“เจ้าเป็นใคร เอาเมียข้าไปไว้ที่ไหน”
หลิวมู่หรงตะโกนถามหญิงสาวตรงหน้าเสียงดัง เขารู้สึกตกใจมากที่กลับมาบ้านแล้วภรรยาหายตัวไป ถึงแม้ว่าเวลานี้จะเข้ายามโหย่ว (17.00 – 18.59 น) ก็ตาม แต่เขาก็สามารถแยกแยะความแตกต่างของหญิงตรงหน้าได้
“ท่านพี่หมายถึงอะไรเจ้าคะ ข้าฝูฮวน ภรรยาของท่านพี่อย่างไรเจ้าคะ” ฝูฮวนเหลียวมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นใครคนอื่น นางอนุมานว่าสามีพูดกับตน หญิงสาวจึงชี้มือเข้าหาตนเองพลางเอ่ยออกไป
“โกหก ภรรยาของข้าไม่ได้มีใบหน้างดงามเช่นเจ้า”
“ท่านพี่ข้าคือฝูฮวนจริง ๆ เจ้าค่ะ ที่ข้าเปลี่ยนไปนั่นเพราะอาบน้ำเท่านั้น” เสี่ยวฮวนแอบคิดในใจว่าวันนี้สามีของนางพูดมากเกินปกติ แต่กลับประหลาดยิ่ง
“เอ๋! ท่านพี่จำข้าไม่ได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ” ฝูฮวนเดินเข้าไปใกล้หลิวมู่หรงอีกนิด ฝ่ายชายจึงได้แต่ถอยหลังเล็กน้อย พลางพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งหนึ่ง
อืม มองไปก็คล้ายภรรยาเขาอยู่ไม่น้อย น้ำเสียงแบบนี้ ลักษณะการพูดแบบนี้คงมีแต่ภรรยาของเขาคนเดียวเท่านั้น
“ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น และมันก็มืดมากด้วย ข้ามองไม่ถนัด” หลิวมู่หรงเอ่ยขึ้นข้าง ๆ คู ๆ ฝูฮวนฟังแล้วก็รู้ว่าสามีของนางนั่นกำลังแถ..จนสีข้างถลอกไปหมดแล้ว
“อุ้ยท่านพี่ แต่เมื่อครู่ท่านอุทานเสียงดังมากเลยนะเจ้าคะ เป็นห่วงข้าหรือเจ้าคะ” ฝูฮวนยังไม่วายเอ่ยเย้าสามีเสียงใส
“พูดอะไรของเจ้า เข้าบ้านได้แล้ว” หลิวมู่หรงว่าแล้วก็ก้มลงหยิบห่อเสบียงขึ้นมาเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป ทางด้านฝูฮวนก็ได้แต่ยกยิ้มให้กับความเขินอายของสามี แล้วจึงเดินตามเข้าบ้านไปอีกคน
หลิวมู่หรงเมื่อมาถึงกลางห้องโถงก็ยื่นห่อเสบียงอาหารและข้าวสารให้กับภรรยา ฝูฮวนจึงรับมาก่อนจะนำไปเก็บนางได้เอ่ยบอกสามีไปอย่างอ่อนหวาน
“ท่านพี่ มาเหนื่อย ๆ ท่านไปอาบน้ำให้สบายตัว ข้าจะทำอาหารเย็นไว้รอเจ้าค่ะ”
หลิวมู่หรงพยักหน้าหนึ่งครั้งแล้วเดินแยกตัวจากไป ฝูฮวนจึงเดินไปทำอาหารสำหรับเย็นวันนี้ หลังจากที่สำรวจเสบียงที่สามีซื้อมา ตอนแรกนางตัดสินใจทำเกี๊ยวน้ำหมู แต่ปัญหาคือติดตรงที่เวลาไม่เพียงพอ เพราะสมัยนี้ไม่มีแผ่นเกี๊ยวสำเร็จ ไหนจะต้องนวด ต้องพักแป้งอีก เกี๊ยวน้ำหมูจึงต้องยกไปวันอื่น
แล้วจะทำเมนูอะไรดีละเนี่ย?
มีหมูสับ มีอะไรอีกบ้าง
ระหว่างที่ฝูฮวนตบตีกับความคิดของตนเอง สายตาก็ปะทะเข้ากับบ๊วยดอง นางจึงตัดสินใจทำมื้อเย็นเป็นผัดผักกับหมูสับต้มบ๊วย รายการอาหารแต้จิ๋วที่วัตถุดิบและขั้นตอนวิธีการทำที่แสนง่าย ที่สำคัญใช้เวลาไม่นานด้วย
คิดได้ดังนั้นฝูฮวนจึงได้ลงมือทำหมูสับต้มบ๊วยทันที
ขั้นตอนแรกฝูฮวนนำหมูมาล้างให้สะอาด นำมาสับให้พอหยาบไม่ต้องละเอียดมาก แกะเอาบ๊วยเค็มมาหนึ่งลูกสับผสมลงไปในหมู ด้วยบ๊วยมีรสเค็มอยู่แล้วจึงไม่ต้องเติมเกลือ หลังจากนั้นนำหมูที่สับและผสมบ๊วยแล้วนำไปบี้ลงในหม้อที่มีน้ำเติมลงไปพอประมาณ
เสร็จแล้วจึงได้นำไปตั้งไฟต้มให้เดือด ปิดฝาหม้อไว้ พอเดือดแล้วจึงเปิดฝาหม้อ
“โอ๊ะ ร้อน ๆ ”
ฝูฮวนบ่นขณะที่ใช้ผ้าจับฝาหม้อออก นางหันไปตักเอาฟองออกทิ้ง ลดไฟลงหน่อยเหลือไฟกลาง นำเห็ดหอมที่แช่น้ำไว้ระหว่างรอน้ำเดือดและเม็ดเก๋ากี้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานอีกนิดหน่อยเพื่อตัดรสเค็มของบ๊วยลงไปต้มด้วยในขั้นตอนนี้ ต้มต่อไปจนเห็ดสุก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย
เมื่อชิมดูปรากฏว่า
“โห้ ถ้าได้ผงปรุงรสสักหน่อย แจ่มเลย”
ฝูฮวนจัดการใส่นั่นเติมนี่อีกนิดหน่อยหมูสับต้มบ๊วยก็พร้อมกิน ระหว่างนั้นนางก็ทำผัดผัก หุงข้าวไปด้วยกัน อาหารสำหรับวันนี้จึงเสร็จห่างกันไม่นาน
ว่าด้วยเรื่องความสามารถในการทำอาหารของมานีรัตน์ ต้องขอบคุณซีรีส์จีนทั้งหลายแหล่ที่นางได้ดูจนอินถึงขนาดไปเรียนทำอาหาร บางครั้งความบ้าอะไรสักอย่างมันก็เป็นผลดีไม่น้อย ประจวบกับต้องทำงานกับทีมที่มีแต่ผู้ชาย เมื่อไปออกแคมป์ก็เป็นนางที่ต้องรับหน้าที่ทำอาหาร ทำกับแกล้มเหล้า ฝึกไปหลายปีจากความไม่คล่องมันก็เลยกลายเป็นความสามารถพิเศษไปเสียได้ โดยเฉพาะการก่อไฟปิ้งย่างตอนเข้าแคมป์
เนื้อย่างกินกับแกล้มเหล้าก็เป็นเมนูโปรดของทุกคนเชียวละ ด้วยร่างนี้เป็นบ่าวที่คุณหนูรองรังเกียจและเป็นหมอนไว้รองมือรองเท้าของเจ้านาย บ่าวด้วยกันจึงถือโอกาสเอารัดเอาเปรียบ งานอะไรที่หนักและไม่สบายตัวก็เป็นฝูฮวนที่ต้องรับผิดชอบไป อย่างเช่นงานหาบน้ำซึ่งมันก็หนักมาก
ป้าจูจึงมักจะใช้ให้ร่างนี้ก่อไฟ ดูเตาไฟในระหว่างที่ทำอาหาร งานหน้าเตา ทั้งร้อนทั้งผิวแห้งไม่มีบ่าวสาวคนไหนอย่างเข้าใกล้ แต่ป้าจูเห็นว่าร้อนก็ยังดีกว่าหาบน้ำเป็นไหน ๆ
ฝูฮวนได้ยินเสียงกุกกักข้างนอกจึงอนุมานว่าสามีของตนเองคงอาบน้ำเสร็จแล้ว ทุกคนไปอาบน้ำที่ลำธารได้เพราะยังไม่เข้าฤดูหนาว อากาศกำลังเย็นสบาย แต่ตอนกลางวันก็ร้อนอบอ้าวกว่าปกติเล็กน้อยเพียงเท่านั้น ภรรยาที่ดีจึงได้ทยอยยกสำรับอาหารออกมาวางไว้กลางโต๊ะกินข้าว เมื่อฝูฮวนวางจานผัดผักไว้เป็นสิ่งสุดท้าย
หลิวมู่หรงก็เดินมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำที่ของตนเอง ฝูฮวนจึงนั่งลงบ้างพลางตักข้าวใส่ถ้วยยื่นส่งให้สามี
“ท่านพี่ เหตุใดจึงอาบน้ำนานเจ้าคะ ข้าเข้าครัวเป็นชั่วยามท่านพี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ” ฝูฮวนเกิดความสงสัย เพราะไม่คิดว่าสามีของตนเองจะเจ้าสำอางขนาดนั้น โดยหารู้ไม่ว่าหลิวมู่หรงปรึกษาหารือและคุยเรื่องสำคัญกับเฉินคุนอยู่
“ข้าขัดขี้ไคลเลยใช้เวลานาน วันนี้อากาศร้อนต้องทำงานกลางแดดทั้งวัน ว่าแต่เจ้าเถอะ วันนี้ทำอาหารอะไรหรือ หน้าตาใช้ได้” หลิวมู่หรงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีเมื่อถูกภรรยาสอบถามด้วยความสงสัย
ทางด้านฝูฮวนเมื่อสามีบอกว่าอาหารของตนเองน่ากิน จึงได้ลืมสิ่งที่ถามและยิ้มส่งให้กับหลิวมู่หรงพร้อมกับอธิบายเสียงสดใส
“ผัดผักกับหมูสับต้มบ๊วยเจ้าค่ะ ท่านพี่ลองซดดูสิเจ้าคะ รสชาติจะออกหวาน ๆ เค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ ทำงานมาเหนื่อย ๆ จะช่วยทำให้สดชื่นเจ้าค่ะ” ฝูฮวนว่าแล้วก็ตักหมูสับต้มบ๊วยใส่ถ้วยเล็ก ๆ ส่งให้สามี
หลิวมู่หรงยื่นมือออกไปรับก่อนจะตักชิมไปคำหนึ่ง
“อร่อย”
“ถ้าอร่อย ท่านพี่ต้องกินให้มาก ๆ นะเจ้าคะ” ฝูฮวนเมื่อถูกเอ่ยชมก็ยิ้มรับด้วยความดีใจ
“ไม่นึกว่าเจ้าจะมีฝีมือทำอาหารได้จริงตามที่บอกไว้” หลิวมู่หรงในตอนแรกที่ภรรยาขอร้องให้แต่งนางมาเป็นภรรยา เพื่อช่วยดูแลบ้าน ไม่คิดว่านางจะทำได้จริง ๆ เพราะวันนี้เขากลับบ้านมาบ้านดูสะอาดสะอ้านคล้ายกับบ้านขึ้นมาจริง ๆ อาหารที่นางทำก็อร่อย ทำให้เขาเจริญอาหารยิ่งนัก
ปกติแล้วด้วยทำงานเป็นหน่วยสืบข่าวชีวิตไม่ได้สบายดั่งขุนนางทั่วไป เพราะต้องปลอมแปลงเป็นหลายสถานะ ขอทานเขาก็ยังเคยเป็นมาแล้ว
“ท่านพี่เจ้าคะ ข้าบอกท่านว่าให้ซื้ออาหารและเสบียงมาไว้ที่บ้านแต่ท่านก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อข้าวสารเม็ด เนื้อ และเครื่องปรุงอย่างดีนะเจ้าคะ เงินที่มีเราต้องรู้จักเก็บเอาไว้ใช้ในยามเดือดร้อน อาหารกินไม่ต้องดีมากก็ได้เจ้าค่ะ ดังนั้นข้าจึงไม่อยากเป็นภาระมากไปกว่านี้เจ้าค่ะ”
ฝูฮวนเอ่ยเตือนสามีไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นางจงใจพูดพร้อมกับสบตาอีกฝ่ายเพื่อให้เขารู้ว่านางนั้นไม่ได้ดูถูกเขา เพียงแต่เงินทองหายาก อาชีพคนส่งฟืนจะมีเงินมากแค่ไหนกันเชียว ดูจากสภาพบ้านที่ไม่รู้จะผ่านเหมันต์ฤดูที่จะถึงนี้ได้หรือเปล่าก่อน
แล้วเสบียงอาหารที่ชายหนุ่มเอากลับมาบ้านก็มีแต่ของดีทั้งนั้น ข้าวก็เป็นเม็ดสวย ทั้งเนื้อ ผัก เครื่องปรุง สาบานได้เลยว่าร่างเก่านี้ไม่เคยได้กินข้าวเม็ดสวยแน่ ๆ
“เราต้องเก็บเงินไว้ซ่อมบ้านก่อนเหมันต์จะมาเยือนอีกนะเจ้าคะ วันพรุ่งนี้ข้าจะไปช่วยท่านพี่ตัดฟืนเจ้าค่ะ”
“ข้าเป็นสามี เลี้ยงดูภรรยาเป็นหน้าที่ของผู้นำครอบครัว ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงแค่ชายส่งฟืน แต่แค่เลี้ยงดูภรรยาเพียงคนเดียวไม่ใช่เรื่องหนักหนาอันใด นี่เป็นเงินจำนวนหนึ่ง จงเก็บไว้ใช้ในการดูแลเรือนเถิด” หลิวมู่หรงว่าแล้วก็ล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเงินมาให้ฝูฮวนถุงใหญ่
“ท่านพี่ หนักมากเลยเจ้าค่ะ ท่านพี่ได้มาจากการขายฟืนหรือเจ้าคะ”
ฝูฮวนเปิดปากถุงออกดูจึงเห็นเงินจำนวนมาก มากชนิดที่ว่าร่างเก่านี้คงไม่เคยเห็นมาก่อน
“ท่านพี่ ถ้ามีมากเช่นนี้ ข้าว่าเราเอามาปรับปรุงบ้านแล้วหาสาวใช้สักคนดีหรือไม่เจ้าคะ” ฝูฮวนเอ่ยถามตาใส
“เป็นความคิดที่ดี ข้าจะจ้างสาวใช้แล้วยกเลิกสัญญาแต่งงาน แล้วส่งเจ้าคืนให้จวนตระกูลจ้าวดีหรือไม่” หลิวมู่หรงตีหน้าเคร่งน้ำเสียงเข้มเอ่ยถามหน้าตาย
“โอะ! มะ ไม่ดีเจ้าค่ะ แค่เพียงล้อเล่นเท่านั้น ข้าสัญญาว่าจะใช้เงินนี้อย่างดีเจ้าค่ะ” ฝูฮวนรีบยกไม้ยกมือ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?