป็นนายที่กำลังตั้งใจเขียนบางอย่างลงในกระดาษ นางเดินเข้าไปหาฉีเหมยลี่ด้วยความสงสัย แต่ถึงแม้จะเห็นชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเขียนสาส์นบางอย่างอยู่ ทว่านางนั้นช่างเขลานักจึงมิอาจรู้ความได้
“ซูเม่ย วันนี้เจ้าไปที่จวนของท่านพ่อ นำจดหมายที่ข้าเขียนส่งให้ถึงมือท่าน” ฉีเหมยลี่ยื่นจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วส่งให้สาวใช้คนสนิท ซูเม่ยยื่นมือออกไปรับจดหมายที่นางยื่นให้อย่างกระตือรือร้น
“ได้เจ้าค่ะคุณหนู วันนี้ซูเม่ยต้องออกไปซื้อของใช้ของคุณหนูอยู่แล้ว ไว้ข้าจะบอกให้คนขับรถม้าแวะที่จวนของนายท่านนะเจ้าคะ”
“ไม่ได้เด็ดขาด!” นางเอ่ยเสียงแข็ง สีหน้าของซูเม่ยแสดงให้เห็นถึงความสงสัยว่าทำไมถึงไม่ให้นางไปกับคนขับรถม้าของจวน
“คนขับรถม้าที่จวนเป็นคนของฟางลี่หมิง หากเจ้าแวะที่จวนของท่านพ่อ มีหรือที่นางจะไม่สงสัย ต่อให้เซิ่นหยางไม่อยู่จวน แต่ก็ยังต้องระวังนางไว้ หากนางรู้เรื่องแล้วเอาไปฟ้องเซิ่นหยางใส่ความข้า สุดท้ายเขาก็ต้องมาเค้นถามเอาคำตอบจากข้าให้ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เจ้าห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด” ฉีเหมยลี่กำชับบ่าวคนสนิทให้เก็บเรื่องที่กำลังทำอยู่ให้เป็นความลับ ไม่ให้สามีอย่างเซิ่นหยางรู้เรื่องเด็ดขาด
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว คุณหนูโปรดวางใจเถอะเจ้าค่ะ” ซูเม่ยยิ้มให้ฉีเหมยลี่แล้วเก็บจดหมายใส่ในอกเสื้ออย่างมิดชิดก่อนจะก้มโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม
“ครั้งนี้คงต้องลำบากเจ้าแล้ว ซูเม่ย” ฉีเหมยลี่มองหน้าบ่าวคนสนิทของนาง ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่นางมีบ่าวที่ซื่อสัตย์และรักตนเองด้วยความจริงใจ
“ไม่ลำบากสักนิดเลยเจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปทำธุระให้ท่าน เมื่อเสร็จแล้วจะรีบกลับ คุณหนูไม่ต้องกังวล” สาวใช้ตัวน้อยอยู่ปรนนิบัติเจ้านายจนแล้วเสร็จจึงหลบออกไปที่ด้านหลังจวน หลีกเลี่ยงไม่ให้คนของฮูหยินรองพบเห็น
กระทั่งเมื่อพ้นบริเวณนั้นมาไกลมากพอแล้ว จึงเร่งฝีเท้าตรงไปยังจวนของคหบดีฉีเย่เทียนทันที เวลานั้นฉีเย่เทียนไม่ได้อยู่ที่จวน ซูเม่ยจึงฝากจดหมายให้กับคนสนิทของคหบดีฉีที่เขารู้จักและไว้วางใจ ก่อนจะรีบกลับออกมาจากจวนหลังใหญ่เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบเห็น ทว่าหลังจากคล้อยหลังข้ารับใช้ของบุตรสาวไปไม่นาน คนที่ซูเม่ยรอพบหน้าก็กลับมาถึงจวนพอดี
“นายท่าน จดหมายจากคุณหนูขอรับ” คนสนิทของเขาเดินเข้ามาหาผู้เป็นนายแจ้งว่าบุตรสาวของเขาได้ส่งจดหมายฝากมาให้
“จดหมายของลี่เอ๋อร์งั้นรึ ไหน?อยู่ไหน? เอามาให้ข้าเร็ว” เมื่อเห็นอาการตื่นเต้นของฉีเย่เทียน บ่าวก็รีบยื่นจดหมายให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะถอยหลังกลับไปยืนอยู่ข้างประตูห้องเช่นเดิม
ฉีเย่เทียนรีบเปิดจดหมายของลูกสาวอ่านอย่างตั้งใจ สายตาของผู้เฒ่าจ้องมองตัวหนังสือบนหน้ากระดาษอย่างจริงจังจนบ่าวคนสนิทของเขาสงสัยกับอาการที่เขาแสดงออกมา
ปัง!!!
“ฮ่า ฮ่าๆ” มือหนาของคนสูงวัยตบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนกาน้ำชาสะเทือน แม้แต่คนสนิทของเขาที่ยืนอยู่ข้างประตูยังถึงกับสะดุ้งแรง หากได้ยินเพียงแค่เสียงอย่างเดียวคงคิดว่าคนผู้นั้นกำลังอยู่ในอารมณ์โมโหฉุนเฉียวเป็นแน่ แต่กลับกันในตอนนี้ใบหน้าของฉีเย่เทียนนั้นปรากฏรอยยิ้มดูมีความสุขอย่างมาก แววตาเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีทำให้คนสนิทของเขาที่ยืนอยู่นั้นทำได้แค่ยืนมองนิ่ง ๆ งุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า และไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรเขาในตอนนั้น
“เจ้าจงรีบไปบอกให้คนเตรียมผ้าแพรอย่างดี กำไลหยก ปิ่นปักผมให้ข้า เตรียมไว้เยอะๆ พรุ่งนี้ข้าจะไปหาลูกสาวสุดที่รักของข้า” บ่าวคนสนิทรับคำสั่ง แต่สีหน้ายังคงไม่คลายสงสัยกับอาการของผู้เป็นนาย
“ขอรับแต่...นายท่าน พรุ่งนี้ท่านมีนัดกับเถ้าแก่โรงน้ำชาสนทนาเรื่องการปลูกใบชานะขอรับ”
“อืม...จริงด้วย ข้าลืมไปเสียสนิทเลย” เขาหยุดนิ่งครุ่นคิดอยู่สักพัก สายตาเหลือบมองเห็นจดหมายของฉีเหมยลี่ที่อยู่ในมือ ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ
“ยกเลิก! ข้าไม่ว่าง มีธุระที่สำคัญกว่าการเล่นหมากรุกและสนทนาเรื่องใบชาอะไรนั่น เจ้าไปแจ้งเถ้าแก่โรงน้ำชาว่าไว้วันหลังข้าจะไปชดเชยให้” เขาบอกให้คนสนิทไปจัดการยกเลิกนัดที่มีอยู่ก่อนหน้าเพื่อต้องการไปพบกับบุตรสาวของเขาในวันพรุ่งนี้แทน
“ขอรับ” บ่าวคนสนิทเดินออกจากห้องไปจัดการธุระให้กับเขา ฉีเย่เทียนจึงหันกลับไปอ่านจดหมายที่ฉีเหมยลี่ ลูกสาวสุดที่รักของเขาส่งมาให้ซ้ำไปมาอยู่หลายรอบ อ่านไปพลางยิ้มไปพลางอย่างมีความสุข
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?