ตอนที่ 4. ปราบอนุบิดา

มู่เหยียนจงไม่เคยเห็นบุตรสาวเปิดศึกฝีปากกับอนุคนอื่น ๆ ของเขามาก่อน เพราะว่ารักนางมาก ถึงจะมีผู้หญิงอื่นอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยเลื่อนใครขึ้นมาเป็นฮูหยินรองหรือฮูหยินเอก

งานหลังบ้านเขาก็มอบให้พ่อบ้านจัดการกระทั่งมู่เสวี่ยหลิงรู้ความบ้างแล้วถึงได้ค่อยให้พ่อบ้านค่อย ๆ สอนนางอีกที พอเห็นนางว่ากล่าวอนุหวาตรง ๆ เช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

คล้ายกับว่าบุตรสาวของเขาไม่ใช่ลูกสาวคนเดิม

มู่เสวี่ยหลิงผ่านลมฝนคาวเลือดมาไม่น้อย มีหรือจะมองสายตาท่านพ่อไม่ออก นางแสร้งทำเป็นคุณหนูเอาแต่ใจเช่นเดิมทั้งยังปกปิดแววตาเหี้ยมโหดของตนเองไว้อย่างแนบเนียน

ครานั้นท่านพ่อที่เคยบอกว่ารักนางนักหนากลับโยนนางทิ้งไว้ในตรอก กระทั่งหางตาก็ยังไม่มองในมือยังมีบุตรคนใหม่จากอนุพวกนั้น เห็นว่านางหมดประโยชน์แล้วจึงทิ้งขว้างไม่เสียดาย มู่เสวี่ยหลิงไม่คิดจะเปลืองแรงเปลืองใจให้กับบิดา เขาเลี้ยงนางมา นางพาสกุลมู่รอดพ้นภัยพิบัติครั้งใหญ่ในกาลข้างหน้าได้ก็ถือว่าไม่มีอันใดติดค้างกันอีก

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าอยากได้เครื่องประดับใหม่หรือไม่ พ่อสั่งให้คนนำกลับมาจากเมืองหลวงไม่น้อย เจ้าลองไปเลือกดูเถิด”

ได้ยินคำว่าเมืองหลวงสายตาของคุณหนูพลันมืดครึ้มลง มู่เสวี่ยหลิงจิกเล็บเข้าฝ่ามือเป็นการเรียกสติ นางเงยหน้า ปรับสีหน้าให้กลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง นางย่อกายทำความเคารพบิดา

“ลูกขอบคุณท่านพ่อมากเจ้าค่ะ เช่นนั้นลูกขอไปเลือกดูเครื่องประดับก่อนนะเจ้าคะ”

มู่เหยียนจงปัดความคิดไร้สาระออกจากหัว เห็นบุตรียังคงหลงใหลกับสิ่งของภายนอกก็พอวางใจ เขายกยิ้มกว้าง

“เจ้าไปเถิด พ่อจะคุยกับพ่อบ้านเสียหน่อย”

มู่เสวี่ยหลิงพยักหน้ารับ นางเดินสวนกับพ่อบ้านออกไปด้านนอก ภายในห้องโถงใหญ่มีหีบไม้ลึกวางเรียงราย บ้างบรรจุบแพรพรรณนับสิบพับ บ้างบรรจุเครื่องประดับทั้งหยกและทองบางอันยังใส่ทองคำแท่งไว้เต็ม มู่เสวี่ยหลิงเหยียดยิ้มมุมปาก มู่เหยียนจงผู้นี้สมกับเป็นพ่อค้า พอเห็นว่านางหน้าตางดงามสามารถทำกำไรให้ตนเองได้ก็ประโคมของให้อย่างไม่หวงแหน ของราคาขนาดนี้ คงตั้งใจเรียกของหมั้นจากตระกูลหยวนไม่น้อย

นางจะไม่ให้หยวนเซิ่งเจ๋อเสียเงินเสียทองเพราะนางอีกเด็ดขาด

อนุกัวยืนอยู่ด้านข้างห้องโถง นางเห็นคุณหนูมู่เสวี่ยหลิงหยิบ ๆ จับ ๆ ก็นึกอิจฉาอยู่บ้าง ของในหีบมีแต่ของดี ๆ งาม ๆ ทั้งนั้น ให้เด็กสาวที่เพิ่งปักปิ่นมันจะไปมีประโยชน์อันใด อนุกัวถือตนว่าเป็นคนโปรดของนายท่านมานาน นางเชิดใบหน้าขึ้นสูง ไม่สนใจสายตาห้ามปรามของลี่ลี่ ก้าวผ่านธรณีประตูหยุดยืนอยู่ข้างมู่เสวี่ยหลิง

ดวงตากลมโตปรายมองลูกเลี้ยงที่กอบโกยของมีราคาพวกนั้นประหนึ่งขอทานเห็นเงินเหรียญก็หลุดเสียงหัวเราะ

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าทำเช่นนี้ หากผู้ใดมาเห็นเข้าคงนึกว่าตระกูลมู่ของเราขาดแคลนทรัพย์จนคุณหนูของจวนเห็นเงินทองทีก็รีบหยิบประหนึ่งไม่เคยพบเคยเจอ”

อนุกัวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากแขนเสื้อยกขึ้นปิดรอยยิ้มมุมปาก “เจ้าจะทำให้ท่านพ่อขายหน้าไม่ได้เชียว”

มู่เสวี่ยหลิงไม่มีความแค้นกับอนุกัว นางเข้ามาในตอนที่มารดาหรือฮูหยินใหญ่เสียไปได้ห้าปี ตอนนั้นมู่เสวี่ยหลิงเริ่มรู้ประสาแล้ว จะนับเอาอนุผู้หนึ่งเป็นมารดาได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยไปยุ่งเรือนเล็กทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้พวกอนุของท่านพ่อมาเรือนใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต

อนุกัวยืนรอหาเรื่องนางเช่นนี้ นางจะไม่ตอบแทนก็คงไม่ใช่มู่เสวี่ยหลิงคนใหม่แล้ว นางผินกายกลับไปหาอนุกัว รอยยิ้มบางแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าจนทำให้ความงามของนางเฉิดฉายยิ่งขึ้นไปอีก อนุกัวเห็นเช่นนั้นก็เผลอตัวบิดผ้าเช็ดหน้าในมือจนมันแทบฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ

นางพยายามตั้งเท่าไหร่เพื่อให้มู่เสวี่ยหลิงเรียกนางว่าท่านแม่ หากคุณหนูใหญ่ของบ้านให้การยอมรับ ถึงนางจะตะกายไปไม่ถึงตำแหน่งฮูหยินใหญ่ แต่อย่างน้อยนางก็คงได้ตำแหน่งฮูหยินรอง

แต่นางเด็กคนนี่นอกจากจะไม่เรียกแล้วยังใจจืดใจดำ ไล่พวกอนุไปอยู่ด้านหลังเรือน ถ้าหากนายท่านไม่เรียกก็ห้ามมุดหัวออกมาด้านนอก แล้วอย่างนี้นางจะมัดใจนายท่านได้อย่างไร!

“ลี่ลี่” มู่เสวี่ยหลิงเรียกสาวใช้คนสนิทเสียงอ่อน

“เจ้าเอาของพวกนี้ไปเก็บไว้ในเรือนข้าให้หมด ไว้ข้าจะเลือกดูอีกที”

ลี่ลี่ทำงานข้างกายคุณหนูมานาน นางรีบพยักหน้ารับ ไม่มองสีหน้านายสาวให้เสียมารยาท

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

อนุกัวมองตามหีบพวกนั้นด้วยสายตาเสียดาย นางถูกใจของไม่น้อย ยังคิดอยู่ว่าถ้าของชิ้นไหนมู่เสวี่ยหลิงไม่ถูกใจอาจจะตกมาถึงมือนางบ้าง ไม่คิดว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้จะกวาดเอาไปเสียหมด

นางรั้งรอนายท่านอยู่ในเรือนถึงสองปีเต็ม หวังใจว่านายท่านกลับมาจากการค้าครั้งนี้จะได้ปรนนิบัติรับใช้ให้ตำแหน่งมั่นคงเสียหน่อย หรืออย่างน้อยก็คงได้เครื่องประดับจากแดนไกลติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง ไม่นึกว่ามู่เสวี่ยหลิงช่างร้ายกาจนัก เก็บของพวกนั้นไว้กับตนเองทั้งหมด

“อนุกัว ข้าไม่ใช่ลูกเจ้าทั้งยังไม่ใช่ลูกบุญธรรมเจ้า เรียกข้าว่า หลิงเอ๋อร์ก็ออกจะเสียมารยาทไปบ้าง”

มู่เสวี่ยหลิงยิ้มเรียบเรื่อย นางลูบแหวนหยกบนเรียวนิ้วอย่างสบายอารมณ์ ทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ไม่ไกล

“ข้าเองก็ไม่เคยเรียกเจ้าว่าท่านแม่ กระทั่งแม่เล็กก็ไม่เคยหลุดปาก บ่าวไพร่นึกปีนหัวเจ้านาย ข้าจะไม่สั่งสอนก็คงจะไม่ได้ มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง”

อนุกัวหน้าตาตื่น แต่ไหนแต่ไรมาหากนางพูดจากระทบกระเทียบมู่เสวี่ยหลิงก็แค่นำไปฟ้องนายท่าน มู่เหยียนจงเหนื่อยหน่ายใจกับนิสัยของบุตรสาว นอกจากเขาจะไม่สืบสาวเอาเรื่องแล้วเขายิ่งมาปลอบใจนางที่ถูกคุณหนูใหญ่รังแก แต่นี่อันใด เพียงไม่กี่ประโยคก็ผลักความผิดใส่หัวนาง มู่เสวี่ยหลิง นางบ้าไปแล้วหรือ!

“มู่เสวี่ยหลิง! เจ้าจะทำอันใด! ข้าเป็นอนุของบิดาเจ้า เจ้าจะรุนแรงกับข้าไม่ได้เด็ดขาด! ปล่อยข้า!”

มู่เสวี่ยหลิงยกยิ้มจาง มองอนุกัวถูกสาวใช้ร่างกำยำหลายคนกดให้นอนราบไปกับพื้น นางไม่มีความแค้นแต่ใช่ว่าจะปล่อยให้อนุพวกนั้นกำเริบเสิบสานได้ตามใจ วันหน้านางยังจะต้องแต่งไปบ้านสกุลหยวน ถ้าหากแม่สามีรู้ว่าตอนอยู่ในจวนนางปล่อยให้อนุเหยียบหัว ท่านป้าฉู่อาจจะสงสาร แต่ลึก ๆ ต้องรังเกียจที่นางไร้สามารถเป็นแน่ เพื่อให้งานแต่งของนางและหยวนเซิ่งเจ๋อราบรื่นที่สุด ไม่ว่าสิ่งใดที่นางทำได้นางย่อมลงมือ

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ