ตอนที่ 11. พิธีแต่งงาน

เกรย์ยืนอึ้งตะลึงลานกับความงามตรงหน้าที่เขามองเห็นจากด้านหลังของหญิงสาวคนนี้ ชุดสีแดงที่เธอสวมอยู่ยาวลากพื้น ชุดถูกปักด้วยลวดลายนกยูงรำแพนหาง เธอนั่งหลังตรงบนเก้าอี้อยู่หน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ เขาคาดว่าน่าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งของหญิงสาวยุคโบราณ

ผมที่รวบเกล้าอย่างประณีต มีเครื่องประดับตกแต่งมากมาย ดูแล้วน่าจะหนักมาก ตอนนี้เกรย์อยากเห็นใบหน้าเธอคนนี้ว่าจะงดงามขนาดไหน

ขอแอบดูหน่อยเถอะ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าองค์หญิงในฝันนี้จะสวยขนาดไหน เขาคิดในใจ

“นั่นใครน่ะ”

องค์หญิงที่หันหลังให้เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะหันกลับมา นัยน์ตาคู่งามเบิ่งกว้างเมื่อพบเห็นว่าเป็นผู้ใด

“ท่านหมอกวาง!! ท่านหมอกวางจริง ๆ ด้วย ท่านยังไม่ตาย ท่านกลับมาหาข้าแล้ว” องค์หญิงชิงหรูเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

นางมองเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในใจนางมากว่าแปดปี นางไม่มีวันลืมใบหน้านี้ที่นางเฝ้าคำนึงถึงตลอดมา หญิงสาวตรงหน้าเขาลุกขึ้นยืนและรีบเดินเข้ามา นางโผเข้ากอดชายหนุ่มทันที

“โอ๊ะ! คุณมองเห็นผม”

เกรย์รีบประคองร่างหญิงสาวที่อายุไม่น่าเกินยี่สิบปีไว้และพยายามไม่ให้ตนเองเสียหลักล้มลงไปจากการที่นางโผเข้ามากอดเขา

“ท่านหมอกวาง ท่านกลับมาแล้ว ท่านกลับมาหาข้าแล้ว”

นางพร่ำพูดเช่นนี้ เหมือนย้ำเตือนตนเองว่าตอนนี้นางกำลังกอดชายหนุ่มที่นางคิดถึงทุกลมหายใจเข้าออก

“ท่านหมอกวางเหรอ เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนแหะ”

เกรย์เอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ตนเองเคยช่วยเด็กหญิงคนหนึ่งไว้เมื่อครั้งแรกที่ฝัน แต่หญิงสาวที่กำลังกอดเขาอยู่นี้ ดูแล้วร่างกายและอายุของนางเลยวัยเด็กหญิงไปมากแล้ว เขาค่อย ๆ ดันร่างนางให้ผละออกและจ้องมองใบหน้างดงามนั่นอย่างพิจารณา

“เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือครับ”

เกรย์ถามอย่างไม่แน่ใจพร้อมกับจ้องมองร่างบอบบางตรงหน้าไปด้วย เค้าโครงใบหน้ายังพอมีอยู่บ้าง เพียงแต่ตอนนี้เธอสูงเกือบถึงหน้าอกเขาแล้ว และเติบโตมากกว่าเดิม เป็นไปได้ว่าเธอจะใช่เด็กหญิงคนนั้น

“หนู ชิงหรู ใช่มั้ย”

“ท่านหมอกวาง ท่านจำข้าได้จริง ๆ ด้วย” องค์หญิงชิงหรูน้ำตาคลอ นางไม่คิดไม่ฝันว่าวันสำคัญในชีวิต นางจะมีโอกาสได้พบท่านหมอกวางอีกครั้ง

“องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันจูเอ๋อร์เพคะ” เสียงของนางกำนัลจูเอ๋อร์ดังแทรกขึ้นก่อนที่ทั้งสองคนจะได้สนทนากันต่อ

“จูเอ๋อร์รอก่อน อย่าเพิ่งเข้ามา”

องค์หญิงชิงหรูรีบบอก นางไม่ต้องการให้นางกำนัลคนสนิทเข้ามาเห็นท่านหมอกวางในห้องของนาง

“หนูกลัวว่าคนอื่นจะเห็นผมในห้องนี้ใช่ไหม ไม่ต้องกลัวไปเลย ไม่มีใครเห็นผมนอกจากเธอเท่านั้น” เกรย์บอกให้หญิงสาวคลายใจ

“ไม่มีคนเห็นท่านหมอกวางหรือเจ้าคะ แต่ทำไมข้าถึงเห็นท่านล่ะ” องค์หญิงชิงหรูถามด้วยความแปลกใจ

“องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันเข้าไปได้หรือยังเพคะ ใกล้จะถึงเวลาเข้าพิธีแล้วนะเพคะ”

จูเอ๋อร์ได้ยินเหมือนองค์หญิงกำลังพูดคุยอยู่กับใครสักคน จึงเร่งเอ่ยถามขึ้น

“เข้ามาได้”

“องค์หญิงเพคะ เหตุใดเครื่องแต่งกายถึงไม่เรียบร้อยเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันช่วยนะเพคะ” จูเอ๋อร์พูดเองเออเองอยู่คนเดียวเมื่อเข้ามาในห้อง นางเข้าไปช่วยจัดชุดเครื่องแต่งกายที่ยับเล็กน้อยให้เข้าที่

องค์หญิงชิงหรูไม่ได้กล่าวอันใดแต่ก็หน้าแดงระเรื่อ เพราะนางรู้ว่ามีท่านหมอกวาง ชายหนุ่มในดวงใจของนางกำลังยืนมองอยู่ด้วย

“จูเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะอยู่คนเดียวสักครู่ เสร็จแล้วข้าจะออกไปเอง ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอันใดอยู่”

“เพคะ” จูเอ๋อร์เดินออกไปจากห้องและปิดประตูลง

“ท่านหมอกวาง เหตุใดจูเอ๋อร์ถึงไม่เห็นท่านเจ้าคะ”

“ผมไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ที่นี่มีคุณคนเดียวที่เห็นผม”

“แปลกจริง แต่ถึงอย่างไรท่านก็กลับมาหาข้าแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่เจ้าคะ”

“ตอนนั้นที่ถูกตามล่าก็เพราะว่าเธอเป็นองค์หญิงสินะ แล้วจับตัวคนร้ายได้ไหมครับ”

“จับไม่ได้เจ้าค่ะ แต่ก็พอคาดเดาได้ว่าเป็นใคร ราชวงศ์เช่นเรามักถูกจ้องเอาชีวิตเสมอ ยิ่งข้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวด้วยแล้ว ภาระต่าง ๆ จึงตกมาอยู่ที่ข้า แม้แต่วันนี้ซึ่งเป็นวันแต่งงานของข้า ข้าก็ต้องทำเพื่อราชวงศ์”

“แต่งงานเพื่อราชวงศ์ อย่าบอกนะว่า เธอไม่ได้รักเจ้าบ่าวเลย” เกรย์ถามอย่างไม่แน่ใจ

ข้าจะรักคนอื่นได้เช่นใด ในเมื่อหัวใจของข้ามอบให้ท่านหมอกวางไปตั้งแปดปีที่แล้วแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงชิงหรูคิดในใจ

“ท่านหมอกวางจากไปตั้งแปดปีแล้วนี่เจ้าคะ ข้าในฐานะองค์หญิงรัชทายาทมีหน้าที่สืบต่อราชวงศ์ บัลลังก์ที่เสด็จพ่อมอบให้ข้า ข้าก็มีหน้าที่ต้องรับสืบต่อไป เจ้าบ่าวก็เป็นเพียงคนที่ข้าเลือกมาเพื่อทำหน้าที่สวามีเท่านั้น” องค์หญิงชิงหรูอธิบายด้วยใบหน้าเศร้าหมอง น้ำเสียงเศร้าสร้อยจนเขาจับสังเกตได้

“วันแต่งงาน ผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ขอให้มีความสุขมาก ๆ ในวันที่ดีนี้ ทำไงดี วันสำคัญแบบนี้ผมไม่มีของขวัญอะไรให้คุณเลย” เกรย์เอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบไปตามลำตัวของตนเอง

“โอ้!!!”

เขาอุทานเมื่อนึกได้ถึงบางอย่างก่อนจะล้วงหยิบสร้อยพร้อมจี้ตาข่ายดักฝันออกมาจากคอตนเอง เขาคิดจะมอบมันให้เพื่อนในฝัน เพราะในความฝันเราทำอะไรก็ได้ อาหยางบอกไว้แล้ว

“ชิงหรู วันนี้เป็นวันสำคัญของเธอ มันอาจไม่มีค่าอะไรมากนัก แต่ถือเสียว่าเป็นของขวัญจากผม ขอให้วันสำคัญของเธอในวันนี้จงเป็นวันที่มีความสุขและขอให้ชีวิตแต่งงานของเธอมีแต่ความสุขตลอดไปนะครับ”

เกรย์ยื่นสร้อยพร้อมจี้เงินที่มีตุ้งติ้งห้อยอยู่ส่งให้หญิงสาว

“ท่านหมอกวาง สวมสร้อยให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” องค์หญิงเซี่ยชิงหรูขอร้อง

หมอหนุ่มจึงสวมสร้อยลงบนคอระหงนั้นให้ทันที

สร้อยเงินแวววาวสวยตัดกับชุดสีแดงยิ่งทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา

“ท่านหมอกวาง ขอบคุณมากนะเจ้าคะ มันสวยมาก และวันนี้ข้าก็มีความสุขมากจริง ๆ เจ้าค่ะ”

องค์หญิงชิงหรูน้ำตาคลอด้วยความดีใจ ที่นางได้รับของมีค่าจากคนที่อยู่ในหัวใจนางมาตลอดแปดปี นางทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้ สำหรับความรักของนางกับท่านหมอกวาง ไม่มีทางเป็นไปได้เลย

“ไม่เอา ไม่ร้องไห้สิ วันนี้เป็นวันที่เธอควรมีความสุขที่สุดนะ ร้องไห้มาก ๆ ตาจะแดงแล้วไม่สวยนะ”

เขาใช้นิ้วหัวแม่มือปาดเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวที่เคยเป็นเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาเคยช่วยเหลือมาก่อน

“เจ้าค่ะ ข้าจะไม่ร้องไห้ ข้าจะมีความสุขที่สุดในวันนี้และทุก ๆ วันต่อจากนี้เจ้าค่ะ”องค์หญิงชิงหรูเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม นางมีความสุขแล้วจริง ๆ เพราะอย่างน้อยนางก็ได้พบคนที่นางรัก ได้รับของสำคัญจากเขา แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม

“ไม่น่าเชื่อว่าครั้งก่อน เธอยังเป็นเด็กน้อยตกน้ำเป็นลูกหมาอยู่เลย แต่วันนี้เธอกำลังจะแต่งงาน เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง”

“แต่สำหรับข้า เวลาช่างยาวนานเหลือเกิน” องค์หญิงชิงหรูเอ่ยเสียงเบาเจือสะอื้น

“หนู เอ่อ ไม่สิ ต้องเรียกว่า องค์หญิง เมื่อครู่องค์หญิงพูดว่าอะไรนะครับ”

“ท่านหมอกวาง ท่านเรียกข้าว่า ‘หนู’ เช่นเดิมนะเจ้าคะ อย่าเรียกข้าว่า ‘องค์หญิง’ เลย ข้าขอร้องท่าน”

“ได้ครับ”

องค์หญิงชิงหรูแย้มยิ้มดีใจเมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการ

“องค์หญิงเพคะ ได้เวลาแล้วเพคะ” จูเอ๋อร์เอ่ยเตือนเสียงไม่เบานักอยู่หน้าประตู เพราะยามนี้ผ่านไปราวหนึ่งเค่อแล้ว แต่องค์หญิงยังไม่ออกจากห้องบรรทมเสียที

“ได้เวลาแล้วมั้ง” เขาเอ่ยขึ้น

“จูเอ๋อร์ เข้ามาเถอะ”

เมื่อได้ยินคำอนุญาต จูเอ๋อร์นางกำนัลคนสนิทจึงเปิดประตูเข้ามาอีกครั้งและเดินไปหยิบผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงขึ้นคลุมใบหน้าขององค์หญิงให้เรียบร้อย

ระหว่างที่ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวกำลังถูกสวมลงเพื่อปิดใบหน้างาม องค์หญิงชิงหรูทันได้เห็นร่างของท่านหมอกวางกำลังเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา

“ไม่นะ อย่าหายไป อย่าหายไปอีกเลยนะเจ้าคะ”

องค์หญิงเซี่ยชิงหรูรีบปัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ตรงกลางห้องนอนของนางปราศจากร่างของท่านหมอกวางที่เคยยืนอยู่ตรงนั้น

นางคงคิดว่านางแค่เผลอจินตนาการไปเองว่าท่านหมอกวางมาหานาง ถ้าหากบนลำคอระหงจะไม่มีสร้อยพร้อมจี้เงินสวมอยู่ ซึ่งเป็นหลักฐานชั้นดีว่านางมิได้ฝันไป มิได้เพ้อไปเอง ท่านหมอกวางมาหานางจริง ๆ

“องค์หญิง ทรงเป็นอันใดเพคะ ใครหายไปไหนเพคะ”

จูเอ๋อร์มองซ้ายมองขวาเผื่อจะพบใครสักคนที่องค์หญิงเอ่ยถึง

ข้าจะไม่ร้องไห้ ท่านหมอกวางบอกให้ข้ามีความสุข ข้าก็จะมีความสุขตามที่ท่านต้องการ นางคิดในใจ

องค์หญิงชิงหรูสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ อยู่สองสามครั้งจึงบอกนางกำนัลคนสนิทให้สวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ก่อนจะเดินออกไปเพื่อทำหน้าที่ของตนเอง หน้าที่ขององค์หญิงรัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของราชวงค์เซี่ย

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ