เช้าวันต่อมา แสงแดดยามสายส่องผ่านม่านโปร่งลงมาในห้องเงียบสงัด
ลลิตานั่งกอดเข่าอยู่ริมเตียง สวมชุดนอนสีอ่อน สายตาเหม่อมองออกไปไกลไร้จุดหมาย ร่างของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยของเมื่อคืน ไม่ใช่แค่รอยจูบ แต่มันคือ “รอยเจ็บ” จากการรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะยิ้มให้ใคร หัวใจมันเริ่มปวดขึ้นทุกครั้งที่เขาใช้คำพูดแรงๆ หรือสัมผัสเธอด้วยอารมณ์ที่ไม่ใช่ความอ่อนโยน
คิมหันต์เดินเข้ามาพร้อมกับสั่งเสียงเข้ม “วันนี้คุณไปลาออกซะ”
ลลิตาตะลึง “นั่นมันงานของฉันนะคะ”
“บริษัทนั่นจ้างคุณเท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้คุณสิบเท่า”
คิมหันต์ยื่นคำขาด
“ต่อให้จ่ายสิบเท่า ฉันก็ไม่ลาออก”
ลลิตาจ้องตาเขากลับ เธอควรจะรักษาศักดิ์ศรีตัวเองไว้บ้างไม่ใช่ให้เขาเหยียบย่ำแต่ฝ่ายเดียว อีกอย่าง หากเธอลาออก เมื่อเธอคลอดลูกให้เขาแล้ว แล้วเธอจะหางานใหม่คงไม่ง่ายนัก
คิมหันต์ไม่คิดว่า ผู้หญิงที่ดูเงียบๆ เรียบร้อยจะกล้าขึ้นเสียงกับเขา แต่เป็นแบบนี้ก็ดี อย่างน้อยก็รู้สึกว่าเงินสิบล้านที่เขาจ่ายไปไม่ใช่ซื้อตุ๊กตายาง แต่เป็นซื้อผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเลือกเองกับมือ !
“ถ้าคุณไม่ลาออก ถือว่าผิดสัญญาการอุ้มบุญ คุณเก็บของออกจากบ้านผมไปได้เลย แล้วหาเงินมาจ่ายผมคืนสิบล้าน”
เขาข่มขู่หล่อนเสียงเย็น
ลลิตาเม้มริมฝีปาก ไร้หนทางโต้เถียง ได้แต่ยอมจำนน “ค่ะ.. ฉันจะลาออก”
“วันนี้”
คิมหันต์สั่งอย่างคนเหนือกว่า
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบรับเสียงเบาอย่างฝืนใจ
…………………………………….
ในตอนเย็นลลิตากลับมาจากบริษัทเหนื่อยทั้งกาย และใจ เพราะถูกบังคับให้ไปลาออกจากงานที่เธอรัก อีกทั้ง เพื่อนร่วมงานที่น่ารักแบบนี้หาได้ไม่ง่ายนัก
หญิงสาวเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยจิตใจห่อเหี่ยว เธออยากได้น้ำดื่มเย็นๆ สักแก้วเผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้น จึงเดินเข้าไปในครัว แต่ยังไม่ทันจะถึงห้องครัวก็ได้ยินเสียง กระซิบกระซาบที่เธอไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่กลับได้ยินชัดเจน
“นี่ป้า เมื่อคืนนะ ฉันได้ยินคุณผู้ชายบอกว่า นายผู้หญิงเป็นแค่แม่อุ้มบุญซื้อมาตั้งหลายล้าน”
“ผู้หญิงสมัยนี้อะไร ๆ ก็แลกได้ถ้าจะเอาเงิน”
“ไม่แน่นะ…อาจจะหวังเกาะคุณคิมก็ได้ สุดท้ายก็จะอ้างความเป็นแม่ไม่ยอมไปไหน”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังตามมา ราวกับพวกเธอไม่รู้เลยว่า คนที่เป็นเป้าของคำพูดเหล่านั้นกำลังยืนอยู่ตรงนี้ และได้ยินทุกคำ
ลลิตาไม่รู้ว่าตัวเองยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน แค่รู้ว่าขาของเธอเหมือนจะแข็งไปทั้งตัว หัวใจปวดหนึบ เหมือนมีใครเอามือมาบีบจนแหลกละเอียด
เธอกัดริมฝีปาก กำสายกระเป๋าสะพายแน่น แล้วตัดสินใจเดินถอยออกมาเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร
ลลิตาเดินมาหลบอยู่ที่สวนหลังบ้าน ตรงม้านั่งหินอ่อน ในที่ที่ไม่มีเสียงหัวเราะ มีเพียงสายลม มีแค่เธอกับน้ำตาที่ไหลช้าๆ โดยไม่อ้อนวอนให้ใครเห็น
เธอไม่เสียใจเพราะถูกซุบซิบนินทา แต่เธอเสียใจ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง ในสายตาของคนที่นี่ เธอก็แค่ “แม่อุ้มบุญ” ที่ใช้ร่างกายแลกเงิน
“ทำไมต้องเจ็บขนาดนี้ด้วยนะ…”
เธอพึมพำกับตัวเอง พยายามซับน้ำตาออกก่อนจะกลับขึ้นห้อง แต่ยังไม่ทันลุกขึ้นจากม้านั่ง
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“เป็นอะไร”
เสียงทุ้มต่ำ ชัดเจนและเย็นเฉียบ
ลลิตาหันขวับเห็นคิมหันต์ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดสูทสีดำสนิททำให้เขาดูสง่างามและน่าเกรงขาม แต่ครั้งนี้ในดวงตาเขาไม่มีความเฉยชาเหมือนเดิม กลับมีเพลิงบางอย่างที่ลุกวาบอยู่ในนั้น
เธอรีบก้มหน้า ส่ายหัวเบา ๆ
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันไม่ได้เป็นไร…”
เขาขมวดคิ้ว มองเธอด้วยสายตาดุดันกว่าเดิม
“อย่าปิดบังฉัน ลลิตา”
เสียงเขาชัดเจนจนเธอใจสั่น ลลิตายังไม่ตอบ แต่เธอเงยหน้าขึ้น มองเขาด้วยดวงตาน้ำตาคลอ
“…ทำไมคุณถึงชอบบังคับฉันทุกเรื่อง ลาออกฉันก็ยื่นใบลาออกให้คุณแล้ว แค่ฉันตอบคำถามไม่ตรงใจคุณ คุณก็ตะคอกใส่ฉัน”
คิมหันต์นิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นเธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดแบบนั้น เขาเองก็รู้สึกปวดใจ
“ผะ....ผม”
เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอ
ลลิตาปาดน้ำตาทิ้ง แล้วรีบวิ่งขึ้นห้อง ปล่อยให้เขายืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าเคร่งเครียด
คืนนั้นในคฤหาสน์ที่เคยเงียบงัน คิมหันต์นั่งบนโต๊ะที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มแม่บ้านสีหน้าเคร่งขรึม
“ใครมันปากดีกล้านินทาเมียฉัน”
“..........”
เหล่าแม่บ้านสาวรับใช้ต่างหดหัว ไม่มีใครกล้าตอบ แม้แต่เสียงหายใจยังไม่กล้าหายใจเสียงดัง
ปัง !
คิมหันต์ตบโต๊ะลงด้วยความโมโห ทำเอาบรรดาคนรับใช้สะดุ้งกันเป็นแถวๆ
“ฉันเปิดดูกล้องวงจรปิดแล้ว... รู้เห็นหมดว่าใครพูดอะไร ยังไม่กล้าสารภาพออกมาอีก”
“นังแจ่มค่ะคุณผู้ชาย อีแจ่มมันเป็นคนเริ่ม”
ป้าศรีชี้นิ้วไปที่สาวรับใช้ผมเปีย
แจ่มถึงกับหน้าซีดโบ้ยกลับไปว่า “ป้ายังบอกฉันอยู่เลยว่าคุณลลิตาหน้าเงิน”
ปัง !
คิมหันต์ตบโต๊ะแรงกว่าเดิม ตวาดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“กล้าดียังไงไปว่าลลิตาแบบนั้น”
ป้าศรีตัวสั่นระริก “กะ... ก็นังแจ่มมันบอกว่า มันได้ยินคุณผู้ชายด่าคุณผู้หญิงแบบนั้น”
คิมหันต์ขบกรามแน่น ทั้งโกรธ และรู้สึกผิดที่ตนเองก็เป็นต้นเหตุให้คนอื่นดูถูกลลิตา
“หากใครปริปากดูหมิ่นเมียของฉันอีก…ฉันไล่ออกแน่ ไม่สนว่าใครหน้าใครทั้งนั้น”
เขาสั่งเสียงเฉียบขาด
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?