เกรย์ตื่นเต็มตา มองไปรอบ ๆ ตัวเขาล้มอยู่บนพื้นในห้องของอาหยาง เก้าอี้ล้มแอ้งแม้งข้างตัวเขา หมอหนุ่มพยุงตนเองให้ลุกขึ้น เดินไปยกเก้าอี้ให้ตั้งไว้เช่นเดิม ก้มมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าหกโมงเย็นพอดี แสดงว่าเขาหลับไปเกือบสองชั่วโมง
“พี่ชายหมอ โอเคไหมฮะ” อาหยางลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอน มองเขาอย่างเป็นห่วง
“ขอโทษนะอาหยางที่ทำให้ตกใจ อาหยางโอเคไหม” เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงเหมือนเดิม และยกมือลูบหน้าตนเองสองสามที
“ผมโอเคฮะแค่ตกใจนิดหน่อย พี่ชายหมอฝันร้ายเหรอฮะ”
“อือ นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วครับ”
อาหยางเอี้ยวตัวล้วงเข้าไปในใต้หมอนที่เขานอนอยู่ หยิบสร้อยขึ้นมาเส้นหนึ่ง สร้อยเส้นนี้มีจี้อันเล็กห้อยอยู่ จี้ทำด้วยเงิน มีลักษณะเป็นวงกลม ตรงกลางจี้เป็นตาข่ายลวดลายดอกไม้หลายแฉก ตรงส่วนด้านล่างมีตุ้งติ้งใบไม้แกะลวดลายห้อยไว้อีกสามชิ้น
อาหยางสวมสร้อยนั้นลงบนคอให้เขา
“อะไรครับ” เกรย์ถามอย่างแปลกใจพร้อมกับหยิบจี้มาพลิกดูไปมาด้วยความสนใจ
“เครื่องรางดักฝันร้ายฮะ พี่สาวผมให้ไว้ตอนที่ผมเสียคุณพ่อกับคุณแม่ไปด้วยอุบัติเหตุ ผมฝันร้ายทุกคืน พี่สาวบอกว่าสร้อยนี้จะเป็นเครื่องรางดักฝันร้าย แล้วผมจะฝันดีทุกคืนฮะ ผมให้พี่ชายหมอไว้เป็นเครื่องรางฮะ” อาหยางตอบ
“อ๋อ! มันเรียกว่าตาข่ายดักฝันครับ ขอบใจมากนะอาหยาง แต่ว่าพี่หมอรับไม่ได้หรอก ถ้าพี่หมอเอาของอาหยางมา แล้วอาหยางจะเอาที่ไหนมาดักฝันร้ายของตัวเองล่ะ” เกรย์พูดจบก็ทำท่าจะถอดสร้อยออก
อาหยางยื่นมือมาห้ามทันที
“อย่าถอดนะฮะ ผมไม่ได้ฝันร้ายอีกแล้ว มันช่วยได้จริง ๆ นะฮะ”
“ได้ครับ ไม่ถอดก็ไม่ถอด พี่หมอขอบใจอาหยางมากเลยนะครับ นั่นคุณพยาบาลเอามื้อเย็นมาให้อาหยางแล้ว ไปล้างหน้าหน่อยไหม จะได้มากินข้าวกัน”
“ตกลงฮะ” อาหยางลุกจากเตียงไปล้างหน้าในห้องน้ำและมากินมื้อเย็นอย่างมีความสุข
ทุ่มครึ่งก็ได้เวลานอน แต่อาหยางนอนไปสองชั่วโมงแล้ว จึงไม่รู้สึกง่วงนอน เด็กชายคะยั้นคะยอให้เขาเล่านิทานให้ฟัง
“วันนี้ผมจะได้ฟังนิทานหรือยังฮะ พี่ชายหมอผลัดมาหลายวันแล้วนะฮะ” อาหยางนอนลงบนเตียง ดวงตาใสแจ๋ว ไม่มีอาการง่วงนอนเลยสักนิด ดวงตาคู่นั้นมองมาที่เขาด้วยความคาดหวัง ทำให้เขาปฏิเสธไม่ออก
“อาหยางเป็นเด็กดี พี่หมอต้องมีรางวัลให้อยู่แล้ว พี่หมอไม่มีนิทานมาเล่าให้อาหยางฟัง แต่พี่หมอเล่าความฝันที่ทำให้อาหยางต้องเอาตาข่ายดักฝันนี่ให้แทนได้ไหม”
“ความฝันเหรอฮะ มันต้องน่ากลัวมากเลยพี่ชายหมอถึงร้องตะโกนดังขนาดนั้น” อาหยางย่นคอและขยับผ้าห่มให้คลุมมาถึงคอ
เห็นท่าทางแบบนั้น เขาต้องยิ้มอย่างเอ็นดู
“มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นครับ ในฝันมีเด็กผู้หญิงด้วยนะ น่าจะมาจากประเทศเดียวกับอาหยาง อายุเท่ากันด้วย”
“จริงเหรอฮะ เป็นคนที่มาจากจีนเหรอฮะ ผมอยากฟัง เรื่องเป็นยังไงฮะ” อาหยางอยากฟังขึ้นมาทันทีเพราะเห็นว่ามีคนจากประเทศเดียวกับตนเอง
“เรื่องเริ่มจากพี่หมอนอนหลับแล้วตื่นขึ้นที่กลางป่า หลังจากนั้น..........” เกรย์เล่าให้อาหยางฟังด้วยความสนุกสนานถึงมหกรรมการใช้ชีวิตในป่าของตนเองกับเด็กหญิง
อาหยางนอนฟังตาแป๋ว เด็กชายถามเขาในบางครั้ง เมื่อถึงตอนตื่นเต้น เด็กชายก็ลุกขึ้นมานั่งฟังทันที
“แล้วไงต่อฮะ สรุปพี่ชายหมอได้ต่อสู้กับโจรไหม โจรเหาะได้หรือเปล่าฮะ”
“พี่หมอไม่ใช่บรู๊ซ ลี นะจะได้ต่อสู้เก่ง โจรไม่ได้เหาะได้บนฟ้าเหมือนในทีวีที่เราดูหรอกนะ แถมพี่หมอยังโดนโจรฟันเข้าที่หลังแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา จนเก็บมาฝันร้ายจนถึงทุกวันนี้ไงครับ”
“โห! พี่ชายหมอในฝันเราทำอะไรก็ได้ พี่ชายหมอต้องอย่ายอมนะฮะ คืนนี้กลับไปฝันต่อ แล้วมาเล่าให้ผมฟังด้วย ผมจะรอ” อาหยางบังคับให้พี่ชายหมอกลับไปฝันต่อแล้วมาเล่าให้เขาฟังทีหลัง
นี่เรายังต้องไปนอนหลับแล้วฝันร้าย ต้องโดนโจรฟันต่ออีกเหรอ มีใครเขาทำกันได้บ้างล่ะ ลิงน้อยเอ๊ย เขาคิดในใจ แต่ปากก็ตอบรับ
“ได้สิครับ แต่ตอนนี้ได้เวลานอนแล้ว อาหยางต้องนอนเยอะ ๆ เพราะร่างกายต้องการพักผ่อนทดแทนที่ใช้พลังงานไปวันนี้ ฝันดีครับ”
เกรย์จับอาหยางให้นอนลง ห่มผ้าให้ เขาจูบหน้าผากเด็กชายแล้วกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงตามเดิม เมื่ออาหยางหลับสนิทแล้วเขาจึงกลับบ้าน
เกรย์กินมื้อเย็น ดูทีวีนิดหน่อย เขายังไม่ง่วงเพราะหลับไปกว่าสองชั่วโมง หมอหนุ่มจึงเข้าอินเตอร์เน็ต ค้นหาข่าวที่เขาได้ยินเรื่องตาข่ายดักฝันที่ค้นเจอในสุสานโบราณนั้น
ทั้งบทความ คลิปวิดีโอต่าง ๆ รวมทั้งข่าวเกือบทุกช่องทำให้เขาหลงลืมเวลา เมื่อมีลิงก์คลิกต่อไปยังเพจหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เขาก็คลิกเข้าไปดูทันที จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ร่างกายเริ่มทนไม่ไหว คลิปสุดท้ายที่เขาได้ยินแว่ว ๆ ก่อนจะหลับสนิทคือ
“นักโบราณคดีกำลังตีความในแผ่นหินที่บันทึกเรื่องราวในสถานที่แห่งนั้นเล่าถึงความวิปลาสของฮ่องเต้หญิง........”
เสียงจ้อกแจ้กจอแจที่ดังอยู่ข้างหูทำให้เกรย์ขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ ด้วยความเป็นหมอ เขาจึงถูกฝึกให้นอนหลับได้ทุกที่และพร้อมตื่นขึ้นเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน
แต่เขาลืมตาก็พบว่าตนเองนั่งหลับอยู่ตรงเก้าอี้และโต๊ะที่มีขนาดใหญ่ ดูมีราคาและมันตั้งอยู่ในศาลากลางสวนแห่งหนึ่งที่ตอนนี้เวลาน่าจะประมาณหกโมงเช้า เพราะแสงสว่างรอบด้านที่ยังไม่มากนัก และบนกลีบดอกไม้ยังมีหยาดน้ำค้างหลงเหลืออยู่บางส่วน
จากประสบการณ์ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ปกติ เขาอาจจะกำลังฝันต่อตามที่ได้รับปากอาหยางไว้ก็ได้ เกรย์ก้มลงสำรวจชุดของตนเอง โชคดีที่ชุดที่เขาสวมใส่ตอนนี้ยังเป็นชุดที่เขาสวมเมื่อคืนเป็นกางเกงจ๊อกกิ้งอยู่บ้านแบบสบาย ๆ เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม รองเท้าแตะยางพารา
หลังจากสำรวจร่างกายตนเองแล้ว เกรย์ก็เงยหน้าและลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปสำรวจบริเวณศาลาหลังใหญ่ที่เขาตื่นขึ้น เมื่อมองไม่เห็นใครสักคนที่พอจะสอบถามได้ เขาจึงเดินไปเรื่อย ๆ
เดินไปได้สักพักก็เห็นหญิงสาวสี่ห้าคน ใบหน้าสวยงาม รูปร่างอ่อนช้อย อายุไม่น่าเกินยี่สิบปี แต่งกายด้วยชุดที่เหมือนกันเดินถือสิ่งของมากมายเดินตรงมาทางเขา หมอหนุ่มกำลังจะอ้าปากถาม แต่ก็ยั้งปากไว้ทัน เพราะเขาคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองแต่งกายไม่เหมือนคนอื่น อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นภูตผีปีศาจได้
ชายหนุ่มจึงหลบหลังพุ่มไม้ รอจนกลุ่มหญิงสาวเหล่านั้นเดินผ่านไปแล้ว เขาจึงได้เดินออกมาและเดินต่อไป แต่เดินได้ไม่นานก็ต้องหลบกลุ่มหญิงสาวอีกกลุ่มหนึ่ง
เมื่อหญิงสาวกลุ่มนี้ผ่านไปแล้ว เขาก็ออกเดินต่อ เขาเดินเข้าไปในอาคารหลังหนึ่ง ดูแล้วน่าจะเป็นอาคารสำคัญเพราะมีการตกแต่งอย่างสวยงาม มีโคมระย้า ดอกไม้ ต้นไม้ประดับไว้
เวลานี้เขายิ่งหาทางหลบเลี่ยงผู้คนได้ยากขึ้น สุดท้ายเกรย์ก็เหนื่อยกับการหลบเลี่ยงผู้คน เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาหญิงสาวกลุ่มหนึ่งอย่างไม่หวาดกลัวว่าจะถูกจับได้ และเขาก็คิดว่าคงไม่เป็นอะไรเพราะตอนนี้เขาฝันอยู่
เมื่อเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวเหล่านั้น เขาก็เตรียมใจที่จะถูกจับ หรืออาจจะได้รับการทักทาย หรือการกรีดร้องต่าง ๆ แต่หญิงสาวเหล่านั้นกลับเดินผ่านเขาไปเหมือนเขาไร้ตัวตน และพวกเธอมองไม่เห็นเขา
มันเกิดอะไรขึ้น!!!!
นี่คือคำถามที่เกรย์ต้องยืนเกาศีรษะตนเองแบบงง ๆ เขาเหลียวหน้าเหลียวหลังมองไปทั่วและเดินต่อไป และไม่ว่าเขาจะผ่านไปที่ไหน กลับไม่มีใครสักคนมองเห็นเขา แต่ตัวเขาได้ยินบทสนทนา การหัวเราะ การซุบซิบ กระทั่งเสียงสั่งการที่ดังมาจากในตัวอาคารที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมสถานที่นี้ ทำให้เกรย์รับรู้ว่าคงกำลังฝันอยู่และไม่มีใครมองเห็นตนเอง
เมื่อแน่ใจ เกรย์จึงเดินสำรวจอย่างสบายใจ เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้ เขาตรงเข้าไปในตัวอาคารที่เห็นว่ามีการประดับตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม อาจจะกำลังมีพิธีอะไรสักอย่างเร็ว ๆ นี้
หญิงสาวที่สวมชุดสวย ๆ เหมือนกัน เขาเดาว่าคือนางกำนัลและชายที่ทำงานคู่กับนางกำนัลคงเป็นขันที แสดงว่าที่นี่คงเป็นตำหนักของฮ่องเต้หรือตำหนักอะไรสักอย่าง
ใช่แล้ว ตำหนักอ๋องสักแห่ง จะถามใครก็ไม่ได้ด้วยสิ เขาคิดในใจ
ยืนสำรวจก็แล้ว ดูไปรอบ ๆ ก็แล้ว มีแต่สิ่งที่น่าเบื่อ มีแต่นางกำนัลและขันทีตกแต่งสถานที่ คงอีกนานกว่างานพิธีจะเริ่ม หมอหนุ่มรู้สึกเบื่อจึงเดินออกจากตำหนักใหญ่นี้ไป
เขาเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงคุยกันของนางกำนัลในตำหนักหนึ่ง ที่มองดูก็ยิ่งใหญ่และดูหรูหรามากเช่นกัน
“จูเอ๋อร์ รีบไปเร็วเข้า หากชักช้าองค์หญิงไปไม่ทันเริ่มพิธี หัวจะหลุดจากบ่านะ” นางกำนัลคนหนึ่งรีบเร่งเพื่อนนางกำนัลด้วยกันก่อนเปิดประตูบานใหญ่เข้าไปในอาคารหลังหนึ่ง
จริงด้วยแฮะ เป็นวังจริง ๆ ด้วย ไม่งั้นคงไม่มีองค์หญิง แล้วองค์หญิงนี่ต้องสวยมากแน่ ๆ ในทีวีซีรีย์ต่าง ๆ องค์หญิงไม่ขี้เหร่เลย
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาจึงเดินเข้าไปในตำหนักแห่งนี้ และเดินตรงไปยังห้องที่คาดว่าจะเป็นห้องขององค์หญิงเจ้าของตำหนัก
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?