ตอนที่ 1 หนูจะไม่ยอมให้แม่ตาย

ในห้องพักผู้ป่วยรวมของโรงพยาบาลรัฐ ม่านสีฟ้าผืนบางที่ซีดจางไปตามกาลเวลาไหวเบา ๆ รับกับแสงแดดยามเช้าที่สาดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กระทบลงบนเตียงหมายเลขหกอย่างแผ่วเบา

ร่างของหญิงวัยกลางคนยังคงแน่นิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มสีหม่น มีเพียงเสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะช้า ๆ และสายน้ำเกลือที่ไหลผ่านเข็มแหลมเข้าสู่เส้นเลือดเท่านั้น ที่บ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่

ลลิตานั่งข้างเตียงแม่ เสื้อเชิ้ตตัวเก่าถูกซักจนซีด ผมยาวถูกรวบลวก ๆ แววตาเต็มไปด้วยความหวัง แม้จะริบหรี่จนแทบไม่เหลือแล้วก็ตาม

เธอเอื้อมมือไปจับมือของแม่ไว้แน่น ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นพร่า

“แม่ต้องหายนะคะ… แม่ต้องอยู่กับหนู…”

น้ำเสียงของเธอเหมือนจะกลืนอะไรบางอย่างลงคอ ก่อนจะพ่นออกมาเป็นเสียงสะอื้นเงียบ ๆ เสียงนั้นบาดลึกจนบีบคั้นหัวใจคนฟัง

แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“คุณลลิตา…”

เธอหันขวับไปมอง แพทย์ชายวัยกลางคนยืนอยู่ตรงปลายเตียง สีหน้าของเขาจริงจังจนเธอใจหายวาบ

“ผมจำเป็นต้องพูดตรง ๆ ว่า ตอนนี้อาการของคุณแม่ทรุดลงมาก ไตเริ่มล้มเหลว และหัวใจก็อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด…ตอนนี้เราใส่เครื่องช่วยหายใจให้แล้ว แต่ถ้าคุณยังไม่จ่ายค่ารักษาที่ค้างกับทางโรงพยาบาล ทางเราคงไม่สามารถดูแลแม่ของคุณต่อไปได้…”

ดวงตาของลลิตาเบิกกว้าง ริมฝีปากสั่นระริก ขณะที่เสียงตอบกลับของเธอสั่นเครือแทบไม่เป็นคำ

“หมอคะ…ได้โปรดเถอะ ช่วยรักษาแม่หนูต่อไปก่อนนะคะ หนูจะหาเงินมาจ่าย…หนูสัญญา!”

เธอแทบจะทรุดลงกับพื้น ทั้งน้ำเสียง ทั้งท่าทางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

แพทย์ถอนหายใจเบา ๆ คล้ายคนที่ไม่อยากทำร้ายใคร แต่ก็ไม่มีทางเลือก

“คุณลลิตา…ค่ารักษาของคุณแม่สะสมมาหลายเดือน ตอนนี้เกินหลักแสนไปแล้วครับ ถ้ายังไม่มีการชำระเงินภายในเดือนนี้ ผมคงต้องขอให้คุณพาแม่กลับไปดูใจที่บ้าน…”

สิ้นคำพูดนั้น ลลิตาเหมือนถูกกระชากลมหายใจออกจากร่าง ใบหน้าเธอซีดเผือดลงไปอีก น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลอาบแก้มทันที

“ไม่…แม่ยังไปไม่ได้…หนูกับแม่มีกันอยู่แค่สองคน…ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว หนูจะอยู่ยังไง…”

เธอหันไปมองร่างของแม่ที่นอนนิ่ง ดวงตาที่เคยอบอุ่นของแม่บัดนี้ปิดสนิท ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้า เส้นเลือดตามแขนขาปูดโปนอย่างน่าสงสาร

ภาพนั้น…แทบฉีกหัวใจของลลิตาออกเป็นเสี่ยง ๆ

หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก พยายามฝืนความอ่อนแอไว้สุดกำลัง แล้วหันไปเอ่ยกับหมออีกครั้ง

“ขอเวลาให้หนูอีกแค่เจ็ดวันนะคะ…เจ็ดวันเท่านั้น หนูจะหาเงินมาให้ได้ หนูจะไม่ยอมให้แม่ตายแบบนี้เด็ดขาด”

แววตาของเธอเปล่งประกายแห่งความมุ่งมั่น แม้จะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับเปี่ยมด้วยพลังที่พร้อมจะต่อสู้ทุกวิถีทาง

หมอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างอ่อนใจ

“ก็ได้ครับ…แต่คุณต้องรีบ เพราะทางเราก็ผ่อนปรนให้คุณมากแล้วจริง ๆ”

เมื่อหมอเดินจากไป ลลิตาก็ทรุดลงนั่งข้างเตียงอีกครั้ง มือยังคงกอบกุมมือแม่แน่น

เธอก้มหน้าลง ซุกใบหน้าเปื้อนน้ำตากับหลังมือแม่ แล้วพึมพำเสียงแผ่ว…

“แม่อดทนหน่อยนะคะ หนูจะไม่ยอมให้แม่ตาย…ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร หนูก็จะทำ…”

…………………………………………..…….

เสียงคลิกเมาส์และแป้นพิมพ์ยังคงดังแผ่ว ๆ สลับกันไปมา ภายในห้องบัญชีของบริษัทเอกชนขนาดกลางในกรุงเทพฯ

ที่โต๊ะทำงานมุมหนึ่ง ลลิตานั่งก้มหน้าก้มตากับเอกสารกองโต เธอพยายามทำงานอย่างเงียบที่สุด ราวกับจะหลบซ่อนความทุกข์ที่สุมอยู่ในใจเอาไว้ไม่ให้ใครรับรู้

ผมยาวถูกรวบไว้ลวก ๆ ใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตากลับยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น…แม้ภายใต้ความสิ้นหวัง

“ยัยลิตา…วันนี้เธอไม่คิดจะพักบ้างเลยเหรอ ยัยบ้างาน~” เสียงเพื่อนร่วมงานสาวเอ่ยแซวขึ้นพร้อมหัวเราะเบา ๆ

ลลิตายิ้มนิด ๆ แต่แววตากลับเศร้าจนคนมองรู้สึกสะเทือนใจ

“ยังพักไม่ได้หรอก…เราต้องรีบหาเงินให้พอค่ารักษาแม่ก่อนน่ะ…”

เสียงที่เปล่งออกมาเบาหวิวเหมือนลมหายใจ ราวกับว่าแค่พูดถึงคำว่า ‘แม่’ น้ำตาก็พร้อมจะเอ่อขึ้นอีกครั้ง

เพื่อนสาวที่นั่งข้างกันขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ ก่อนจะวางมือลงบนต้นแขนของลลิตาเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

“ลิตา…ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกฉันได้นะ อย่าฝืนคนเดียวแบบนี้เลย ฉันเป็นห่วงเธอนะ”

หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ ยิ้มบางอย่างรู้สึกผิด

“ขอบใจนะ แต่ฉันไม่อยากรบกวนใคร…แค่ถ้าเธอพอจะรู้จักงานเสริมที่ได้เงินเยอะ ๆ หรือจ่ายล่วงหน้าได้บ้าง แนะนำฉันทีนะ ฉันต้องใช้เงินจำนวนมาก…ภายในอาทิตย์นี้”

คำพูดของเธอเรียบง่าย แต่กลับเจือด้วยแรงกดดันมหาศาล คนฟังได้แต่มองเธออย่างเป็นห่วง ก่อนจะเม้มปากเล็กน้อยเหมือนลังเล

“ลิตา…งานที่ได้เงินเร็ว มันก็ต้องเสี่ยงนะ บางอย่างก็ไม่ใช่ของสวยงามอย่างที่เห็นในโฆษณาหรอก”

“ฉันรู้…แต่ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกแล้ว ต่อให้ต้องยอมเสี่ยงแค่ไหน ฉันก็ต้องทำ”

น้ำเสียงของเธอจริงจังปนเศร้าลึกๆ จนเพื่อนร่วมงานนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอหนึ่งแล้วยื่นส่งให้ลลิตาดูเงียบ ๆ

“งั้น…ดูนี่ก็แล้วกัน”

ลลิตารับมาอย่างระวัง ดวงตาสั่นระริกเล็กน้อย เมื่ออ่านข้อความบนหน้าจอ

‘รับสมัครแม่อุ้มบุญ ค่าตอบแทนสูงสุดถึง 10 ล้านบาท’

เพียงประโยคแรก ใจของลลิตาก็เต้นโครมครามขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“อุ้มบุญ…?”

เสียงนั้นเบาแผ่วราวกับลมพัดผ่าน แต่แววตาของหญิงสาวกลับตื่นตะลึงอย่างรุนแรง เธอรู้ดีว่ามันคืออะไร

สิบล้าน…กับชีวิตของแม่ที่อาจจะอยู่ต่อได้อีกหลายปี เธอคิดว่ามันคุ้ม แม้ต้องเสี่ยง

“บริษัทนี้…น่าเชื่อถือไหม”

ลลิตาเอ่ยถามเสียงแผ่ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความลังเลระคนกลัว

เพื่อนสาวลดเสียงลงแทบกระซิบ

“ไม่แน่ใจนัก…บางคนบอกว่าเถื่อน แต่เงินถึง…และเร็วมาก ถ้าลูกค้าถูกใจ”

“เพื่อหาเงินมารักษาแม่ ยังไงฉันก็อยากลองดู”

ลลิตาพึมพำกับตัวเอง ดวงตาสั่นไหวเหมือนคลื่นในใจที่ปั่นป่วน เธอวางโทรศัพท์ลงช้า ๆ มือกำแน่นจนข้อขาว แต่สายตายังไม่อาจละจากคำว่า ‘สิบล้าน’ ได้เลย

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ

avatar
Bunmeebooks 15 ก.ย. 2568 เวลา 00:05
<img src="https://www.fictioneo.com/img-s/ee03.png" alt="" style="width: 80px; height: 80px; vertical-align: text-bottom; display: inline;">
❤️ เจ้าของเรื่องถูกใจ
ถูกใจ
ตอบกลับ