ตอนที่ 12 เจอโจทก์เก่า

หลิวมู่หรงหลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถือขวานลากรถลากเสมือนเข้าไปไปตัดฟืนเหมือนเช่นทุกวัน แต่ความจริงแล้วเขากลับไปที่บ้านของตนเอง ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านส่วนตัวที่ไม่ใช่จวนหลักที่เขาอาศัยอยู่กับบิดา เป็นบ้านสำหรับใช้ในการทำงาน เขาจัดการอาบน้ำแต่งตัว โกนหนวดเคราออกจนปรากฏเป็นคุณชายรูปงาม สวมชุดผ้าไหมสีดำขาวเนื้อดี ทั้งยังห้อยหยกพกที่เอวด้วย

หลังจากที่มั่นใจว่าตนเองรูปงามพอแล้ว หลิวมู่หรงจึงมุ่งหน้าไปยังร้านเครื่องประดับที่อยู่ในตลาด วันนี้เขาตั้งใจจะหาซื้อปิ่นหยกสักอันสำหรับมอบให้ภรรยาบ่าว ระยะเวลาที่ผ่านมาหนึ่งเดือนของการใช้ชีวิตคู่ในฐานะคนส่งฟืน การที่มีภรรยามาคอยเอ่ยถามเจื้อยแจ้ว ได้กินอาหารอร่อยทุกวัน ตอนกลางคืนก็ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มที่ตอนนี้ไม่ได้ผอมแห้งก้างเหมือนคราแรกที่เห็นแล้ว

ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา ทว่ามันกลับสร้างความสุขให้เขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลิวมู่หรงจึงคิดว่าการมีฮูหยิน ชีวิตแต่งงานก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ เขาจึงอยากจะเปิดเผยตนเองให้กับภรรยาทราบว่าเขานั้นไม่ได้ยากจน เขามีเงินทองมากมายและถือโอกาสแต่งงานมาครบหนึ่งเดือนสำหรับการเปิดเผยเรื่องราว หลิวมู่หรงหวังว่าปิ่นหยกที่จะมอบให้นางในวันนี้คงทำให้นางไม่หย่ากับเขาเมื่อครบหนึ่งปีแล้ว

ณ ร้านเครื่องประดับ หลิวมู่หรงกำลังยืนฟังเถ้าแก่เนี้ยเอ่ยแนะนำปิ่นหยกอยู่ด้วยความตั้งใจ

“โอ๊ะ! ขออภัยคุณชายเจ้าค่ะ” จ้าวหยางซูรีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใส เมื่อนางแสร้งทำทีเป็นเลือกซื้อเครื่องประดับแล้วบังเอิญว่านางกำลังจะหยิบปิ่นหยกอันเดียวกับหลิวมู่หรงที่กำลังเลือกซื้อปิ่นให้กับฝูฮวนเช่นกัน

“ไม่เป็นไร ข้าต้องขออภัยแม่นางด้วยเช่นกัน” หลิวมู่หรงเมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเอ่ยเสียงเรียบ พลางผายมือให้คุณหนูตรงหน้าเลือกก่อน ส่วนตัวเขาเตรียมตัวผละไปยังที่อื่น เดือดร้อนให้จ้าวหยางซูต้องรีบเอ่ยเรียกขึ้นอย่างเร็ว

“คุณชาย ไม่ทราบว่าคุณชายพอมีเวลาว่างช่วยข้าเลือกปิ่นสักชิ้นได้หรือไม่เจ้าคะ” จ้าวหยางซูเอ่ยถามขึ้นพลางหลบสายตาลงด้วยความเขินอาย

สาเหตุที่ทำให้จ้าวหยางซูต้องรีบเอ่ยเช่นนี้เนื่องจากในพิธีปักปิ่นของนาง องค์รัชทายาทเสด็จมาร่วมงานด้วย นางนั้นพึงใจในตัวขององค์รัชทายาทและต้องการจะเข้าไปแทนที่พี่สาวอย่างจ้าวหยางซิน แต่ติดตรงที่ถูกบิดาเอ่ยขัดอย่างเข้มงวด และนางก็เห็นว่านางยั่วยวนเช่นไรองค์รัชทายาทก็หาสนใจตนเองไม่

ในเมื่อไม่สามารถแย่งชะตารักจากพี่สาวได้ จ้าวหยางซูจึงอยากจะหาที่หมายใหม่ วันนี้นางอารมณ์ไม่ดีจึงได้ออกมาเดินตลาดจนได้มาเจอกับชายหนุ่มคนหนึ่ง เขารูปร่างสง่างาม บางทีอาจจะเทียบเท่าหรือมากกว่าองค์รัชทายาทอีกด้วย

จุดที่หลิวมู่หรงเลือกซื้อเครื่องประดับนั้นล้วนเป็นชุดที่แม้แต่นางก็ไม่สามารถจับจ่ายใช้สอยได้อย่างคล่องมือ ยิ่งเห็นเถ้าแก่เนี้ยต้อนรับอย่างนอบน้อมยิ่งทำให้จ้าวหยางซูมั่นใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องไม่ใช่คุณชายธรรมดา หากนางได้แต่งออกไปให้เขาชีวิตของนางก็ย่อมสุขสบายเป็นแน่

“ต้องขออภัยคุณหนูท่านนี้แล้ว ข้าต้องรีบซื้อเครื่องประดับคิดว่าคงไม่มีเวลาว่างมากพอช่วยเหลือคุณหนูได้ เช่นไรเถ้าแก่เนี้ยคงทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่าข้าเป็นแน่” หลิวมู่หรงเอ่ยปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ข้าชื่อจ้าวหยางซู เป็นคุณหนูรองจวนเสนาบดีกรมการคลัง แล้วท่านเล่ามีนามว่าอะไร แล้วท่านมาซื้อเครื่องประดับให้ใครหรือเจ้าคะ” จ้าว หยางซูไม่เปิดโอกาสให้หลิวมู่หรงเอ่ยปฏิเสธตนเองจึงรีบต่อบทสนทนาเรื่องอื่นขึ้นมาทันที

คำถามที่ได้รับทำให้หลิวมู่หรงถึงกับขมวดคิ้วมุ่น คุณหนูรองคนนี้ราวกับมัดมือชกเขา เขาจะซื้อเครื่องประดับให้ใครแล้วเกี่ยวอะไรกับนางด้วย

“ต้องขออภัยคุณหนูท่านนี้ข้าต้องไปแล้ว” หลิวมู่หรงว่าแล้วก็พยักหน้าให้เถ้าแก่เนี้ยไปหนึ่งครั้งแล้วผละเดินจากไปยังจุดอื่น

ส่งผลให้จ้าวหยางซูถึงกับโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาภาพลักษณ์นางคงได้อาละวาดไปแล้ว สาวใช้ที่ติดตามก็ได้แต่หวาดหวั่นว่าตนเองอาจจะต้องโดนลูกหลงเป็นที่รองรับอารมณ์คุณหนูรองคนนี้อีกเป็นแน่

ทางด้านฝูฮวนเมื่อเก็บกวาดห้องครัวในบ้านแล้วก็ถือตะกร้าไม้ไผ่แบกขึ้นหลังเข้าป่าไปเช่นกัน นางไม่ได้ไปกับสามีเพราะป่าที่นางไปเป็นแค่ชายป่าใกล้บ้านนี่เอง

ต้องยกความดีความชอบให้กับนางที่อยากจะเป็นเหมือนนางเอกในซีรีส์จีนที่พอทะลุมิติเข้าไปในนิยายเกือบทุกเรื่องต้องเข้าไปในป่า อาจจะเจอโสมราคาแพงหรือว่าเจอของดีต่าง ๆ ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เจอโสมคนเหมือนในหนัง แต่ก็เจอของดีนั่นคือใบหม่อนและเบอรี่ป่า

ฝูฮวนหวนคิดถึงน้ำปรุงรสนัวที่ปัจจุบันคนสนใจหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ทดลองผิดลองถูกมาเกือบเดือน หมดใบหม่อนกับเบอรี่ป่าไปหลายกระบุง ฝูฮวนก็ได้น้ำปรุงรสที่พอใจมาไว้ใช้ในครัวเรือนของตนเอง ถึงแม้ว่ารสชาติจะไม่ได้เป๊ะ ๆ แต่ก็ใกล้เคียงกันแค่นี้นางก็พอใจมากแล้ว

ฝูฮวนหมักน้ำปรุงรสจากใบหม่อนกับเบอรี่ป่าไว้หลายไห นางมีความคิดที่จะเอาน้ำหมักนี้ไปขายให้กับพวกเศรษฐีหรือจวนขุนนาง รวมทั้งร้านอาหารชื่อดังด้วย อย่างน้อยก็เป็นวิธีหาเงินเพื่อช่วยเหลือสามีทางหนึ่งเช่นกัน

การทำน้ำหมักนั้นไม่ยาก เพียงนำใบหม่อน เบอรี่ป่า ถั่วเหลืองต้มสุก น้ำตาลและเกลือ ในอัตราส่วนที่เหมาะสมตามที่ได้ทดลองทำมาแล้ว นำไปหมักยิ่งนานจะยิ่งได้รสชาติที่ดี แต่ถ้ารีบใช้สิบห้าวันก็เพียงพอแล้ว

“เฮ้อ เสร็จสักที งานบ้านเสร็จเรียบร้อย เสบียงก็ใกล้หมด งั้นเราไปตลาดดีกว่า”

ฝูฮวนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อนางจัดการทำน้ำหมักปรุงรสเสร็จแล้ว ในเมื่อไม่มีอะไรให้ทำรวมทั้งเสบียงเริ่มหมด นางจึงตัดสินใจจะไปตลาดคนเดียว เพราะว่าตอนกลางวันสามีนางไปตัดฟืนนั่นเอง

บ้านของฝูฮวนนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ในเมืองหลวงแต่ก็ห่างออกมานอกเมืองไกลพอสมควร นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ไปตลาดเพื่อหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ ปกติแล้วสามีนางจะเป็นคนซื้อเสบียงเข้าบ้าน แต่วันนี้ฝูฮวนต้องการไปเดินชมบรรยากาศตลาดของยุคสมัยโบราณว่ามันจะเหมือนกับในซีรีส์ที่ตนเองคลั่งไคล้หรือไม่

“มีโอกาสหลุดมาในนิยายทั้งที ไม่ออกไปเดินชมให้เห็นกับตาก็ปัญญาอ่อนแล้ว หึ! ถ้าไม่ติดว่าต้องหนีตายให้ได้ก่อนนะ นังหวานแอบไปเดินตลาดนานแล้ว” ฝูฮวนเปรยกับตนเองระหว่างเดินไปตลาด นางไม่ได้ขึ้นเกวียนรับจ้างเพราะสามารถเดินไปเองได้ แต่ถ้าขากลับมีของเยอะจึงจะจ้างเกวียนรับจ้างให้มาส่งที่บ้าน

“โห ตอนขามาเมื่อเดือนก่อนก็ว่าไม่ไกลนะ แต่ทำไมวันนี้มันไกลจังละเนี่ย” ฝูฮวนบ่นขึ้นมาพลางยกมือขึ้นพัดใบหน้าเพื่อคลายร้อน ถึงแม้ว่ายังไม่เข้าฤดูหนาวแต่เมื่อต้องเดินเกือบชั่วยามก็เล่นเอาลิ้นห้อยเหมือนกัน

“หนเดียวพอนะนังหวาน ต่อไปไม่เอาแล้ว” ฝูฮวนบ่นให้กับความอยากรู้อยากเห็นของตนเองก่อนจะกัดฟันเดินต่อไป

“โห้ ไม่เสียแรงที่เดินมาตั้งไกล” ฝูฮวนอุทานขึ้นเมื่อตอนนี้ตนเองเดินเข้ามาในตลาดที่เป็นแหล่งซื้อขายของกินของใช้มากมาย บรรยากาศตามที่เห็นในทีวีกลับเข้ามาในหัวของหญิงสาวอีกครั้ง

เสียงพ่อค้าแม่ค้าร้องเรียกเชื้อเชิญให้ลูกค้ามาดูสินค้าของตนเอง เสียงเด็กร้องไห้งอแงจะเอาขนมหวาน หรือแม่แต่เสียงกลองที่มีการแสดงต่าง ๆ คนจากยุคสองพันถึงกับเหลียวซ้ายแลขวา วิ่งไปทางนั้นทีทางโน้นที มือข้างซ้ายถือถังหูลู่ มือข้างขวากำลังกัดขนมเปี๊ยะ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ยิ้มให้ไปเสียทุกคน

“โห้! น้ำตาลปั้นเอย ถังหูลู่เอย ของจริงทั้งนั้น สมใจนังหวานแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฝูฮวนเอ่ยกับตนเองเสียงใส

การกระทำของฝูฮวนถึงกับทำให้เฉินคุนที่เป็นองครักษ์ที่หลิวมู่หรงวางไว้สำหรับคอยคุ้มกันภรรยาอย่างลับ ๆ ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ

สรุปแล้วฮูหยินของหัวหน้านางเป็นคนเช่นไรกันแน่

“เอ๊ะ! ร้านเครื่องประดับ วันนี้ครบรอบแต่งงานหนึ่งเดือนนี่นา เรากับท่านพี่ยังไม่มีของแทนใจกันเลย อืมเอาไงดี เงินนี้ก็ต้องเอาไว้ซ่อมบ้านและซื้อเสบียง แต่ว่าของแทนใจก็สำคัญ จะให้มานั่งปักผ้าเหมือนในทีวีคงไม่ไหว แต่ถ้าเป็นแหวนวงเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องแพงมากน่าจะพอได้ไหมนะ ใช่แล้ว ถ้าน้ำปรุงรสหมักได้ที่ค่อยเอามาขาย ถึงตอนนั้นค่อยเอาเงินมาคืนก็ได้” หลังจากที่ตบตีกับความคิดของตนเองแล้วฝูฮวนก็ได้ข้อสรุป นางจึงเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับหวังเพียงอยากหาของแทนใจให้สามีกำมะลอ (ที่อยากให้เป็นตัวจริง จึงลงทุนเช่นนี้) สักชิ้น

ฝูฮวนเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ แต่ยังก้าวไม่ผ่านประตูของร้านก็บังเอิญเดินชนกับใครบางคน

“โอ๊ะ! ขออภัยเจ้าค่ะ” ฝูฮวนรีบเอ่ยขอโทษออกไป

“เจ้าคนชั้นต่ำ บังอาจเดินชนข้าหรือ” จ้าวหยางซูที่โมโหให้หลิวมู่หรงก่อนหน้านี้แล้ว ยังมาถูกคนเดินชนจึงยิ่งไม่สามารถเก็บกดอารมณ์ตนเองไว้ได้จึงได้ตะคอกออกไป

“คุณหนูรอง” ฝูฮวนอุทานออกมาเสียงสั่น

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ