ตอนที่ 12. อาหยางทรุด

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นอัตโนมัติทุกวันทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่มีผิดพลาด เสียงนั้นปลุกให้เกรย์สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง และหายใจหอบเล็กน้อย

ก่อนที่เขาจะนึกได้ว่าตนเองนอนหลับอยู่ตรงโต๊ะทำงานที่เขาค้นคว้าหาข้อมูลตามแหล่งข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับฮ่องเต้หญิงนั้น

“ฝันไปอีกแล้ว” เขาบ่นพึมพำกับตนเองก่อนจะลุกไปอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน

เกรย์ยังคงนึกเป็นห่วงอาหยาง เพราะจากประวัติการรักษาของเด็กชายที่เขาได้อ่านทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่มาก

RRRRRRR

เสียงมือถือที่กรีดร้องขึ้นทำให้เกรย์รีบออกจากห้องน้ำมารับสาย เพราะในอาชีพหมอจำเป็นต้องตื่นตัวตลอดเวลา อาจเป็นไปได้ว่าที่โรงพยาบาลตามเขาด้วยสถานการณ์ฉุกเฉิน

“สวัสดีครับ หมอเกรย์พูดสายครับ” เขากรอกเสียงลงไปหลังจากที่เห็นหมายเลขโทรศัพท์เป็นหมายเลขของโรงพยาบาล

“หมอเกรย์คะ ฉันเป็นพยาบาลที่ดูแลอาหยางนะคะ”

“ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“อาหยาง อาการไม่ค่อยดีค่ะ มีไข้และท้องเสียทั้งคืนเลยค่ะ ฉันคิดว่าหมอเกรย์อาจจะอยากมาเยี่ยมอาหยาง จึงรีบโทรมาแจ้งค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”

เกรย์คิดไว้เหมือนกันว่า เมื่อกลางวันที่ผ่านมา อาหยางใช้ร่างกายไปมาก อาจจะมีผลกระทบ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้

กว่าจะเข้าไปเยี่ยมอาหยางได้ เกรย์ก็ต้องรอเกือบสองชั่วโมงเพื่อให้แพทย์ดูแลอาการของเด็กชายให้เรียบร้อย

“ลิงน้อย เป็นไงบ้าง” เขาเดินเข้าไปนั่งลงข้างเตียง

“พี่ชายหมอฮะ พยาบาลใจร้ายจับผมเติมน้ำเกลือ ไปไหนมาไหนไม่สะดวกเลยฮะ ไปห้องกิจกรรมก็ไม่ได้ เบื่อจะตายอยู่แล้ว” อาหยางทั้งที่เข็มน้ำเกลือยังคาหลังมือก็ยังไม่วายอยากไปโน่นไปนี่ หากเขาก็เข้าใจได้ เพราะเด็กชายรักษาตัวที่นี่มานานแล้ว ย่อมเบื่อเป็นธรรมดา

“อาหยางครับ พี่หมอขอโทษนะ พี่หมอไม่น่าพาอาหยางไปเที่ยวเลย ดูสิอาหยางถึงล้มป่วยแบบนี้ อาหยางยกโทษให้พี่หมอได้ไหมครับ”

“พี่ชายหมอฮะ ผมไม่ได้โกรธพี่ชายหมอเสียหน่อย แล้วผมจะไปยกโทษให้พี่ชายหมอได้ยังไง ผมมีความสุขมากเลยฮะ แค่ผมเป็นไข้นิดเดียวเอง พักสองสามวันก็หายแล้ว คุณพยาบาลตกใจเกินเหตุเท่านั้น”

อาหยางยื่นมือเล็ก ๆ มาจับมือเขาไว้พร้อมกับยิ้มให้ ทั้ง ๆ ที่ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งแตกเล็กน้อย คงเพราะท้องเสียจึงเสียน้ำในร่างกายมากเกินไป เวลาพูดก็ดูหอบเหนื่อยขนาดนั้น ยังจะมาปลอบใจเขาอีก

“ได้ ๆ ไม่โกรธก็ไม่โกรธ อาหยางตามใจคุณพยาบาลหน่อยนะ อาหยางจะได้ดีขึ้นไว ๆ ไงครับ” เกรย์บอก

“พี่ชายหมอฮะ ยังฝันร้ายอยู่ไหมฮะ”

“พี่หมอไม่ฝันร้ายแล้วครับ จริงสิ อยู่ไหนนะ”หมอเกรย์ใช้มือตบไปตามร่างกายตนเองเพื่อหาสร้อยที่อาหยางคล้องคอให้กับเขาเมื่อวาน

แต่ค้นยังไงก็ไม่เจอ

เอ๊ะ!!!

จริงสิ เขาฝันนี่ แล้วในฝันนั้นเขามอบสร้อยของอาหยางให้เป็นของขวัญแต่งงานองค์หญิงชิงหรูไปแล้ว พอตื่นขึ้นมาเขาก็ลืมไปเลย และเขามั่นใจว่าตอนอาบน้ำไม่มีสร้อยบนตัวเขาแน่

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!

“มีอะไรหรือเปล่าฮะ” อาหยางเห็นพี่ชายหมอท่าทางแปลก เขาจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พี่หมอทำสร้อยที่อาหยางให้เมื่อวานหายไปครับ แต่จะว่าหายก็ไม่ใช่ อาจจะเป็นเพราะอาหยางให้พี่หมอกลับไปฝันต่อ ในฝันพี่หมอยกสร้อยเส้นนั้นให้เป็นของขวัญแต่งงานเด็กผู้หญิงที่พี่หมอเคยช่วยไว้ตอนฝันครั้งแรก พอตื่นมาก็หาไม่เจอแล้ว”

เขาเล่าความฝันให้ฟังและบอกถึงสาเหตุของสร้อยที่หายไป

“อาหยางโกรธพี่หมอไหมครับ ที่รักษาสร้อยไว้ไม่ดี ทำหายไป”

“ไม่ฮะ บางทีสร้อยนั้นอาจจะอยู่กับเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ได้ ถ้าพี่หมอไม่ฝันร้ายแล้ว ต่อไปสร้อยเส้นนั้นจะได้ปกป้องเด็กผู้หญิงคนนั้น” อาหยางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบเล็กน้อย ทั้งยังมีอาการหอบเหนื่อยกว่าเดิม

เกรย์เห็นอาการแล้ว เขาจึงให้อาหยางหยุดพูดและพักผ่อน รอจนเด็กชายหลับไปอีกครั้ง เขาก็ไปขอดูชาร์ตประวัติการรักษาอีกครั้ง จากรายงานที่ได้อ่าน เขารู้ได้ทันทีว่าเวลาของอาหยางเหลือน้อยแล้ว

หากถามว่าเขาเสียใจหรือไม่ที่พาอาหยางไปเที่ยวเล่น ตอบได้ทันทีว่าเขาไม่เสียใจ เพราะเขาได้เห็นความสุขของเด็กน้อย และความสุขนี้อาจจะเป็นความสุขครั้งสุดท้ายของอาหยาง เขารู้ดีว่าอาหยางเองก็รู้ว่าตนเองอยู่ได้อีกไม่นาน ช่างเป็นเด็กน้อยที่เข้มแข็งเสียจริง ๆ

เกรย์อยู่กับอาหยางได้ไม่นานก็ถูกเรียกตัวให้ไปช่วยที่ห้องฉุกเฉิน เพราะมีอุบัติเหตุรถชนทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก หมอไม่พอ เกรย์จึงได้กลับไปช่วยทั้งที่เขาอยู่ในช่วงพัก เขาฝากพยาบาลให้ส่งข่าวอาหยางให้เขาได้ตลอดเวลา แล้วรีบออกจากตึกเด็กไป

ช่วงที่พักเจ็ดวัน เกรย์ไปหาอาหยางทุกวัน อาการของเด็กชายทรุดลงเรื่อย ๆ และช่วงสุดท้ายอาหยางปวดมาก หมอต้องให้ยานอนหลับกับอาหยางไว้ตลอด และยังให้ยาระงับอาการปวดชนิดรุนแรง

ประจวบเหมาะกับเกรย์ต้องเทรนหมออินเทิร์นถึงห้าคน และต้องทำงานควบกะแทนหมอในแผนกที่ป่วยกะทันหันอีกสอง ทำให้เขายุ่งมาก จึงไม่ได้ไปหาอาหยางเลย แต่แม้จะไปเยี่ยมก็ไม่ได้คุยกัน เพราะตอนนี้อาหยางย้ายไปอยู่ห้อง ICU แล้ว

เวลาห้าทุ่มของสัปดาห์ถัดมา หลังจากที่หมอในแผนกหายป่วยและกลับมาทำงานได้ตามปกติ หมออินเทิร์นก็ย้ายไปฝึกงานในแผนกอื่น เกรย์จึงได้กลับมาที่คอนโดของตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่กินนอนที่โรงพยาบาลมากว่าสองสัปดาห์

เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง ไม่ถึงนาทีเขาก็หลับสนิท และเขายังลืมกระทั่งปิดไฟตรงหัวเตียงด้วยซ้ำ

ห้องเสวยที่ตำหนักของฮ่องเต้หญิง บนโต๊ะมีอาหารหลากหลายวางอยู่เต็ม แต่เจ้าของห้องกับสวามีกลับไม่ได้มีความหวานชื่นดั่งงานเฉลิมฉลองครบรอบการแต่งงานแม้แต่น้อย

“หงจินเทียน ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าได้เหิมเกริม บังอาจอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้า”

“ข้าเป็นสวามีของท่าน เหตุใดข้าถึงไม่มีสิทธิ์ แล้วเช่นนี้พวกเราจะมีทายาทสืบทอดต่อไปได้เช่นไร”

“นางสนมที่ข้าหามาให้เจ้าเล่า เหตุใดไม่เลือกมีโอรสธิดากับใครสักคน”

“เหอะ รัชทายาทจะมาจากครรภ์ของสนมชั้นต่ำได้เช่นไร บุตรของข้าต้องมาจากท่านเท่านั้น” หงจินเทียนตอบพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

“เจ้าคนชั่ว นี่เจ้าถึงกับกล้าวางยาข้า” ฮ่องเต้หญิงเซี่ยชิงหรูตวาดอย่างกริ้วจัด เมื่อตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

เสียงถกเถียงกันของชายหญิงสองคนปลุกให้เกรย์ตื่นขึ้น เมื่อเขาลืมตาแล้วสำรวจสถานที่ที่ตนเองตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเป็นห้องนอน เพราะมีเตียงนอน ประดับประดาไปด้วยสิ่งล้ำค่า มองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าต้องไม่ใช่ห้องนอนของชาวบ้านแน่นอน

ชายหนุ่มทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าตอนนี้เขากำลังฝันและกลับมายังยุคจีนโบราณอีกครั้งแล้ว เพราะมั่นใจว่าจะไม่มีใครเห็นตนเอง เกรย์จึงลุกขึ้นจากเตียง เดินไปยังทิศทางที่เขาได้ยินการถกเถียง แต่เดินยังไม่ทันถึงที่หมาย ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก

“หากไม่มีคำสั่งข้า ห้ามเขาออกมาจากตำหนักเด็ดขาด” เสียงเกรี้ยวกราดเอ่ยสั่งคนด้านนอก ก่อนจะพยุงร่างตนเองที่กำลังสั่นน้อย ๆ และมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก แล้วเข้ามายังห้องบรรทม เกรย์จึงได้เห็นว่าเป็นหญิงสาวในชุดหรูหรา สง่างาม

ส่วนข้างนอกก็เป็นเสียงโหวกเหวกโวยวายของชายคนหนึ่ง ที่ไม่ยินยอมอะไรสักอย่าง

เกรย์ยืนหลบอยู่หลังม่านเมื่อเห็นหญิงสาวเดินผ่านตนเองมุ่งตรงไปยังเตียงนอน เขาจำได้ทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้าคือชิงหรู เด็กหญิงน้อยของเขานั่นเอง

“หนู เกิดอะไรขึ้น” เขาทักถามออกไป

น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินมาห้าปี ทำให้ฮ่องเต้หญิงเซี่ยชิงหรูที่กำลังต่อสู้กับฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดที่ถูกสวามีของตนเองวางยาถึงกับชะงัก อาการทุรนทุรายเพราะยาปลุกกำหนัดถูกลืมไปชั่วคราวเมื่อรับรู้ได้ถึงชายในดวงใจ

นางค่อย ๆ หันไปมองที่ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก็โผเข้าไปกอดไว้อย่างลืมสิ้นทุกสิ่ง

“ท่านหมอกวาง ท่านกลับมาแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมหน้าแดง” เกรย์ดันตัวหญิงสาวตรงหน้าออกเล็กน้อยและเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ท่านหมอกวาง ขะ...ข้า ถูกสามีชั่ววางยาปลุกกำหนัด” ฮ่องเต้หญิงเอ่ยตอบพลางหอบหายใจขึ้นอีกครั้ง

“สามี! วางยา!? แล้วเขาจะวางยาหนูทำไม ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาทวนคำบอกเล่าอีกครั้งอย่างแปลกใจ

“มะ...มันไม่ใช่เช่นนั้น ข้ากับเขาไม่เคยร่วมหอกัน” ฮ่องเต้หญิงบอกเสียงสั่น นางเริ่มทนฤทธิ์ยาไม่ไหว ทั้งในหัวใจก็มีเพียงท่านหมอกวางมาตั้งแต่เด็ก ถ้าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้เป็นท่านหมอกวางที่นางปักใจมานานจะดีที่สุด

“ชะ...ช่วยด้วย ท่านหมอกวางช่วยข้าด้วย”

หญิงสาวเริ่มลงมือลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของชายตรงหน้า มือทั้งสองข้างดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขาทิ้งอย่างไม่สนใจอะไรอีกต่อไป

“ดะ...” เกรย์ไม่ทันได้พูดจบประโยคเพราะปากหนาของเขาถูกริมฝีปากบางปิดไว้แนบแน่น ทั้งหน้าอกเต่งตึงก็บดเบียดเข้ามาราวกับไม่มีที่ว่างสำหรับทั้งสองคน

เพียงไม่นานเกรย์ก็เผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้ลอยไปกับความหอมหวานตรงหน้า เขารู้สึกดีกับหญิงสาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และในความฝันเขาจะทำอะไรก็ได้

ทั้งสองขยับเข้าหากันอย่างไม่อาจทนไหว สัมผัสรัญจวนที่ติดอยู่ปลายลิ้น ความรู้สึกที่ถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามาไม่หยุดหย่อน ยาปลุกกำหนัดที่เซี่ยชิงหรูได้รับเป็นชนวนความร้อนแรงได้เป็นอย่างดี

เสียงครวญครางที่ดังขึ้นในห้องบรรทม ถึงกับทำให้จูเอ๋อร์และนางกำนัลคนสนิทต้องหน้าแดง และถอยห่างออกไปอีกหลายก้าว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ