ตอนที่ 8 ภรรยาหายตัวไป

วี้ด วี้ด วี้ด

เสียงร้องเป็นสัญญาณดังขึ้นสามครั้งอยู่ข้างนอกตัวบ้าน ปลุกให้อามู่ลืมตาขึ้น ชายหนุ่มหันไปตรวจดูภรรยา เมื่อเห็นว่านอนหลับสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเขาจึงค่อยลุกออกจากเตียงไปอย่างเงียบ ๆ

“หัวหน้า ให้นางมาอยู่ด้วยเช่นนี้จะไม่มีปัญหาต่อแผนการของเราหรือขอรับ” เฉินคุน หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของอามู่ หรือ หลิวมู่หรง หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์คราม หน่วยลับของฮ่องเต้เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นกังวล

“ข้ายังบอกไม่ได้ นางน่าสงสัยยิ่ง ไม่แน่ว่านางอาจจะเป็นสายให้กับเสนาบดีจ้าวก็เป็นได้ ข้าจะเก็บนางไว้ใกล้ตัวคอยจับตาดูนางเงียบ ๆ ” หลิวมู่หรงเอ่ยตอบเสียงเรียบ

“หัวหน้า หากนางน่าสงสัยยิ่งเหตุใดหัวหน้าไม่ฆ่านางทิ้งไปเสียเล่าขอรับ นางเป็นคนเห็นใบหน้าของหัวหน้าในคืนที่ท่านแอบเข้าไปหาหลักฐานที่จวนเสนาบดีจ้าวนะขอรับ”

เฉินคุนแสดงความคิดเห็นบ้างพลางคิดในใจว่านางโง่หรือซื่อบื้อกันแน่ คนส่งฟืนที่ไหนจะไปส่งฟืนตอนกลางดึก เมื่อก่อนถ้าหากว่ามีอะไรจะสาวเรื่องมาถึงตัวเอง หัวหน้าต้องกำจัดปัญหานั่นก่อนแต่นี่แปลกยิ่ง ถึงกับยอมเสี่ยงเก็บตัวปัญหาไว้กับตนเอง

“เจ้ากลับไปก่อน เรื่องนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” หลิวมู่หรงว่าแล้วก็หันหลังกลับเข้าบ้านไป เขากลับมานั่งลงขอบเตียงพลางจ้องมองใบหน้าของภรรยาที่เปื้อนยิ้มน้อย ๆ คล้ายคนซึ่งกำลังนอนหลับอย่างฝันดี

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปปัดลูกผมให้ออกจากใบหน้าของนางก่อนจะเปรยออกมากับตนเอง

“ใบหน้าเจ้าก็ขี้ริ้วขี้เหร่ไม่น่ามองอย่างยิ่ง อีกทั้งพวกเราก็เพิ่งเจอกันได้ไม่กี่วัน เหตุใดข้าจึงละสายตาจากเจ้าไม่ได้เลย”

เช้าวันนี้หลิวมู่หรงไม่อยู่บ้าน เขาบอกกับฝูฮวนว่าต้องเข้าไปทำธุระ เพราะมีเศรษฐีคนใหม่ต้องการมาติดต่อเรื่องส่งฟืน เขาจึงต้องไปเจรจาให้เรียบร้อย ก่อนออกจากบ้านฝูฮวนนึกได้ว่าเสบียงใกล้หมดแล้วจึงแจ้งให้สามีทราบ

“ท่านพี่เจ้าคะ เสบียงอาหารไม่มีแล้ว หากท่านพี่กลับบ้านอย่าลืมซื้อเสบียงมาตุนไว้ด้วยนะเจ้าคะ พวกข้าวสาร แป้ง เนื้อ ไข่ ผัก สิ่งใดที่ท่านพี่อยากกินก็ซื้อมาได้เลยเจ้าค่ะ ข้าสามารถทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านพี่ได้กินทุกมื้อหากว่ามีวัตถุดิบเจ้าค่ะ”

ฝูฮวนเดินออกมาส่งสามีถึงหน้าบ้าน หลังจากที่แจ้งเรื่องเสบียงอาหารแล้วนางก็ทำเช่นเดิมเหมือนเมื่อวาน คือเดินไปใกล้สามี เขย่งขึ้นจูบลงไปที่ปลายคางสากของเขาที่มันปกคลุมด้วยหนวดเครา แต่นางหาได้รังเกียจไม่

“ข้าจะรอท่านพี่กลับบ้านนะเจ้าค่ะ” ฝูฮวนว่าแล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็วดั่งเช่นเมื่อวานเช่นกัน ทางด้านหลิวมู่หรงวันนี้เขาไม่ได้ตกใจจนตัวแข็งค้างอีกแล้ว เพียงแค่ยกยิ้มมุมปากก่อนออกเดินจากบ้านไป

“เอาล่ะ นังหวานได้เวลาสังคายนาตัวเองแล้ว”

ฝูฮวนเปรยขึ้นกับตนเอง วันนี้หลังจากที่เก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้วฝูฮวนรู้สึกเหนียวตัวจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะออกจากจวนเสนาบดีการคลังมาแล้วสองวัน แต่นางก็มัวแต่เกร็งและปรับตัวกับสามีป้ายแดงอยู่ทำให้ละเลยร่างกายตนเองไป

วันนี้มีโอกาส สามีไม่อยู่บ้าน งานบ้านก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงตั้งใจจะไปอาบน้ำสระผมที่ลำธาร เมื่อตัดสินใจได้ฝูฮวนจึงไปหยิบอุปกรณ์อาบน้ำที่เห็นสามีใช้ติดมือเดินตรงไปยังลำธารใกล้บ้าน

“โอ้ย เสี่ยวฮวนหนอเสี่ยวฮวน ช่างน่าสงสารเสียจริง ถึงว่าใคร ๆ ก็ว่านางอัปลักษณ์ สาเหตุเป็นเพราะว่าที่นอนของนางหากไม่ใช่กองฟืนก็เป็นก้นครัว น้ำยังไม่ค่อยได้อาบ จะอาบน้ำทีก็ถูกคุณหนูรองไม่อนุญาต ได้แต่ล้างมือล้างเท้าเท่านั้น เป็นบ่าวหาบน้ำไม่ต้องอาบน้ำให้เปลือง ไม่ได้ไปรับใช้ในจวนหลัก หนังหัวเป็นตังเมเลยแฮะ โอ้ย!”

ฝูฮวนบ่นออกมาอย่างคับแค้นใจแทนเจ้าของร่างเดิม ก่อนจะร้องออกมาเสียงดังเพราะนางพยายามสางผมที่เหนียวติดกันเป็นก้อนให้คลายตัวออก ก่อนจะงมหาหินเอามาขัดตามร่างกาย แขน ขา

ฝูฮวนใช้เวลาอยู่หนึ่งชั่วยามก็อาบน้ำเสร็จ นางรู้สึกเบาและสบายตัวขึ้นเป็นอย่างมาก โชคดีที่เจ้าของร่างนี้ไม่มีเหา พอจัดการเช็ดผมให้แห้งแล้วทำผมด้วยการถักเปียง่าย ๆ สองข้าง ขัดคราบขี้ไคลออกไปจนหมด ฝูฮวนก็กลายเป็นสาวน้อยวัยแรกรุ่น ดวงตากลมโต ใบหน้าน่ารัก ผิวขาวเนียนอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ถึงแม้ว่าจะยังคงสวมเสื้อผ้าหนึ่งชุดเก่าก็ตาม

“ว่าแล้วก็น่าเสียดายที่อีตาเสนาบดีนั่นให้ยืมชุดใส่เฉพาะตอนเข้าพิธีแต่งงาน คนอะไรขี้เหนียวชะมัด” ฝูฮวนเปรยขึ้นอย่างสังเวชให้กับตนเอง เมื่อก้มมองชุดที่ตัวเองใส่เพราะมันทั้งเก่าทั้งปะ จนไม่มีส่วนไหนที่ไม่มีรอยเย็บเลย

ทางด้านหลิวมู่หรงที่เดินทางเข้าวังหลวงเพื่อไปรายงานผลการสืบข่าวที่จวนเสนาบดีจ้าว ชายหนุ่มกำลังยืนถวายรายงานอยู่ตรงเบื้องหน้าโต๊ะทรงงานของฮ่องเต้

“จากการสืบข่าวอยู่สองเดือน กระหม่อมพบว่าจวนเสนาบดีจ้าวมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากกว่าปกติ จวนนี้สั่งซื้อฟืนอาทิตย์ละครั้ง มีเงินไว้ซื้ออาหารทะเลทุกเดือน จัดงานฉลองวันปักปิ่นให้คุณหนูรองอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งที่มีรายได้เพียงเงินเดือนขุนนางไม่น่าจะเพียงพอให้ทำเช่นนั้น กระหม่อมได้ตรวจสอบทุกคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจ้าวเองไม่ได้มีใครทำการค้า ภรรยาของเขาไม่ว่าจะเป็นฮูหยินเอก ฮูหยินรอง หรืออนุ ไม่มีใครทำการค้าเช่นกัน จะว่าสินเดิมที่ติดตัวมาก่อนแต่งก็ไม่น่าจะมากถึงเพียงนั้น เรื่องที่เสนาบดีจ้าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงเงินภาษีจึงเป็นเรื่องจริง จากหลักฐานที่กระหม่อมรวบรวมมาทั้งหมด บ่งบอกถึงเส้นทางการโกงเงินภาษีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

หลิวมู่หรงยื่นหลักฐานให้กับเผยกงกง ขันทีใหญ่คนสนิทของฮ่องเต้ เพื่อนำส่งมอบให้กับนายเหนือหัวของตนเอง เหวินคังฮ่องเต้รับเอกสาร รายงานมาอ่านอยู่เพียงครู่ก็เอ่ยออกไป

“ทำได้ดีมาก มิเสียแรงที่มือหนึ่งของพยัคฆ์ครามลงมือด้วยตนเอง ข้าไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง ว่าแต่งานเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าก็เลิกปลอมตัวเป็นคนส่งฟืนได้แล้ว ที่เหลือข้าจะให้รัชทายาทจัดการเรื่องนี้ต่อเอง”

“ฝ่าบาท บุตรสาวคนโตของเสนาบดีจ้าวเป็นถึงว่าที่คู่หมั้นขององค์รัชทายาท หากว่าจับกุมเสนาบดีจ้าวจะไม่กระทบต่อองค์รัชทายาทหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวมู่หรงเอ่ยถามขึ้น

“หลิวมู่หรง ขอบใจที่เป็นห่วงข้า เจ้านี่ช่างกล้ากำเริบล้อเลียนข้าเชียวหรือ เสด็จพ่อโปรดอภัยให้ลูกด้วยที่เข้ามาโดยพละการ” เหวินฉี รัชทายาทแคว้นโจวเอ่ยกับหลิวมู่หรงก่อนจะหันไปขออภัยกับฮ่องเต้

“พอ ๆ พวกเจ้าสองคนเลิกกลั่นแกล้งกันได้แล้ว คิดว่าตนเองยังเป็นเด็กสามขวบอยู่หรอกหรือ” องค์ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์อย่างละอาใจกับสองหนุ่มที่เป็นทั้งพระสหาย และเจ้านายกับลูกน้อง

องค์รัชทายาทกับหลิวมู่หรงรู้จักกันจากการที่ถูกฝึกให้อยู่ในหน่วยพยัคฆ์ครามเช่นกัน ฝีมือสูสีกัน หลิวมู่หรงได้มีโอกาสช่วยชีวิตองค์รัชทายาทอยู่ครั้งหนึ่ง ทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งแนบแน่นยิ่งขึ้น เมื่อองค์รัชทายาทรับตำแหน่งรัชทายาท หลิวมู่หรงจึงรับตำแหน่งหัวหน้าพยัคฆ์ครามเช่นเดียวกัน

“เสด็จพ่อก็ดูลูกน้องคนโปรดของท่านสิพ่ะย่ะค่ะ ทั้งที่รู้ว่าการปล่อยข่าวเรื่องการหมั้นหมายระหว่างลูกกับจ้าวหยางซินเป็นเพียงกลอย่างหนึ่ง ถึงกับเอามาล้อลูก ใครจะไปรักลูกของคนโกงกินชาติบ้านเมืองเช่นนั้น ว่าแต่เจ้าเถอะ มู่หลง จะเอาเช่นไรกับภรรยาของเจ้า” องค์รัชทายาทเห็นหนทางเอาคืนจึงเอ่ยเย้าแหย่ออกไป

“พระองค์ทรงทราบ หึ! คงเป็นฉีกงกงที่รายงานเรื่องนี้ให้พระองค์ใช่หรือไม่” หลิวมู่หรงแค่นเสียงออกมา เขาลืมไปได้อย่างไร ก็ไม่ใช่เพราะฉี กงกงหรอกเหรอที่ทำให้เขาได้มีพิธีแต่งงาน ทั้งยังได้สวมใส่ชุดที่ดูดีได้ชั่วคราว และก็คงเป็นฉีกงกงนี่แหละที่นำข่าวของเขามาเล่าให้สหายผู้สูงศักดิ์ฟัง

“ไม่เห็นมีเรื่องอะไรให้น่าอายนะหลิวมู่หรง เจ้าก็แต่งภรรยาแล้ว ว่าง ๆ ก็พาภรรยามาพบข้าหน่อยเป็นเช่นไร ข้าจะได้มอบของขวัญแต่งงานให้เจ้าอย่างสมเกียรติ” องค์รัชทายาทเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะน้อย ๆ

“นี่หลิวมู่หรง เจ้าแต่งงานแล้ว จริงหรือ” เหวินคังฮ่องเต้เอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งฟังบทสนทนาของทั้งสองคนอยู่นาน

“จริงสิพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ งานก็สำเร็จแล้วเรียบร้อย เหตุใดเสด็จพ่อไม่ให้เขาพักผ่อนหลังจากทำงานมาอย่างหนัก หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ครามจะได้ใช้เวลาอยู่กับภรรยาคนใหม่อย่างเต็มที่” หลิวมู่หรงยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ องค์รัชทายาทก็ชิงตอบไปเสียก่อน

“ได้ เช่นนั้นรัชทายาท เจ้าเอาเรื่องนี้ไปจัดการต่อ ส่วนหลิวมู่หรงข้าอนุญาตให้เจ้าพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือน” องค์ฮ่องเต้ตรัสขึ้น

หลิวมู่หรงเมื่อได้รับฟังคำสั่งก็ได้พิจารณาเกี่ยวกับฝูฮวนเพราะไม่รู้จะทำเช่นไรกับนางดี เขาสัญญากับนางไว้ว่าจะแต่งงานกันเป็นเวลาหนึ่งปี เป็นเพราะคืนนั้นนางไม่ได้โวยวายและแจ้งเรื่องนี้แก่เสนาบดีจ้าว ทำให้เขาได้หลักฐานการทำผิดที่แอบเข้าไปขโมยมาในคืนนั้น

ถือว่าเป็นความดีของนางที่ทำให้งานของเขาสำเร็จได้อย่างสวยงาม เช่นนั้น ข้าก็จะเล่นงิ้วไปตามความต้องการของเจ้าก่อนก็แล้วกัน

“สามเดือนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอเวลาสามเดือน กระหม่อมยังมีเรื่องให้ต้องจัดการในฐานะคนส่งฟืนอยู่ ให้พักหนึ่งเดือนไม่พอพ่ะย่ะค่ะ” หลิวมู่หรงเอ่ยคัดค้านขึ้น

“ได้ ข้าอนุญาต”

หลังจากนั้นก็เป็นการปรึกษาหารือถึงเรื่องการจัดการกับเสนาบดีจ้าว เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นหลิวมู่หรงจึงเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางเฉินคุนได้หาซื้อข้าวสารและสิ่งของจำเป็นบางอย่างเล็กน้อยเตรียมให้กับหัวหน้าอย่างหลิวมู่หรงไว้แล้ว หลิวมู่หรงจึงรับห่อเสบียงจากลูกน้องแล้วเดินเข้าบ้านไป

ก่อนที่ห่อเสบียงนั้นจะหล่นจากมือเสียงดัง...ตุ๊บ

เมื่อหลิวมู่หรงเจอหญิงสาวนางหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าบ้าน ถึงแม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าเก่าและมีรอยปะชุน แต่ทว่าไม่สามารถกลบความงามของร่างตรงหน้าได้แม้แต่น้อย นางแม้ไม่ได้งามล่มเมืองแต่ก็น่ารักสวยงามหมดจด

“เจ้าเป็นใคร เมียของข้าอยู่ไหน”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ