ตอนที่ 13 นังตัวดีนี่คงทำเสน่ห์ใส่แก

คิมหันต์และลลิตากลับมาจากโรงพยาบาล เขาประคองลลิตาอยู่ในอ้อมแขนของเขา มือหนาของเขาโอบเธอไว้หลวมๆ อีกข้างกุมมือเธอเบา ๆ อย่างทะนุถนอม

“เหนื่อยไหม จะนั่งพักตรงนี้ก่อนไหม?”

เสียงเขาอ่อนโยนจนหัวใจลลิตาอบอุ่น เธอส่ายหน้าเบา ๆ

“คุณคิม.. ถึงบ้านแล้ว ลลิตาเดินเองได้ ไม่ล้มแล้วค่ะ”

ภาพของสองคนที่ดูแลกันนั้น กลับเป็นภาพที่ทำให้คุณวาสนาเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่คิดว่าลูกชายที่ไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนไหน จะกอดนังตัวดีคนนี้เสียแน่น แถมยังกะหนุงกะหนิงไม่อายผีสางเทวดา

“ตาคิม! บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

คุณนายวาสนาตวาดเสียงแหลม เธอยืนอยู่ที่บันไดชั้นล่าง ดวงตาวาวโรจน์

คิมหันต์ชะงัก หันมาสบตาแม่ของตัวเอง ใบหน้ายังเรียบนิ่ง

ลลิตาพยายามขยับตัวออก แต่คิมหันต์กระชับแขนแน่นขึ้น ไม่ปล่อยให้เธอถอยหนี

“แม่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

เขาถามเรียบ ๆ

“เพิ่งกลับมา! และไม่คิดว่าจะเจอกับเรื่องแบบนี้ ลูกพาผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้เข้าบ้านได้ยังไง?!”

เสียงวาสนาสั่นด้วยความโกรธ สายตาไล่มองลลิตาจากหัวจรดเท้าอย่างเหยียดหยาม

“ฉันรึอุตส่าห์หาลูกคุณเศรษฐีมีเงินมีทอง เป็นผู้ดีมีการศึกษามาให้แก่เลือก แต่แกกลับไม่เอา หันไปคว้ากับกรวดข้างถนนมาทำเมีย”

ลลิตาหน้าเสีย มือเธอสั่นเล็กน้อย แต่คิมหันต์จับมือเธอแน่นขึ้น

“ลลิตาไม่ใช่ผู้หญิงชั้นต่ำไร้การศึกษานะครับ” เสียงเขาเข้มขึ้นทันที

วาสนาเบิกตากว้าง “นี่แกกล้าขึ้นเสียงกับแม่เหรอ นังตัวดีนี่คงทำเสน่ห์ใส่แกแน่ ๆ”

“แม่พอได้แล้ว! ลลิตาไม่ใช่คนแบบนั้น!”

วาสนาไม่ฟังเดินเข้ามาใกล้ลลิตา สายตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

“นังตัวดี.... ฉันจะไม่ปล่อยให้แกทำลายลูกชายฉัน ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!”

วาสนาตรงเข้าไปผลักลลิตาอย่างแรง

ร่างบางเซถอยหลัง คิมหันต์พยายามคว้าไว้ แต่แรงกระแทกจากมือแม่ทำให้ลลิตาล้มลงกระแทกพื้น

“อ๊ะ…!”

ลลิตาครางเบา ๆ มือกุมหน้าท้องแน่น เลือดสีแดงเข้มซึมออกมาจากชายกระโปรง ใบหน้าของเธอซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

“ลลิตา!!!”

คิมหันต์ร้องลั่น รีบประคองเธอขึ้นในอ้อมแขน

“ละ…เลือด…!” วาสนายืนตัวแข็ง หน้าซีดลงทันที “นี่…มันเกิดอะไรขึ้น…”

คิมหันต์ไม่พูดอะไรอีก เขาอุ้มลลิตาในอ้อมแขนแน่น แล้วรีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงเข้มไหลลงบนเสื้อเขา

“ทำไมมีเลือด”

คุณนายวาสนายืนตัวแข็ง มือกุมอกแน่น สาวใช้รีบเข้ามาประคอง

“คุณนายคะ… คุณลลิตา…ท้องค่ะ”

ป้าศรีตอบเสียงสั่น เธอไม่คิดว่าเรื่องจะรุนแรงแบบนี้

“ท้องเหรอ....”

วาสนาหน้าถอดสี มือสั่นระริก โลกทั้งใบเหมือนจะถล่มลงตรงหน้าเธอ

“ฉัน…ฉันทำอะไรลงไป…”

...................................

ณ โรงพยาบาล

เสียงเครื่องวัดชีพจรดังต่อเนื่องในห้องฉุกเฉิน

คิมหันต์ เดินวนหน้าห้องฉุกเฉิน มือกำแน่นจนสั่น สายตาจ้องมองประตูห้องตรวจที่ปิดสนิทด้วยใจร้อนรน

ลลิตา ถูกพาเข้าตรวจทันทีที่ถึงโรงพยาบาล เลือดที่เปื้อนเสื้อเขายังคงเปียกชื้นอยู่บนอก แต่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากเธอ…และลูก

“เธอจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด”

เขาไม่เคยรู้สึกกลัวเท่านี้มาก่อนในชีวิต กลัวเสียเธอไป เขาเพิ่งจะรู้จักคำว่า 'รัก' แต่ถ้ามันหมายถึงต้องแลกกับการเสียเธอไปเขาก็ไม่เอา

“ขอให้ปลอดภัย…ขอให้เธอปลอดภัย…”

ประตูเปิดออก คุณหมอเดินออกมาพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม

“คุณคิมหันต์… โชคดีมากค่ะ เด็กทั้งสองคนปลอดภัย”

คิมหันต์ถอนหายใจอย่างแรง แทบทรุดลงกับพื้นด้วยความโล่งอก มือหนากุมหน้าผากแน่น น้ำตาแห่งความโล่งใจรื้นขึ้นในดวงตาคม

“ขอบคุณ…ขอบคุณมากครับหมอ…”

“แต่คุณลลิตาต้องนอนนิ่งๆ พักรักษาที่โรงพยาบาล 1 เดือนห้ามขยับตัวค่ะ”

“ครับ คุณหมอรักษาให้เต็มที่เลย จ่ายเท่าไหร่ผมไม่ว่า ขอแค่เมียกับลูกผมปลอดภัย”

“ค่ะ ทางเราจะรักษาคนไข้ให้ดีที่สุด จากนี้ก็ต้องระวังให้มากนะคะ ห้ามเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกคุณลลิตาเสี่ยงแท้งสูง เพราะเป็นแฝดด้วย ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดกว่านี้”

คิมหันต์พยักหน้า

“ผมจะดูแลเธอเอง…จะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นอีก…”

……………………………

ไม่นานหลังจากนั้น คุณนายวาสนา ก็เดินมาถึงโรงพยาบาล ใบหน้าซีดเผือด มือกุมอกแน่น เธอแทบทรุดเมื่อเห็นลูกชายยืนอยู่ตรงทางเดิน

“ตาคิม…”

คิมหันต์หันมามองแม่ แววตาแข็งกร้าวแต่เจือความเสียใจลึก ๆ

วาสนาเดินเข้ามาใกล้ น้ำตารื้นเต็มดวงตา เสียงเธอสั่นจนแทบเอ่ยไม่ออก

“แม่…ขอโทษ… แม่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายลลิตา… แม่ไม่รู้ว่าเธอท้อง แม่แค่…โกรธจนลืมตัว…”

เธอเอื้อมมือไปจับแขนลูกชาย

“แม่อยากมีหลานมานานแล้วนะ… ตอนรู้ว่าลลิตาท้อง…แม่…แม่แทบช็อก…”

คิมหันต์ถอนหายใจยาว เขาพาแม่มานั่งที่เก้าอี้ข้างทางเดิน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่ด้วยเสียงนุ่มลง แต่หนักแน่น

“แม่ครับ…ลลิตาไม่ใช่ผู้หญิงที่แม่คิด ผมเลือกลลิตามาเองกับมือ ไม่ใช่เพราะเธอรวย ไม่ใช่เพราะเธอมีชื่อเสียง…”

เขาหยุดนิ่งชั่วขณะ เสียงเขาเริ่มสั่นนิด ๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

“แต่เพราะเธอมีจิตใจดี เธอทำงานหนักเพื่อดูแลแม่ที่ป่วยไม่เคยปริปากบ่น และที่สำคัญ เธอรักลูกของผมมากกว่าชีวิตตัวเอง”

วาสนานิ่งฟัง น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงแก้มช้า ๆ

“แม่ผิดเอง… ถ้าลลิตายังไม่เกลียดแม่ไปเสียก่อน…แม่อยากขอโทษเธอด้วยตัวเอง”

“คนจิตใจดีอย่างลลิตา อภัยให้คุณแม่ได้แน่ครับ”

คิมหันต์ยิ้มบาง ๆ บีบมือแม่แน่น ก่อนจะพาเธอเดินไปที่ห้องพักฟื้นของลลิตา

…………………………………..

ภายในห้องพักผู้ป่วย

ลลิตา นอนพักอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว แต่ยังมีรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา

วาสนาเดินเข้ามาช้า ๆ ในใจนั้นเป็นห่วงหลานในท้องเหลือเกิน เพราะก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร แต่เพราะเข้าใจลลิตาผิดจึงทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น

“ฉันไม่รู้ว่าเธอตั้งท้องกับลูกฉัน ฉะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอกับหลานฉันเลย ฉันขอโทษนะหนู”

คุณวาสนาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง เสียงเธอสั่นเครือมือเธอแตะมือของลลิตาเบา ๆ สื่อว่าเป็นการยอมรับสะใภ้คนนี้แล้ว

ลลิตามองหญิงสูงวัยตรงหน้าน้ำตาไหลเงียบ ๆ เธอเอื้อมมือไปสัมผัสมือคุณนายวาสนา แล้วส่ายหน้าเบา ๆ

“ไม่เป็นไรค่ะคุณผู้หญิง… ดิฉันไม่ถือโทษโกรธคุณหญิงเลย”

วาสนาน้ำตาไหลพรากกุมมือเธอแน่นขึ้น “โธ่.... ยังจะเรียกฉันคุณผู้หญิงอีก ในเมื่อเธอเป็นเมียตาคิม เธอก็เรียกฉันว่าแม่ได้แล้ว”

“................”

ลลิตานิ่งอึ้ง ยังไม่กล้าอาจเอื้อม จนกระทั่งคิมหันต์เข้าไปลูบศีรษะเธอเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนรักใคร่ว่า

“นิ่งทำไมล่ะลิตา คุณแม่พูดถูกแล้ว เธอเป็นเมียฉัน ก็ถือว่าเป็นลูกสาวของแม่ฉันด้วย”

ลลิตายิ้มทั้งน้ำตา “คุณแม่.... ขอบคุณมากค่ะที่ไม่รังเกียจหนู”

วาสนาจับมือลูกชายมาวางทาบทับกับมือลูกสะใภ้แล้วเอ่ยว่า “ตาคิมรักใคร ฉันก็รักคนนั้นด้วย ต่อไปนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”

“ค่ะ คุณแม่”

ทั้งสามคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข และเฝ้ารอวันที่จะได้เห็นหลานตัวน้อยของบ้าน

เมื่อคุณวาสนากลับมมาที่บ้าน ก็จัดการไล่ป้าศรี และแจ่มออกจากคฤหาสน์ทันที โดยไม่ต้องรอให้ลูกชายเธอกลับมาจัดการ ข้ารับใช้ที่เลี้ยงไม่เชื่อง แอบนินทาเจ้านาย และยังยุยงส่งเสริมให้คนบ้านทะเลาะกันแบบนี้ ยิ่งเลี้ยงไว้ไม่ได้

................................

ณ โรงพยาบาล

คุณนายวาสนา และคิมหันต์ยืนนิ่งสูทราคาแพงที่เคยตึงเป๊ะ ยับยู่ยี่เนกไทคลายออก และในดวงตาคู่นั้นแดงก่ำอย่างไม่ปิดบัง

“อย่าเป็นอะไรไปนะ…ลิตา…”

“ตาคิมมานั่งลงก่อน อย่ากังวลไป ลิตาอยู่ในห้องคลอดแล้ว” คุณนายวาสนาหันมาปลอบลูกชาย “อีกอย่างนะหนูลลิตาแกเข้มแข็ง และหลานของแม่ก็แข็งแรง แม่เชื่อว่าต้องปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก

ทั้งสองนั่งรอลุ้นทายาทคนใหม่อย่างตื่นเต้น

หลายชั่วโมงผ่านไป

ทารกแฝดแผดเสียงร้องดังขึ้นภายในห้องคลอด พร้อมกับเสียงของพยาบาลที่วิ่งวุ่นกับอุปกรณ์ต่าง ๆ

หมอเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มและข่าวดี

“ปลอดภัยทั้งแม่และเด็กค่ะ ลูกแฝดแข็งแรงมาก น้ำหนักดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน”

คิมหันต์ยิ้มเต็มใบหน้า “ขอบคุณครับหมอ” เขารับเดินเข้าไปข้างในด้วยจังหวะหัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ

บนเตียงคนไข้ลลิตานอนนิ่งสีหน้าซีดจาง แต่ยังมีรอยยิ้มจาง ๆ ข้างกายมีเตียงเล็กของทารกสองคน ที่นอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องอะไร

คุณวาสนารีบเข้าไปชื่นชมหลานรักทั้งสองทันที

“น่ารักน่าชังมาก ดูสิ หน้าเหมือนตาคิมตอนเด็กๆ เปี๊ยบ !”

ส่วนคิมหันต์นั้นรีบเข้าไปนั่งลงข้างเตียงกุมมือเธอแน่น “ลิตา… เจ็บมากไหม”

เธอยิ้มอ่อน ๆ มือบางบีบมือเขาแน่นตอบกลับ และพูดเพียงเบา ๆ

“เจ็บมาก… แต่ก็มีความสุขมากที่สุดในชีวิต แค่ได้ยินเสียงลูกร้องไห้ครั้งแรก”

คำพูดสั้น ๆ นั้นทำให้คิมหันต์จุมพิตลงหน้าผากที่เธอ “ขอบคุณมากนะ ที่อดทนเพื่อผม ขอบคุณที่ให้กำเนิดลูกของเราสอง ผมรักคุณ......”

หัวใจคิมหันต์อ่อนโยนลงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน และในวินาทีนั้นเขารู้ว่าครอบครัวของเขา สมบูรณ์แล้วจริง ๆ

“ฉันก็รักคุณค่ะ”

เป็นครั้งแรกที่ลลิตาบอกรักเขา เพราะกาลเวลาที่ผ่านมาทำให้เธอมั่นใจแล้วว่า ผู้ชายคนนี้รักเธอกับลูกมากจริงๆ

จบบริบูรณ์

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ