ชีวิตของเกรย์ดำเนินไปตามปกติ เข้าเวรตอนกลางคืน แล้วกลับมานอนที่อพาร์ทเม้นท์สุดหรู อันเป็นของขวัญที่บิดามอบให้เขาเนื่องในโอกาสที่เรียนจบและได้เข้าทำงานในโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองบอสตัน
อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้อยู่ใกล้กับโรงพยาบาล ขับรถไม่ถึงสิบนาที เขาก็สามารถไปถึงที่ทำงาน แต่ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ อาหยาง เด็กชายชาวจีน เจ้าลิงน้อย ที่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา
อาหยางกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอน เด็กชายเหลือบไปมองนาฬิกาบนผนังทุก ๆ หนึ่งนาที เพราะตอนนี้เข็มสั้นอยู่ที่เลขหกแต่เข็มยาวมันเลยเลขสามไปเกือบจะถึงเลขสี่แล้ว เขารู้สึกงอนพี่ชายหมออยู่หน่อย ๆ
“เฮ้ ลิงน้อย งอนพี่หมอเหรอครับ” เกรย์เคาะประตูก่อนจะผลักบานประตูเข้ามา ทันได้เห็นเด็กชายทำหน้ายุ่ง คิ้วขมวดเป็นปม เจ้าลิงน้อยยกมือกอดอกสะบัดหน้าไปทางตรงกันข้ามกับประตู
เห็นเด็กชายทำท่าทางเช่นนั้น จึงเดินเข้าไปใกล้เตียงและรวบร่างเล็กมากอดไว้ และจูบลงบนศีรษะทุยได้รูปฟอดใหญ่ เด็กชายยังคงไม่หันหน้ามาทางเขา
“พี่หมอขอโทษครับที่มาช้า พี่หมอเสียเวลาเลือกของนานไปหน่อย แบบว่าพี่หมอตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้ออะไรดี แต่อาหยางไม่ต้องรอแล้วนะครับ เพราะว่าพี่หมอตัดสินใจได้แล้ว”
“Happy Birthday สุขสันต์วันเกิดครับลิงน้อย” เขาอวยพรวันเกิดให้อาหยาง แล้วจึงยื่นกล่องของขวัญกล่องใหญ่ไปตรงหน้าเด็กชาย
อาหยางหันหน้ามาทางเขา เด็กชายทำตาโตและโผเข้ากอดเขาทันทีพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง
เกรย์วางกล่องของขวัญไว้บนเตียง ยื่นมือลูบหลังปลอบเด็กชายอยู่นาน จึงดันตัวอาหยางออก เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“วันเกิดเขาไม่ร้องไห้กันนะครับ ไหนยิ้มให้พี่หมอหน่อยสิครับคนเก่ง” หมอหนุ่มเอื้อมไปหยิบกล่องของขวัญขึ้นมายื่นให้อาหยางอีกครั้ง
“เปิดดูสิ ลิงน้อยชอบไหมครับ”
“ขอบคุณฮะ แล้วพี่ชายหมอรู้ได้ยังไงว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม” อาหยางถามด้วยความสงสัย มือเล็กรีบแกะกล่องของขวัญไปด้วย
“ก็อาหยางเป็นคนพิเศษของพี่หมอไงครับ ว่าไงถูกใจมั้ยเอ่ย” เขาช่วยเก็บเศษกระดาษห่อของขวัญที่วางเกลื่อนบนเตียงไปทิ้งลงถังขยะ
“ว้าว แท็บเล็ต นี่เป็นของขวัญสำหรับผมเหรอฮะ จริงเหรอฮะ” อาหยางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาพยักหน้ารับ
“ผมชอบมากฮะ ถูกใจที่สุด แบบนี้ผมจะคุยกับพี่สาวได้แบบสบายแล้วใช่ไหมฮะ” อาหยางถามด้วยรอยยิ้มกว้าง
“นอกจากได้คุยกับพี่สาวแล้ว พี่หมอดาวน์โหลดเกมส์มาไว้ให้อาหยางเล่นเยอะแยะเลย อาหยางจะได้ไม่เหงาอีก ดีไหมครับ”
“มันเจ๋งมากเลย ขอบคุณพี่ชายหมอที่สุดเลยฮะ” อาหยางโผเข้ากอดหมอหนุ่มอีกครั้ง
“ยังไม่หมดแค่นี้นะ สำหรับวันพิเศษแบบนี้ พี่หมอจะพาลิงน้อยไปกินไก่ทอด อาหยางจะไปกับพี่หมอไหมครับ เราไปไกลไม่ได้นะ แค่ที่แคนทีนนี่เอง” เขาบอก
“ว้าว ไก่ทอดเหรอฮะ ไปฮะ ไป ไปตอนนี้เลยไหมฮะ” อาหยางวางแท็บเล็ตลงทันที
“ขอพี่หมอไปบอกคุณพยาบาลก่อน เดี๋ยวคุณพยาบาลจะตามหา อาหยางรอแป๊ปนะครับ”
เกรย์ไปแจ้งให้พยาบาลทราบว่าเขาจะพาเด็กชายไปเซอร์ไพรส์วันเกิด ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจะพามาส่ง แล้วหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กก็มานั่งกินไก่ทอดที่แคนทีน
อาหยางยิ้มกว้างตลอดเวลา เขาร่าเริงเหลือเกิน แม้ว่าร่างกายจะผอมไปสักหน่อยสำหรับเด็กอายุเท่านี้ เกรย์ตัดไก่ทอดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้อาหยาง เขาอนุญาตให้เด็กชายกินไก่ทอดได้แค่หนึ่งชิ้นขนาดกลางเท่านั้น
อาหยางใช้ส้อมจิ้มไก่ทอดไปหนึ่งฉึก แล้วละเลงไก่ทอดลงบนซอสมะเขือเทศสีแดงสวย ก่อนที่จะค่อย ๆ บรรจงเอาไก่ทอดที่เยิ้มไปด้วยซอสมะเขือเทศเข้าปากตนเอง เด็กชายหลับตาพริ้มซึมซับความอร่อยของไก่ทอดที่เขาอยากกินมานาน
“ว้าว! มันอร่อยมาก ๆ เลยฮะ พี่ชายหมอ ผมหยุดกินไม่ได้เลย” เด็กชายพูดไปด้วย จิ้มไก่ทอดเข้าปากไปด้วย เขาเร่งสปีดความเร็วในการจิ้มไก่ขึ้นเป็นอีกหนึ่งเท่าตัว
“อาหยางกินก่อนค่อยพูด ไม่พูดเวลาเคี้ยวนะครับ เดี๋ยวจะสำลัก ค่อย ๆ กิน ไก่ทอดนี้เป็นของอาหยางคนเดียว พี่หมอไม่แย่งแน่นอน นี่ดื่มน้ำนี่ด้วย” เกรย์คอยปรามเด็กชาย พร้อมยื่นแก้วน้ำแอปเปิ้ลให้
“ขอโทษฮะ” หลังจากที่อาหยางกินไก่ทอดเสร็จแล้ว คนขายของชำจึงถือเค้กที่ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ หนึ่งชิ้น มีเทียนปักอยู่สามเล่ม ร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดเดินเข้ามาที่โต๊ะที่ทั้งสองคนนั่งอยู่
คนในบริเวณนั้นช่วยกันร้องเพลงวันเกิดให้เด็กชาย อาหยางน้ำตาคลอไปแล้ว
“อาหยางอธิษฐานสิ” เกรย์ยื่นเค้กไปตรงหน้าเด็กชาย
อาหยางยกมือขึ้นประสานกันไว้บนหน้าอก เขาหลับตา อธิษฐานอยู่ครู่หนึ่งจึงลืมตาและเป่าเค้กวันเกิดของตนเอง เกรย์และคนรอบข้างจึงปรบมือให้เด็กชาย
อาหยางโค้งคำนับขอบคุณทุกคน เขาตักเค้กกินด้วยความอร่อย และเมื่อเห็นว่าครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว เขาจึงพาอาหยางกลับ
“พี่ชายหมอ ผมขอบคุณมากเลยนะฮะ ผมมีความสุขมาก คงจะดีกว่านี้ถ้าพี่สาวผมอยู่ด้วย” อาหยางกอดเกรย์ไว้แน่น
เขากอดตอบอย่างเข้าใจความรู้สึกของเด็กชาย ครู่ต่อมาจึงค่อยเอ่ย “ลิงน้อย ได้เวลากินยาและนอนแล้วนะครับ พรุ่งนี้อาหยางวิดีโอคอลหาพี่สาวได้เองแล้ว ถ้าทำไม่เป็น ให้คุณพยาบาลทำให้นะครับ”
“ฮะ” เด็กน้อยรับคำด้วยความดีใจ
เกรย์ให้อาหยางกินยา แล้วจึงจูงมือไปส่งที่ห้องน้ำ ยื่นแปรงที่บีบยาสีฟันให้ เสร็จแล้วจึงพากลับมาที่เตียงเหมือนเช่นทุกวัน
“วันนี้ผมจะได้ฟังนิทานไหมฮะ” อาหยางถาม
“เสียใจจังที่พี่หมอต้องบอกว่าพี่หมอยังไม่มีนิทานเลย เอาเป็นว่าพี่หมอสัญญาว่าจะไปหานิทานสนุก ๆ มาเล่าให้ฟังนะครับ ขอเวลาพี่หมอหน่อย” เขาบอก
“ได้ฮะ”
“แต่ตอนนี้เด็กดีต้องนอนได้แล้ว ฝันดีนะครับ”
“ฝันดีฮะ”
เกรย์รอจนอาหยางหลับ เขาจึงค่อยกลับออกไป
วันนี้หกโมงเย็นก็เป็นเหมือนเช่นเคย เกรย์หิ้วอาหารไปกินมื้อเย็นกับอาหยาง ส่งเด็กชายเข้านอนตอนทุ่มครึ่ง เขายังไม่มีนิทานมาเล่าให้ฟัง จึงเล่าเหตุการณ์ผ่าตัดในห้องฉุกเฉินให้ฟังแทน แต่อาหยางร้องไห้เพราะกลัว เขาจึงต้องหยุดเล่า วันนี้เด็กชายจึงอดฟังนิทานเช่นเคย
เกรย์เดินกลับมาตึกฉุกเฉินที่เขาทำงานอยู่ ระหว่างเดินไปห้องพักแพทย์เพื่อรอเข้าเวรตามปกติ เขาต้องเดินผ่านเคาน์เตอร์ธุรการ เเต่วันนี้ดูเหมือนจะไม่ยุ่งเท่าไหร่ เพราะมีพยาบาลและหมอหลายคนยืนดูโทรทัศน์ติดผนังอยู่
ในโทรทัศน์กำลังรายงานเกี่ยวกับการค้นพบสุสานโบราณของฮ่องเต้หญิงไม่ทราบชื่อที่ประเทศจีน ข้างพระศพมีพู่ประดับเอวเป็นดรีมแคชเชอร์หรือตาข่ายดักฝันอยู่ด้วย
ทำให้นักวิชาการของสหรัฐอเมริกามึนงง เพราะต้นกำเนิดของตาข่ายดักฝันนี้เป็นวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองในสหรัฐอเมริกา แต่เหตุใดจึงไปปรากฎในสุสานจีนโบราณได้
เกรย์เหลือบมองรายการดังกล่าวครู่หนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สนใจอีก เขาจึงจับใจความได้เพียงคร่าว ๆ
“มอลลี่ เธอว่าตาข่ายดักฝันนี่เป็นของประเทศเราหรือจีน” เรย์ พยาบาลประจำแผนกอีอาร์ที่เคยชงโกโก้ให้เกรย์ตอนเหตุการณ์อุบัติเหตุรถชนเมื่อเดือนก่อนถามเพื่อนร่วมงานที่ยืนดูทีวีด้วยกัน
“ฉันจำได้ว่ามันเป็นของชนพื้นเมืองของประเทศเรานะ แต่ไปอยู่ในสุสานฮ่องเต้ของจีนได้ยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกัน” มอลลี่ตอบ
“แต่มันน่าสงสัยจริง ๆ นะ สุสานนั่นในข่าวบอกว่ามีอายุเป็นพันปี สมัยนั้นคงไม่มีการเดินทางจากอเมริกาไปจีนหรอกมั้ง มันไกลจะตาย แล้วตาข่ายดักฝันไปอยู่ที่จีนได้ยังไง หรือเอเลี่ยนเอาไป” มอลลี่ยังคงตั้งคำถามต่อ
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว มันอาจจะเป็นสิ่งของหรือสัญลักษณ์อะไรสักอย่างที่มันคล้ายกันก็ได้” เรย์ให้เหตุผล
“มันน่าสงสัยจริง ๆ นี่นา ลองดูสิ ลักษณะแบบนี้มันตาข่ายดักฝันชัด ๆ แต่เพราะใช้เงินในการทำ มันถึงยังไม่ย่อยสลาย” มอลลี่ยังคงสันนิษฐานต่อ
“หมอว่างานนี้พวกตาเฒ่าหัวโบราณนั่นต้องยุ่งไปอีกนานเชียวล่ะ” หมอลินดาเดินเข้ามาสมทบวงสนทนากับสองพยาบาลสาว
“ทำไมละคะหมอ” เรย์ถาม
“มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีไง ทั่วโลกเขารับรู้มาตลอดว่าตาข่ายดักฝันเป็นสัญลักษณ์ชนพื้นเมืองของประเทศเรา แต่ตอนนี้ดันเจอในสุสานที่จีน ตาเฒ่าพวกนั้นก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ชนะให้ได้ เพราะฉะนั้น นักข่าวยังเล่นข่าวนี้ได้อีกนาน” หมอลินดาอธิบาย
“มันก็จริงอย่างที่หมอว่านะคะ” มอลลี่เห็นด้วย
“แต่ตอนนี้ต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน ดูสินักฉุกเฉินการแพทย์เข็นคนเจ็บมาโน่นแล้ว รีบไปทำหน้าที่เลย” หมอลินดาตัดบทการสนทนา สองพยาบาลรวมถึงหมอคนอื่นจึงรีบกลับไปทำงานของตน
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?