เกรย์เดินตรงไปที่ตึกเด็กเพื่อไปพบหมอโทนี่ที่ดูแลเคสของอาหยาง ระหว่างเดินไปตึกเด็ก โชคดีที่เจอหมอโทนี่กำลังเดินสวนทางมาพอดี
“หมอโทนี่ สวัสดีครับ พอมีเวลาสักครู่ไหมครับ” เขาส่งเสียงทักทายพร้อมกับเดินเข้าไปหา
“หมอเกรย์ หวัดดีครับ มีอะไรหรือเปล่า” หมอโทนี่หยุดเดินและส่งเสียงทักหมอหนุ่มรุ่นน้องฝีมือดี
“ผมอยากรบกวนปรึกษาเคสของอาหยางกับหมอน่ะครับ”
“ได้สิ ผมพักเบรกพอดี ไปนั่งที่ร้านกาแฟดีไหม” หมอโทนี่ถาม
“ดีครับ เชิญครับ”
หลังจากที่ทั้งสองหมอได้สั่งกาแฟไปแล้ว หมอโทนี่ก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ หมอหนุ่มส่งคำถามออกไปทันที
“มีอะไรหรือเปล่า เห็นพยาบาลเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้หมอไปหาคนไข้ผมทุกวันเลย ติดใจอะไรเด็กคนนั้นล่ะ”
“ผมสงสารอาหยางน่ะครับ แกแกร่งเกินเด็กจริง ๆ ที่ผมอยากปรึกษาหมอเพราะผมได้พักงานเจ็ดวัน ไม่ได้มีแพลนจะไปไหน เลยอยากจะพาอาหยางออกไปข้างนอก ก็ไม่ได้ไปสมบุกสมบันอะไรหรอกครับ อาจจะไปเดินห้าง เที่ยวสวนสัตว์ หรือไปท้องฟ้าจำลอง”
หมอเกรย์หยุดพูดไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหมอโทนี่ไม่ได้ขัดแย้งอะไรเขาจึงเอ่ยต่อ
“ผมสัญญา ถ้าเห็นอาการแกไม่ดีผมจะไม่ดันทุรัง คือผมเห็นชาร์ตของอาหยางแล้ว ช่วงนี้ร่างกายอาหยางยังพอไหวอยู่ แต่อีกไม่นานคงทรุดและติดเตียง ผมจึงมาปรึกษาหมอก่อนครับ”
“การออกไปข้างนอกมันได้อยู่นะ ก็ไม่มีข้อห้ามอะไร ยิ่งไปกับหมอผมไม่ห่วงอยู่แล้ว เด็กคนนี้น่าสงสารและเป็นนักสู้จริง ๆ ผมรักษาและทำเคสมาสามปีกว่าแล้ว ถ้าเป็นเด็กคนอื่น ผมคงจบเคสไปนานแล้ว แต่จากรายงานการรักษา มันเป็นประโยชน์ต่อเด็กคนอื่นในอนาคตมาก ๆ อย่างน้อยคนไข้ผมคงมีความสุขก่อนที่เขาจะจากไป” หมอโทนี่เอ่ยอนุญาต
“ขอบคุณครับ อาหยางต้องดีใจมากแน่ ๆ เดี๋ยวผมไปทำเรื่องเลยนะครับ พรุ่งนี้จะได้พาไปเลย”
“ไปสิ เดี๋ยวผมกลับไปที่วอร์ดจะเซ็นอนุมัติให้”
สองหมอคุยกันอีกครู่ก็แยกย้าย หลังจากที่ดื่มกาแฟเรียบร้อยแล้ว
เกรย์มาหาอาหยางที่ห้อง 1312 แต่ไม่เจอ เขาจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ธุรการ
“คุณพยาบาล คนไข้ห้อง 1312 ไม่อยู่ที่ห้อง พอทราบไหมครับว่าเขาไปไหน” เขาถามพยาบาลตรงเคาน์เตอร์
“สวัสดีค่ะหมอเกรย์ อาหยางตอนนี้อยู่ห้องกิจกรรมค่ะ ไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน”
“ขอบคุณครับ” ได้คำตอบแล้วเขาก็หันหลังออกไป
“เอ่อ หมอเกรย์คะ” พยาบาลเรียก
“มีอะไรครับ” เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าสงสัย
“ไม่รู้ว่าฉันควรบอกหมอหรือเปล่า เมื่อวานตอนเย็น อาหยางซึมไปเลยค่ะ ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ ให้กินยา กินข้าว ทำตามแบบไม่มีกะจิตกะใจเลย สงสัยคงงอนหมอแน่เลยค่ะ ที่เมื่อวานหมอไม่ได้มาหาและส่งข้อความถึงแกน่ะค่ะ” พยาบาลเล่า
“อาหยางไม่สบายหรือเปล่าครับ เมื่อวานผมหมดสติในห้องผ่าตัดครับ เลยมาหาอาหยางไม่ได้”
“ตายแล้ว! หมอโอเคนะคะ”
“ผมโอเคครับ แค่โดนพักงานเจ็ดวัน ขอบคุณมากครับที่เล่าเรื่องของอาหยางให้ผมฟัง เดี๋ยวผมไปหาอาหยางก่อนนะครับ” หมอเกรย์เอ่ยขอตัวแล้วเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องกิจกรรมตามที่พยาบาลบอก
ณ ห้องกิจกรรม ตึกเด็กที่อาหยางพักรักษาตัว
เด็กน้อยนั่งซึมอยู่ตรงเก้าอี้สำหรับนั่งระบายสี ที่ตอนนี้ตรงหน้าของอาหยางมีกระดาษรูปภาพที่ไม่มีการลงสีแม้แต่น้อย เด็กน้อยนั่งเอามือเท้าคาง สายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย
เมื่อวานนี้พี่ชายหมอไม่ได้มาหาเขา ไม่มีข้อความจากคุณพยาบาลบอกสาเหตุที่พี่ชายหมอมาหาเขาไม่ได้ เขานอนรอให้พี่ชายหมอมากินข้าวเย็นและส่งเขาเข้านอนเหมือนเคย ปกติถ้าพี่ชายหมอมาไม่ได้ เขามักจะฝากข้อความคุณพยาบาลมาให้เขาเสมอ
อาหยางคิดถึงพี่ชายหมอสุดหัวใจ
ตรงมุมหนึ่งด้านหน้าของห้องกิจกรรม เกรย์เห็นหุ่นมือรูปลิงน้อยน่ารัก สีน้ำตาล เขาหยิบมันมา สวมมือขวา เดินย่องไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเด็กน้อย เขาถือหุ่นมือเชิดไปตรงหน้าเด็กชายพร้อมกันส่งเสียงสนทนาไปด้วย
“หวัดดี” เขาบีบเสียงตนเองให้เล็กลงคล้ายกับเด็กน้อย
อาหยางเงยหน้าขึ้นจากการเท้าคาง มองเขม็งไปที่พี่ชายหมอ เด็กชายเกือบเผลอโผเข้ากอดแล้ว แต่ก็คิดได้ว่าตนเองกำลังงอนเขาอยู่ จึงชะงักแล้วนั่งลงเหมือนเดิม
เกรย์เห็นแบบนั้นแล้วได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู
“เฮ้ เด็กน้อย เห็นอาหยางไหม” เขาส่งเสียงถามอีกครั้ง
“ไม่เห็นเหรอ”
“พี่หมอกำลังตามหาอาหยางอยู่”
“เมื่อวานพี่หมอผิดสัญญากับอาหยาง”
“พี่หมอไม่ได้มาหาอาหยางเหมือนทุกวัน”
“พี่หมอเสียใจมาก ๆ”
“แต่พี่หมอมาหาอาหยางไม่ได้”
“พี่หมอส่งข้อความก็ไม่ได้เหมือนกัน”
เกรย์ยังคงคุยคนเดียว เพราะเด็กชายได้แค่มองแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
“พี่หมอไม่สบายมาก คุณลุงหมอฉีดยาให้พี่หมอหลับ พี่หมอหมดสติไปตั้งหนึ่งวัน และนอนที่โรงพยาบาลตั้งหนึ่งคืนแน่ะ”
พออาหยางได้ยินว่าพี่ชายหมอไม่สบาย นอนที่โรงพยาบาลเหมือนกับเขา เด็กชายทำตาโต ไม่สนใจว่าตนเองกำลังงอนชายหนุ่มอยู่ เพราะเขาเป็นห่วงพี่ชายหมอมากกว่า
“พี่ชายหมอเป็นอะไรฮะ เจ็บตรงไหน เดี๋ยวผมเป่าเพี้ยง ๆ ให้ไหม พี่สาวมักจะทำให้ผมทุกครั้งที่ผมไม่สบาย” อาหยางชะโงกหน้ามองสำรวจตามลำตัวของหมอหนุ่ม
“อาหยางไม่งอนพี่หมอแล้วเหรอครับ”
“ผมขอโทษฮะ ที่ดื้อและทำตัวไม่น่ารัก พี่ชายหมอต้องมีเหตุผลที่มาหาผมไม่ได้ ต่อไปผมจะไม่ดื้อแล้วฮะ” อาหยางกล่าวขอโทษและรู้สึกผิดที่ทำตัวไม่น่ารัก
“พี่หมอต้องขอโทษอาหยางด้วยเหมือนกัน อาหยางจำไว้นะครับ อาหยางเป็นคนสำคัญของพี่หมอ ถ้าไม่ติดธุระที่สำคัญจริง ๆ พี่หมอจะต้องมาหาอาหยางทุกวัน”
“อาหยางต้องไม่ดื้อและมีเหตุผล อย่างน้อยต้องให้พี่หมอได้อธิบายว่าทำไมถึงมาหาอาหยางไม่ได้ ตกลงไหมครับ” เขาใช้มือซ้ายจับนิ้วก้อยของหุ่นมือลิงน้อยยื่นออกไป
“ตกลงฮะ” อาหยางยิ้มกว้างและเอานิ้วก้อยไปเกี่ยวกับหุ่นมือ
“อาหยางว่าเด็กดีสมควรได้รับรางวัลไหมครับ”
“ได้สิฮะ ผมสัญญาแล้วว่าจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน และทำตัวน่ารัก ดังนั้นผมสมควรได้รางวัล” อาหยางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ยืดอกที่ผอมจนแทบเหลือแต่กระดูกขึ้นอีกหน่อย เขาภูมิใจที่ได้อวดพี่ชายหมอ
เห็นท่าทางโอ้อวดของเด็กน้อยแล้ว เขาก็ยิ้มอย่างเอ็นดู เกรย์ดึงอาหยางให้มานั่งบนตักตนเอง โดยให้ใบหน้าเด็กชายหันเข้าหาตัวเขา ชายหนุ่มกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนและโยกตัวเบา ๆ อาหยางกอดตอบ เด็กน้อยซบลงบนบ่าของเขาอย่างมีความสุข
“อาหยางเป็นเด็กดีครับ พี่หมอถึงได้รักอาหยางไง” เขาลูบไปบนแผ่นหลังของเด็กชาย
อาหยางผละออกจากอ้อมกอดของเขา ดวงตาสองคู่จ้องประสานกัน
“ไหนล่ะฮะรางวัลของเด็กดี” อาหยางทวงรางวัลทันที
“เจ้าเด็กขี้งก” เกรย์ใช้หลังมือเคาะไปบนหน้าผากของเด็กชายเบา ๆ อย่างหยอกล้อ
“อาหยางกำลังระบายสีอยู่เหรอครับ พวกเรามาช่วยกันระบายสีดีไหม”
“พี่ชายหมอจะอยู่ช่วยอาหยางระบายสีเหรอฮะ” เด็กน้อยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาเบื่อที่สุดคือการระบายสีนี่แหละ แต่วันนี้พี่ชายหมอจะทำกิจกรรมกับเขา เด็กน้อยรู้สึกดีใจมาก
“อาหยางอยากระบายสีไหมล่ะครับ ถ้าอยากทำ พี่หมอจะช่วย เรามาแข่งกันดีไหม คนแพ้ต้องให้รางวัลคนชนะหนึ่งอย่าง ดีไหมครับ” เกรย์หลอกล่อเด็กน้อย
“เรื่องระบายสีผมไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้วในตึกนี้ ผมรับคำท้าฮะ” เด็กน้อยรีบลงจากตักของหมอหนุ่ม เขาเดินไปหยิบกระดาษมา 2 แผ่น ลากเก้าอี้มานั่งใกล้กับโต๊ะสำหรับระบายสี
“พี่ชายหมอ มานั่งตรงนี้สิครับ อย่าลืมนะฮะคนชนะจะได้ของรางวัลหนึ่งอย่าง พี่หมอเตรียมของรางวัลได้เลยฮะ”
“ขี้อวด” เขาแสร้งว่าก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามเด็กชาย เขาเอื้อมมือไปยีผมเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ทั้งสองคนนั่งระบายสีด้วยกัน ด้วยความสนุกสนาน คนสนุกที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าลิงน้อยที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แนะนำการระบายสีที่ถูกต้องให้พี่ชายหมอฟัง
“พี่ชายหมอ ใครเขาระบายสีเขียวบนเสื้อและสีแดงบนกางเกงฮะ มันไม่สวยเลย”
“นั่นอีก เป็ดต้องสีเหลืองสิฮะ บ้านพี่ชายหมอเป็ดสีม่วงเหรอฮะ”
แล้วมหกรรมการติของนักระบายสีมืออาชีพที่บ่นให้นักฝึกระบายสีตัวโตถึงกับหน้าม้านไปเลย
เอาจริงแล้ว เกรย์ไม่ได้แกล้งยอมแพ้ แต่เรื่องศิลปะนี่ไม่เข้าหัวเขาเลย คนที่เรียนหมอมักเป็นคนเก่งและฉลาด แต่แย่มากในเรื่องศิลปะทั้งหลาย
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ภาพของเพื่อนต่างวัยทั้งสองคนจึงเสร็จเรียบร้อย อาหยางเดินไปเคาน์เตอร์ห้องกิจกรรม เขาเดินไปจูงมือเจ้าหน้าที่ประจำห้องมาหาพี่ชายหมอ
“สวัสดีครับหมอเกรย์” เจ้าหน้าที่กล่าวทักทาย
“สวัสดีครับ”
“พี่ชายฮะ รบกวนช่วยตัดสินรูปสองใบนี้หน่อยได้ไหมฮะ ว่าสำหรับพี่ชายแล้วอันไหนสวยที่สุด” อาหยางชี้ไปที่รูปสองใบที่วางอยู่บนโต๊ะ
เจ้าหน้าที่เหลือบตามองตามมือที่เด็กชายชี้ไป เขาเดินไปหยิบรูปทั้งสองใบขึ้นมา พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
“ผมว่ารูปนี้สวยครับ” เจ้าหน้าที่โชว์รูปที่อาหยางเป็นคนระบายสีขึ้นมา
“เย้ ๆ เห็นไหมครับพี่ชายหมอ ผมบอกแล้วว่าในตึกนี้ไม่มีใครล้มผมได้แน่นอน ขอบคุณมากฮะ” อาหยางอวดให้พี่ชายหมอฟัง แล้วหันไปกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่คนนั้น
“งั้นพี่หมอต้องหาของรางวัลให้กับคนที่ชนะใช่ไหม อืม เป็นอะไรดีนะ” หมอเกรย์ทำท่าครุ่นคิด อาหยางนั่งลงบนเก้าอี้ ตั้งตารอว่าตนเองจะได้ของรางวัลเป็นอะไร
“อาหยางว่าการไปเที่ยวสวนสัตว์ในวันพรุ่งนี้ พอจะเป็นรางวัลให้กับคนชนะได้ไหมครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ปะ...ไปเที่ยวเหรอฮะ พี่ชายหมอ หมายถึงออกจากโรงพยาบาลแล้วไปเที่ยวเหรอฮะ” อาหยางลุกขึ้นยืน หันไปเขย่าแขนพี่ชายหมอด้วยความลืมตัว
“อาหยางใจเย็น ๆ หยุดเขย่าแขนพี่หมอก่อน เดี๋ยวจะเหนื่อย ใช่แล้วครับ วันพรุ่งนี้พี่หมอจะพาอาหยางไปเที่ยวข้างนอก อาหยางดีใจไหมครับ” เขายืนยันคำตอบ
“ฮือ ฮือ” อาหยางร้องไห้โฮทันที โผเข้ากอดพี่ชายหมอด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี
“ผมดีใจมากเลยฮะ ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ผมอายุเจ็ดขวบ ตอนนี้ผมสิบขวบแล้ว ผมไม่เคยได้ออกไปจากโรงพยาบาลเลย พี่ชายหมอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมฮะ ผมจะได้ออกไปเที่ยวจริง ๆ” เด็กชายยังพยายามถามย้ำ ๆ อีกหลายครั้งว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“พี่หมอไม่เคยล้อเล่น แต่ถ้าอาหยางเหนื่อย ไม่สบาย ต้องรีบบอกพี่หมอทันที พี่หมอบอกให้ทำอะไรต้องทำตาม ถ้าหากต้องพักก็ต้องพัก อาหยางต้องไม่ดื้อ โอเคไหม”
“สัญญาฮะ ผมจะไม่ดื้อ จะทำตามที่พี่ชายหมอบอกทุกอย่าง” เด็กน้อยยกมือขึ้นชูสามนิ้วเหมือนลูกเสือที่ทำท่าสาบานตน
เกรย์เดินจูงมือข้างหนึ่งของเด็กชายไว้ เขาคอยตอบคำถามที่เด็กชายถามเป็นระยะ ทำให้ภาพหนึ่งหนุ่มหนึ่งเด็กชายที่เดินจูงมือคุยกระหนุงกระหนิงไปตามทางเดินของโรงพยาบาล เกิดบรรยากาศของความอบอุ่นแผ่ซ่านรอบตัวทั้งสองคน คนที่ผ่านไปมาต่างเหลียวมองแล้วยิ้มตามอย่างมีความสุขไปด้วย
วันนี้ทั้งวัน อาหยางยิ้มตลอดเวลา เขาไม่งอแง ยอมกินยา กินอาหารตามที่พยาบาลบอก เพราะวันนี้เขาได้ใช้เวลาทั้งวันกับพี่ชายหมอของเขา
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?