ตอนที่ 13 นางคือภรรยาข้า

“คุณหนูรอง” ฝูฮวนอุทานขึ้นด้วยความตกใจ

นังหวานนะนังหวาน วันนี้เป็นวันซวยหรือไง หรือก้าวเท้าออกบ้านผิดข้างเนี่ยถึงได้มาเจอคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด นั่นคุณหนูรอง ยมบาลผู้ที่จะพรากวิญญาณของเธอเชียวนะ

ไม่รู้ว่าผ่านงานปักปิ่นแล้วชะตากรรมของเธอจะเปลี่ยนไปไหม ทำไมเธอถึงหลงลืมไปได้นะ ว่าถ้าเข้ามาที่นี่โอกาสที่จะเจอคุณหนูรองก็มีมากขึ้น ถึงแม้ว่าเมืองหลวงจะกว้างใหญ่เพียงไหนก็ตาม แต่จะทำไงได้ เป็นแค่ตัวประกอบยังไงเส้นทางก็ไม่ง่ายแน่นอน

“ฝูฮวน นางบ่าวชั้นต่ำ เจ้ามาทำอะไรที่ร้านเครื่องประดับแห่งนี้” จ้าวหยางซูเมื่อสังเกตเห็นว่าคนที่เดินชนตนเองนั้นคืออดีตบ่าวที่เป็นที่ระบายอารมณ์ของตนเองจึงหวนคิดว่านางสามารถระบายความโกรธและความขัดใจกับบ่าวคนนี้ได้อย่างเช่นเมื่อก่อน

โดยที่หลงลืมภาพลักษณ์คุณหนูผู้อ่อนหวานไปแล้ว เนื่องจากยุคสมัยนี้บ่าวไม่สามารถมีปากเสียงได้ เจ้านายจะทำอะไรกับบ่าวก็ได้แต่ห้ามฆ่าเพราะถือว่าผิดกฎหมาย

“คุณหนูรอง ข้าไม่ใช่บ่าวของจวนเสนาบดีจ้าวอีกแล้ว โปรดทำความเข้าใจด้วยเจ้าค่ะ” ฝูฮวนเอ่ยแก้ความเข้าใจผิด

“บังอาจ กล้าเถียงคุณหนูรองเชียวหรือ” สาวรับใช้ตวาดขึ้นอีกครั้ง

ฝูฮวนยังไม่ทันได้เอ่ยอันใดขึ้นก็ปรากฏว่ามีเสียงอื้ออึงขึ้นมาเสียก่อน

“นี่ไม่ใช่คุณหนูรองจวนตระกูลจ้าวหรอกหรือ เหตุใดจึงโหดร้ายเช่นนี้ มิใช่แม่นางที่ชนนั้นได้เอ่ยขอโทษแล้วใช่หรือไม่” ป้าแม่ค้าขายชุดสำเร็จเอ่ยขึ้น

“ใช่ ๆ ผู้คนเล่าลือถึงความงามของนาง ไม่นึกว่ารูปงามแต่วาจากลับไม่น่าฟัง” แม่ค้าร้านขายบะหมี่เอ่ยรับแม่ค้าร้านขายเสื้อผ้า

“ข้าจำได้นะว่าเกือบหนึ่งเดือนก่อน งานพิธีปักปิ่นคุณหนูรองจวนตระกูลจ้าวช่างใหญ่โต มีเชื้อพระวงค์มากันหลายพระองค์ รวมทั้งบัณฑิต บุตรชายขุนนาง อีกทั้งขุนนางหนุ่มหลายคนยังเอ่ยชื่นชมคุณหนูรองอยู่หลายคน เห็นทีเรื่องที่เล่าลือน่าจะเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาแล้ว” ชายร้านขายเครื่องประดับเอ่ยขึ้นบ้าง

“คะ...คุณหนูเจ้าคะ” สาวใช้คนนั้นเมื่อเห็นมีคนเริ่มมุงดูและซุบซิบก็รีบจิกเล็บไปบนฝ่ามือแล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ท่านลุง ท่านป้า นี่ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้ว ฝูฮวนนางเคยเป็นบ่าวที่ใกล้ชิดข้ามาก่อน นี่เป็นเพียงคำทักทายตามปกติ เมื่อก่อนพวกเราก็เคยเล่นกันมาแบบนี้ ขอพวกท่านอย่าได้เข้าใจผิด จริงหรือไม่ฝูฮวน” คุณหนูรองจ้าวหยางซูเห็นตนเองจะเสียชื่อเสียงให้คนเล่าลือจึงได้รีบไปประคองให้ฝูฮวนลุกขึ้น พลางบีบแขนอดีตบ่าวในจวนอย่างแรง

“จะ...จริงเจ้าค่ะ คุณหนูรองกับข้าล้วนทักทายเช่นนี้เสมอ ขอพวกท่านลุงท่านป้าอย่าได้เข้าใจผิดคุณหนูรองเลยนะเจ้าคะ คุณหนูรอง ข้าต้องรีบไปซื้อของให้สามีอีก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”

ฝูฮวนหันไปเอ่ยบอกกับทุกคน ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับคุณหนูรองแล้วรีบยกมือคารวะขอตัวจากไป

โอ้ย! หัวใจจะวายนังหวาน ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าคุณหนูรองคือตัวเพชรฆาตของเธออย่างถึงที่สุด ต่อไปมีคุณหนูรองที่ไหนก็อย่ามีฉันที่นั่น ไม่งั้นที่พยายามหนีความตายมาทั้งหมดคงเปล่าประโยชน์เป็นแน่

หากถามว่าทำไมไม่สู้นะเหรอ ถ้าเป็นอีหวานยุคสองพันเธอคงไม่ยอมให้มากดหัวแบบนี้ แต่นี่ในนิยายต่อให้เธอพยายามแค่ไหน ในเมื่อบทมันระบุมาว่าเธอต้องตายเพราะคุณหนูรอง ขืนไปทำปากกล้าว่าตรูเก่งคงได้ตายจริง ๆ แน่ ยอมเจ็บตัวหน่อยก็ดีกว่าหัวขาดละว้า

“บ่าวไพร่เช่นเจ้าจะเอาเงินมาจากที่ใดถึงกล้ามายังร้านเครื่องประดับหงเฟินแห่งนี้ หรือว่าเงินนั่นเจ้าขโมยมาใช่หรือไม่” จ้าวหยางซูเอ่ยขึ้นเสียงดังเนื่องจากนางยังคงไม่สามารถกดข่มอารมณ์ที่ถูกชายหนุ่มที่หมายปองปฏิเสธได้

และเสียงที่ดังขึ้นของคุณหนูคนงามกับสาวนางหนึ่งที่แต่งกายดั่งชาวบ้านธรรมดา ก็ทำให้ชาวบ้านและลูกค้าที่อยู่ในร้านเครื่องประดับหงเฟินแห่งนี้เริ่มหันมามองด้วยความสนใจอีกครั้ง เรื่องชาวบ้านแบบนี้ไม่ว่าใครก็สนใจอยากรู้และมีส่วนร่วมกันทั้งนั้น

“ข้าเปล่าเจ้าค่ะ สามีข้าเป็นคนมอบเงินนี้ให้ด้วยตนเอง ข้าไม่ได้ขโมยมานะเจ้าคะ” ฝูฮวนชะงักฝีเท้าเอ่ยปฏิเสธเสียงเรียบ ไม่ได้นอบน้อมแต่ก็ไม่แข็งกระด้าง เพราะนางถือว่าตนเองไม่ได้เป็นบ่าวของจวนตระกูลจ้าวอีกแล้ว

ถึงแม้ว่านางจะยากจน มีสามีเป็นเพียงคนส่งฟืน แต่นางไม่ได้ขโมยเงินมาแน่นอน นางไม่กล้าทำความผิดเป็นแน่

“สามีของเจ้า ชายส่งฟืนนั่นหรือ เป็นแค่คนส่งฟืนจะเอาเงินที่ไหนมาตั้งมากมายให้เพียงพอซื้อเครื่องประดับที่ร้านหงเฟินได้ นี่เจ้าไม่รู้หรือไรว่าเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ราคาต่ำสุดก็ต้องใช้เงินที่ชาวบ้านเช่นเจ้าสามารถอยู่ได้เป็นปี โกหก ดีล่ะ ข้าจะให้เถ้าแก่จับเจ้าส่งทางการ” จ้าวหยางซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยามเหยียดสตรีตรงหน้า

นางเกลียดนางบ่าวคนนี้ยิ่งนัก เนื่องจากตั้งแต่เด็กมาแล้วเป็นเพียงแค่บ่าวแต่ริอาจงดงามเกินหน้าเกินตานาง เพื่อไม่ให้ระคายสายตานางจึงกลั่นแกล้ง ตบตีและลงโทษนางบ่าวคนนี้มาตลอด เพราะไม่สามารถทนมองเห็นใบหน้าที่งดงามนั้นได้ นางถึงกับไม่ให้ฝูฮวนอาบน้ำหลายวันทั้งยังขังไว้ที่ห้องเก็บฟืน งานที่ทำก็เป็นงานหนักเพื่อให้มือนั่นหยาบกร้าน

“แพงถึงเพียงนั้นหรือเจ้าคะ”

ฝูฮวนเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวถึงราคาเครื่องประดับจากอดีตคุณหนูของตนก็ให้ตกใจขึ้นมาบ้างแล้ว นางไม่คิดว่าเครื่องประดับจะราคาแพงขนาดนั้น นางคาดว่าต้องราคาแพงแต่ไม่คิดว่าจะแพงถึงขนาดที่สามารถเอาไว้ใช้เป็นปี

“แพงแล้วอย่างไร ถูกแล้วอย่างไร หากนางต้องการซื้อนางก็สามารถทำได้” หลิวมู่หรงที่ได้ยินการโต้เถียงกันจึงได้เดินมาดู ไม่นึกว่าคู่กรณีของคุณหนูรองจ้าวหยางซูจะกลายเป็นภรรยาของเขาไปเสียได้

หึ! ภรรยาของเขามีเขาคนเดียวที่กลั่นแกล้งได้ ถือดีอย่างไรมาทำให้ภรรยาตัวน้อยอับอายต่อหน้าผู้คน หลิวมู่หรงระงับความโกรธเอ่ยออกไปเสียงเข้ม

จ้าวหยางซูเมื่อได้ยินจึงได้เหลียวหลังกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นคุณชายที่นางหมายตาจึงได้เอ่ยถามด้วยเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจ

“ท่านว่าเช่นไรนะเจ้าคะ”

“เจ้าเคยถามข้าว่าข้าต้องการซื้อเครื่องประดับให้ใครไม่ใช่หรือ ข้าก็กำลังตอบเจ้าอยู่นี่เช่นไรว่า ข้ากำลังหาเครื่องประดับให้นางอยู่” หลิวมู่หรงว่าแล้วก็เดินมาทางที่ฝูฮวนยืนอยู่พร้อมกับโอบเอวภรรยาไว้อย่างแนบชิด

“....”

“นางคือภรรยาของข้า”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ