ตอนที่ 3 ส่งฟืนตอนดึกนี่นะ

วันแรกของชีวิตฝูฮวนทำให้มานีรัตน์ถึงกับเหนื่อยสายตัวแทบขาดการทำงานให้บริษัทกับทีมอาทิตย์ว่าสุด ๆ แล้ว มาเจอสถานะบ่าวที่ต้องตักน้ำทั้งวันสุดยิ่งกว่า ตอนนี้หญิงสาวคิดถึงจอยเกมส์ คิดถึงทีม คิดถึงการทำงานในยุคที่จากมาจนสุดหัวใจ

“ชีวิตนังหวานจะรอดไปถึงพรุ่งนี้ไหมเนี่ย”

ฝูฮวนเปรยออกมากับตนเอง วันนี้หลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วนางก็ยังคงต้องมานอนอยู่ที่ห้องเก็บฟืนอีกแล้ว ทำงานหนักอย่างกับกระบือแต่กลับได้กินข้าวต้มเละ ๆ แค่มื้อเดียว บวกกับเพิ่งฟื้นตัวจากการที่หัวกระแทกทำให้ฝูฮวนตอนนี้กำลังนอนกุมท้องที่ไม่รักดี ส่งเสียงก่อกบฏกับร่างกายจนนอนไม่หลับ ทั้งที่เหนื่อยจากการตักน้ำมาตลอดทั้งวัน

โครก คราก

“รู้แล้ว รู้แล้ว อย่าได้ก่อกบฏตอนนี้เชียว ข้าไม่มีปัญญาหาอาหารมาเติมให้พวกเจ้าได้สวาปามนะ”

ฝูฮวนเอ่ยกับท้องตนเองพลางใช้มือลูบท้องไปมาป้อย ๆ แต่จนแล้วจนรอดท้องก็ร้องไม่หยุด รวมทั้งตนเองก็หิวมากด้วย ความหิวมันทำให้คนโกรธและเป็นบ้าได้

ซึ่งไม่ต่างกันกับความคิดของฝูฮวนในตอนนี้แม้แต่น้อย เพราะในค่ำคืนเดือนสว่างเช่นนี้ ถึงกับมีหญิงสาวนางหนึ่งกำลังปีนออกจากห้องเก็บฟืนผ่านทางช่องระบายลม

ต้องขอบคุณความห้าวของตนเอง ในไม่ช้าฝูฮวนก็สามารถปีนขึ้นมานั่งอยู่บนขื่อของห้องเก็บฟืนได้ ห้องนี้ไม่ได้สูงอะไรมากมาย การป้องกันก็ไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น ทำให้ฝูฮวนปีนลงมาจากผนังโดยเอาหน้าหันเข้ากับผนังห้องแล้วใช้มือเกาะขอบตามผนังห้องไว้

“โอะ โอ้ย กะ...”

เสียงแรกเป็นเสียงร้องตกใจของฝูฮวน นางกำลังจะกรีดร้องออกมาก็สำนึกได้ว่าตนเองกำลังปีนหนีออกมาจากห้องเก็บฟืนอยู่ เสียงกรี๊ดจึงถูกเก็บเอาไว้กลางฝ่ามือ

ฝูฮวนตกลงมาถึงพื้น นางรับรู้ได้ว่าตนเองทับร่างของใครบางคนอยู่ เมื่อใช้มือปิดปากตนเองไว้ ทำให้ไม่มีมือส่วนไหนที่พยุงร่างตนเอง ผลปรากฎว่าใบหน้าของนางอยู่ห่างจากคนร่างหนาเพียงแค่ลมหายใจกั้นเท่านั้น

เมื่อฝูฮวนตั้งสติได้ก็จำได้ว่าชายคนที่เป็นเบาะรองให้นางอยู่เป็นชายส่งฟืนคนเมื่อเช้า นางจึงค่อยเบาใจ แต่พอเห็นว่าคนตัวโตกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกมา นางจึงรีบเอ่ยออกไป

“จะ...เจ้า อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าเพิ่งโกรธสิ ใครจะคิดว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วจะมีคนอยู่ข้างล่าง เจ้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะหล่นลงมา ส่วนข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ตรงนี้ ต่างคนต่างไม่รู้ ดังนั้นไม่มีใครถูกใครผิด เข้าใจ๋?”

ฝูฮวนยกมือห้ามชายตรงหน้า พลางร่ายยาวออกมาตามความคิดของตนเองก่อนจะยกมือทำเป็นรูปตัวโอ เหมือนกับคำว่า OK

ทางด้านของอามู่ชายส่งฟืนกำลังพิจารณาฝูฮวนพลางคิดในใจว่านี่เขากำลังคุยกับหญิงบ้าสติไม่ดีหรอกหรือ หน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังสติไม่ดีอีก นางช่างน่าสงสารยิ่งนัก แต่ก็ยังคงทำหน้านิ่งเอ่ยเสียงเข้มออกมา

“ออกไป”

ฝูฮวนได้ยินดังนั้นจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองนอนทับชายส่งฟืนอยู่ จึงรีบตะเกียกตะกายปีนลงจากร่างของเขาแต่โดยดี แล้วไปยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างสงบเสงี่ยม ถึงแม้ว่าจะมาจากยุค 5G แต่นางก็ไม่เคยได้สัมผัสร่างกายผู้ชายอย่างใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน

อามู่ หลังจากที่หญิงสาวลุกออกจากตัวเขาไปแล้ว เขาจึงลุกขึ้นบ้าง พลางปัดฝุ่นที่อยู่ตามตัวออก

ชิ! ทำท่าทางรังเกียจฝุ่นเสียเต็มประดา แต่ไม่ได้ดูหนังหน้าตนเองเลย ฝูฮวนบ่นเบา ๆ ในใจเมื่อเห็นการกระทำของชายส่งฟืนที่ขัดกับภาพลักษณ์ตรงหน้ามาก

“นี่ เจ้าน่ะ ดึกดื่นป่านนี้แล้วมาทำอะไรหรือ”

“ข้ามาส่งฟืน เจ้าไม่เห็นหรือ” อามู่เอ่ยตอบพลางชี้มือไปยังฟืนหอบหนึ่งที่หล่นอยู่บนพื้นไม่ไกลจากที่ทั้งสองคนยืนอยู่มากนัก

“อ๋อ เป็นเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อนนะ” ฝูฮวนร้องรับอย่างเข้าใจ พลางเอ่ยขอตัวเพื่อจากไปทันที

น่าสงสัยยิ่งนัก อามู่คิดพลางมองหญิงบ่าวจวนนี้ไปอย่างไม่คลาดสายตา

ทางด้านฝูฮวนเมื่อเดินจากมาจึงตรงดิ่งไปยังห้องครัว นางฉลาดพอที่จะไม่เข้าไปอย่างกระโตกกระตาก เมื่อมองลู่ทางทุกอย่างเสร็จแล้ว ปรากฏว่าไม่มีบ่าวแม้แต่คนเดียวที่ห้องครัว ฝูฮวนจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

พลางเปิดประตูเข้าไปในห้องครัว นางถึงกับลงทุนไปที่เก็บเสบียงเพื่อดูอาหารที่เหลือ โชคดีมีอาหารที่เย็นชืดอยู่ในหม้อนึ่งสามสี่จาน

ด้วยความหิวถึงแม้มันจะเย็นไปหน่อยแต่ฝูฮวนก็ไม่บ่น เพราะมีกินก็ยังดีกว่าอดตาย จะให้นางก่อไฟทำอาหารก็คงได้ปลุกให้ทุกคนในจวนออกมาจับนางไปโบยตายสิไม่ว่า

ระหว่างที่กำลังจัดแจงเอาอาหารออกมาจากหม้อนึ่งและนั่งลงตรงโต๊ะสำหรับเตรียมวัตถุดิบที่อยู่กลางห้องครัวใหญ่ เสียงฝีเท้าที่เดินตรงมาทำให้หัวขโมยจำเป็นต้องเงยหน้าออกไปมอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จุดตะเกียงแต่แสงจันทราก็ส่องเข้ามาให้พอเห็นใบหน้าได้ ก่อนจะพลูลมหายใจอย่างโล่งอก เพราะเป็นชายส่งฟืนที่เป็นผู้เดินเข้ามา

“โธ่ เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่ นึกว่าหทารเดินยามเสียอีก แล้วเจ้ามาที่ห้องครัวด้วยเหตุใดหรือ” ฝูฮวนเอ่ยตำหนิชายส่งฟืนออกไปเบา ๆ พลางยกมือลูบหน้าอกตนเองอยู่สองสามที

“หรือว่าเจ้าหิว มา ๆ มานั่งตรงนี้ เดี๋ยวข้าจะแบ่งอาหารให้ มันเย็นหน่อยนะแต่ทว่าก็เป็นของดีทั้งนั้น” ฝูฮวนว่าแล้วก็ตบลงไปยังเก้าอี้ ข้าง ๆ ตนเอง

อามู่ได้ยินดังนั้นจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ บ่าวตัวน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เสี่ยวฮวนเมื่อเห็นว่าชายส่งฟืนนั่งลงดีแล้วจึงลุกขึ้นไปหยิบจาน จัดอาหารในหม้อนึ่งสองสามอย่างใส่ลงบนจาน ก่อนจะถือกลับมาวางไว้ตรงหน้าชายส่งฟืนอย่างเบามือ

“อย่างที่ข้าบอกไป มันเย็นหน่อยนะ ความจริงแล้วข้าทำอาหารได้ ข้าทำอาหารอร่อยด้วยนะ แต่ถ้าหากข้าจุดไฟทำอาหารละก็ทหารเดินยามต้องเดินมาตรวจดูเป็นแน่ เช่นนั้นก็ทนกินอาหารเย็นชืดไปก่อนนะ”

หลังกล่าวจบทั้งยังอวยตนเองไปอีกนิดหน่อยฝูฮวนก็นั่งลง ใช้ตะเกียบคีบอาหารในจานของตนเองกินต่อไปด้วยความเอร็ดอร่อย

“อืม ไม่นึกว่าจวนนี้จะมีของดีทั้งนั้น ต้องรีบกินตุนไว้ ไม่รู้จะได้กินอีกทีเมื่อไร เจ้าก็ด้วย รีบกินเร็วเข้า” เสี่ยวฮวนเอ่ยขึ้นมากับตนเอง พลางใช้ตะเกียบเคาะไปที่จานข้าวของอามู่

ชายส่งฟืนได้ยินดังนั่นจึงได้เพิ่มความเร็วในการคีบอาหารเข้าปากเพิ่ม เพียงไม่นานหญิงหนึ่งชายหนึ่งก็อิ่มจนพุงแปล้ อาหารที่อยู่ในหม้อนึ่งหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่จานเดียว

“กินหมดจานเช่นนี้ อร่อยล่ะสิ” ฝูฮวนเมื่อกินเสร็จแล้วนางจึงวางตะเกียบลงและเอ่ยถามคนร่วมกินมื้ออาหารคืนนี้ออกไป แต่ก็จนใจด้วยไร้เสียงอันใดเอ่ยตอบกลับมา

นอกจะไม่ตอบแล้ว เขายังลุกขึ้นเดินตรงออกไปจากห้องครัวโดยไม่พูดไม่จาอันใดแม้เพียงหนึ่งคำ

“ดะ...เดี๋ยวเจ้าน่ะ กินอาหารไปตั้งมากต้องตอบแทนข้ารู้ไหม เจ้ารอข้าสักครู่” ฝูฮวนเมื่อเห็นว่าคนส่งฟืนกำลังเดินออกจากห้องครัวไปก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองจะปีนกลับเข้าห้องเก็บฟืนยังไง มันไม่มีบันไดจึงได้เรียกชายส่งฟืนเอาไว้

ทางด้านอามู่เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกจึงได้ชะงักฝีเท้าหันกลับมาพลางทำสีหน้าเป็นคำถาม

“เจ้ารอข้าที่นี่สักครู่”

เสี่ยวฮวนไม่ตอบเพียงสั่งออกไปแบบนี้ แล้วรีบเก็บกวาดห้องครัว ล้างจานให้เรียบร้อย ไม่ถึงครึ่งจิบชานางก็ลากชายตัดฟืนมายืนอยู่ที่ตรงทางที่นางปีนออกมา

“ข้าปีนกลับขึ้นไปไม่ได้ เจ้าช่วยนั่งลงหน่อยข้าจะเหยียบบ่าเจ้าปีนขึ้นไป” เสี่ยวฮวนว่าแล้วก็บังคับกดชายร่างหนาตรงหน้า แต่ก็จนใจเมื่อขนาดร่างกายของนางนั้นแค่เพียงครึ่งเดียวของเขาเท่านั้น

“ข้าขอร้องเจ้า ช่วยข้าหน่อย”

เสี่ยวฮวนเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงวิงวอน อามู่ได้ยินเช่นนั้นจึงคิดในใจ เห็นแก่เจ้าที่เลี้ยงอาหารข้านะ เขาจึงย่อตัวลงประสานมือเข้าด้วยกัน เสี่ยวฮวนเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าชายตรงหน้าให้นางเหยียบไปบนฝ่ามือที่ประสานกันไว้นั่น นางไม่รอช้ารีบทำตามทันที เพียงไม่นานนางก็ปีนกลับเข้ามายังห้องเก็บฟืนได้อย่างปลอดภัย ส่วนอามู่ก็เร้นกายหายไปกับแสงจันทร์

“อะไรของเขา ปากอมพระอยู่หรือยังไง เอ๋! หรือว่าเขาจะขี้อาย ต้องใช่แน่ ๆ คงอายที่เป็นชายอัปลักษณ์แน่นอน แต่ว่า เขามาส่งฟืนตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วกลับมาตอนดึกอีกทำไม”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ