เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน ชีวิตของหลิวมู่หรงกับฝูฮวนยังคงดำเนินไปเช่นนี้ หลิวมู่หรงต้องนอนกอดภรรยาจนหลับไปทุกคืนจนกลายเป็นนิสัย หากคืนไหนมีเหตุจำเป็นมาก ๆ ที่ต้องออกไปทำงานกับเฉินคุน หลิวมู่หรงก็พยายามทำงานให้เสร็จเพื่อกลับมานอนที่บ้าน ด้วยความที่เป็นหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ ถึงแม้ว่าจะลางานได้สามเดือนแต่ความรับผิดชอบก็ยังต้องดำเนินต่อไป
ทางด้านฝูฮวนก็ทำหน้าที่ดูแลบ้านได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องความสัมพันธ์ของทั้งสองยังคงเป็นแบบนี้เรื่อยมา ในเช้าวันหนึ่งหลังจากฝูฮวนตื่นนอนตามปกติ หญิงสาวล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยแล้วจึงกะจะไปเอาฟืนที่อยู่ข้างบ้านเพื่อมาทำมื้อเช้าให้สามีตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี หญิงสาวก้ม ๆ เงย ๆ อยู่สองสามทีก็เหมือนเป็นอะไรไหว ๆ อยู่ทางหางตาจึงยืนขึ้นแล้วมองออกไป บ้านของคนตัดฟืนไหนเลยจะมีรั้วล้อมแข็งแรง มีเพียงรั้วไม้ธรรมดา มองจากด้านนอกด้านในก็สามารถเห็นกันได้ทั้งหมด
“เอ๊ะ! นั่นไม่ใช่พี่ชายอาตงหรอกหรือ เหตุใดจึงมาที่บ้านของข้าตั้งแต่เช้ามืดเช่นนี้” ด้วยความสงสัยฝูฮวนจึงได้วางฟืนไว้ที่เดิม นางเดินออกมาหาอาตงที่หน้าบ้าน
“พี่ชายอาตง มาหาท่านพี่หรือ” ฝูฮวนเมื่อเดินไปถึงก็ไม่รอช้าเอ่ยถามออกไปทันที
“แม่นาง กำลังพูดกับข้าหรือ” อาตงขมวดคิ้ว ชี้มือเข้าหาตัวเอง พลางเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย เขาสงสัยว่าตนเองไปรู้จักสาวงามเช่นนางตั้งแต่เมื่อไหร่
“พี่ชายอาตง ข้าฝูฮวน พี่อาตงจำข้าไม่ได้หรือ” ฝูฮวนชี้มือเข้าหาตนเองพลางอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส
“เจ้าคือเสี่ยวฮวนหรือ ข้าไม่เชื่อ เสี่ยวฮวนที่ข้ารู้จักไม่ได้งดงามเช่นนี้” อาตงเอ่ยตอบไปเสียงกร้าวพลางถอยหลังออกไปเล็กน้อย
“ฮิฮิ พี่อาตง ข้าคือเสี่ยวฮวนจริง ๆ พี่ดูนี่ ชุดของข้าเป็นชุดที่พี่อาตงไปขอมาจากพี่สาวบ่าวคนหนึ่งมาให้ข้าเอง พี่อาตงจำไม่ได้หรือ” เสี่ยวฮวนหมุนตัวไปรอบ ๆ พลางกางแขนออกกว้างคล้ายกำลังร่ายรำอยู่ ฝูฮวนทำเช่นนี้เพียงเพื่อแสดงให้อาตง บ่าวชายที่นางนับถือเหมือนพี่ชายอีกคนที่ดีกับนางนอกเหนือจากป้าเหมยจูกับพี่เสี่ยวชิง
อาตง เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวตรงหน้าคือเสี่ยวฮวน บ่าวตัวน้อยที่เขาแอบชอบมาตลอดกำลังส่งยิ้มมาให้ นางทั้งร่าเริงและสดใด แล้วดูสิ นางคล้ายกำลังร่ายรำให้กับเขาอยู่ใช่หรือไม่ ภาพตรงหน้าสะกดอาตงให้ตกอยู่ในภวังค์ไปแล้วเรียบร้อย
“พี่อาตง พี่อาตง” เสี่ยวฮวนโบกมือไปมาตรงหน้าพลางเอ่ยเรียกอาตงอยู่สองสามที
“เป็นเสี่ยวฮวนจริง ๆ ด้วย เจ้างดงามขึ้นมาก” อาตงเมื่อตั้งสติได้จึงระลึกได้ว่าเสี่ยวฮวนของเขานั้นแต่งงานไปแล้ว เขาจึงกลับมาทำตัวสงบเสงี่ยมเช่นเดิมให้สมกับที่เป็นบ่าวในจวนขุนนาง
“พี่อาตง ข้าแค่อาบน้ำเองเจ้าค่ะ แล้วนี่พี่อาตงมารับฟืนจากท่านพี่หรือ” ฝูฮวนเอ่ยถามออกไป
“ใช่แล้ว ข้ามารับฟืนจากคนส่งฟืนตามคำสั่งของพ่อบ้านน่ะ แล้วนี่สามีเจ้า...”
ทางด้านของหลิวมู่หรงเมื่อเห็นภาพของภรรยาที่คลับคล้ายกำลังร่ายรำให้กับบ่าวชายของจวนขุนนางจ้าวได้รับชม การสนทนากันด้วยความสนิทสนม รอยยิ้มของภรรยาเขา มันสมควรเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เหตุใดนางถึงได้หน้าไม่อายเช่นนั้น ความขุ่นข้องหมองใจก็ประทุขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่เขารู้เพียงว่ามันเป็นภาพที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่
“ข้าอยู่นี่ หากเจ้ามารับฟืนโรงเก็บฟืนอยู่ทางด้านนั้น ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว”
อาตงถามยังไม่ทันจบก็ถูกหลิวมู่หรงเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน ชายเจ้าของบ้านโผล่ออกมาจากทางด้านหลังของอาตง รังสีกดดันที่ปล่อยออกมาทำให้อาตงรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เขาจึงเอ่ยออกมาเพื่อผ่อนคลายตนเอง
“ข้าตกใจหมด เจ้าโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง เสี่ยวฮวน เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ วันหน้าข้าจะเอาของมาฝากด้วย” อาตงยกมือขึ้นลูบอกเอ่ยออกมาเสียงสั่นพลางหันไปเอ่ยขอตัวกับฝูฮวน
“ขอบคุณพี่อาตง”
“ไม่จำเป็นภรรยาของข้าไม่ได้ขัดสนเช่นนั้น” หลิวมู่หรงเอ่ยตอบเสียงแข็ง
“ดะ ได้ เช่นนั้นข้าไปละนะ” อาตงรีบผละตัวเดินตรงไปยังโรงเก็บฟืน พอเดินห่างออกมาจนพ้นสายตาของสองสามีภรรยาคู่นั่นแล้ว เขาถึงกับเข่าทรุด พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
บรื๊อออ คนอะไรน่ากลัวชะมัด
“ฝูฮวน เจ้าเป็นหญิงมีสามีแล้ว ไม่สมควรใกล้ชิดบุรุษอื่น” หลิวมู่หรงเอ่ยเสียงเข้มกับภรรยาที่ยืนทำหน้าตาอมยิ้มไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับสถานการณ์ตรงหน้าแม้แต่น้อย
“ข้าเปล่า”
“เปล่าหรือ แต่ข้าไม่เห็นเช่นนั้น” หลิวมู่หรงยังคงเอ่ยเสียงแข็งเช่นเดิม
“หรือว่าท่านพี่หึงข้าหรือเจ้าคะ” ฝูฮวนว่าแล้วก็ขยับเข้าไปกอดแขนหลิวมู่หรงไว้อย่างออดอ้อนตาใส นางช้อนตาขึ้นเอ่ยถาม หน้าอกที่เกือบแบนเรียบชิดกับข้อศอกของชายหนุ่ม
“พูดอะไรของเจ้า ข้าเพียงไม่อยากให้ดูไม่ดีเท่านั้น” หลิวมู่หรงว่าแล้วก็ผละตัวเดินหนีเข้าบ้านไป แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าใบหูทั้งสองข้างของเขาเป็นสีแดงดังลูกตำลึง
“ท่านพี่ก็เขินเป็นด้วย น่าร๊ากกกก~” ฝูฮวนเปรยกับตนเองก่อนจะยิ้มออกมาอย่างยินดี พลางเดินตามสามีกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปทำอาหารมื้อเช้าตามหน้าที่ต่อไป
อาหารเช้าวันนี้ฝูฮวนทำไข่ตุ๋นหมูสับ แม้เมื่อวานหลิวมู่หรงจะให้เงินไว้ใช้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องประหยัดและเก็บไว้ซ่อมแซมบ้าน รวมทั้งตอนที่ได้เงินมาก็ตอนเย็นแล้ว นางกะว่าวันนี้หลังกินมื้อเช้าแล้วจะเข้าไปในตลาดเพื่อไปซื้อข้าวของเครื่องใช้มาตุนไว้ที่บ้าน
ไข่มีประโยชน์ ยิ่งไข่ตุ๋นจึงเหมาะแก่การเป็นอาหารเช้าเพราะย่อยง่าย ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยอยู่ท้องเท่าไหร่ แต่ว่าคนที่นี่ยังไงก็กินอาหารเพียงวันละสองมื้อเท่านั้น แต่นางเห็นว่าสามีทำงานใช้แรงงานควรต้องบำรุงให้มากหน่อย รวมทั้งตนเองก็ต้องการการบำรุงด้วย ถ้าทำเพียงสองมื้อแล้วเมื่อไหร่นางจะมีน้ำมีนวลเล่า
“หือ ไข่ตุ๋นนี่....”
หลิวมู่หรงชะงักไปเมื่อตักไข่ตุ๋นขึ้นมาชิมเป็นคำแรก เหตุใดรสชาติของไข่ตุ๋นนี้ถึงได้คล้ายกับรสชาติที่ท่านแม่เคยทำให้เขากินกันนะ มารดาของเขาเสียไปนานแล้ว ความทรงจำหลายอย่างก็เริ่มเลือนหายไป ทว่าเมื่อได้ลิ้มลองรสชาติของไข่ตุ๋นที่ภรรยาตัวน้อยทำให้กิน แม้จะเป็นอาหารง่าย ๆ แต่ก็ทำให้เขาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะไม่มีใครสามารถทำรสชาติไข่ตุ๋นแบบนี้ได้อีกเลย
“ท่านพี่ เป็นอะไรไปเจ้าคะ” ฝูฮวนเมื่อเห็นสามีชะงักไปพร้อมกับเหม่อลอย อีกทั้งยังตาแดงรื้นขึ้นมานางจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ท่านพี่ ท่านร้องไห้”
“ใช่ที่ไหน ฝุ่นเข้าตาต่างหากเล่า” หลิวมู่หรงเอ่ยตอบเสียงดังเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกและพยายามกลืนความคิดถึงมารดาลงท้องไปพร้อมกับไข่ตุ๋นคำนั้น
ฝูฮวนได้ยินคำตอบจากชายหนุ่มจึงได้มองไปรอบ ๆ และยังมองขึ้นไปยังบนหลังคาด้วย เราก็ทำความสะอาดไปหมดแล้วนี้ แค่วันเดียวฝุ่นไม่น่าจะเยอะขนาดนั้นนะ
“อ๋อ ท่านพี่ไข่ตุ๋นหมูสับของข้าอร่อยจนถึงกับทำให้ท่านพี่ร้องไห้ใช่หรือไม่เจ้าคะ นี่ข้าทำเครื่องปรุงด้วยตนเองเลยนะเจ้าคะ” ฝูฮวนร้องเสียงดังออกมาอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ ก็นางทำความสะอาดหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่ท่านพี่ยังบอกว่ามีฝุ่น แล้วนางก็มั่นใจว่าฝุ่นไม่มี ดังนั้นก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้น ก็นะ ในซีรีส์ที่นางดูมาตั้งหลายปี มุขแค่นี้ไม่เข้าใจก็เสียชื่อติ่งน่ะสิ
“อืม อร่อย”
“ท่านพี่ นี่ท่านชมข้าหรือเจ้าคะ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ข้าจะทำหน้าที่ดูแลเรือนให้อย่างเต็มที่” ฝูฮวนถึงกับเอ่ยถามออกมาด้วยความดีใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่สามีของนางเอ่ยชมออกมาตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมหรือเดินหนี
หรือว่า
ความสัมพันธ์ของเราสองคนคืบหน้าแล้ว
OMG นี่อาจจะเป็นมนต์รักไข่ตุ๋นก็เป็นได้!
ฝูฮวนตบตีกับความมโนของตนเองพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หน้าแดงเขินอาย สำหรับนางแล้วในเมื่อต้องดำเนินชีวิตต่อไป ด้วยเป็นเพียงแค่อดีตบ่าวไหนเลยจะมีหวังได้แต่งงานกับคนชนชั้นขุนนางหรือพ่อค้า การได้สามีเป็นชายส่งฟืนก็ดีไม่น้อย
ในคราแรกนางตั้งใจจะออกไปอยู่คนเดียวหลังจากครบหนึ่งปีแล้ว แต่ชีวิตในยุคสมัยนี้หญิงตัวคนเดียวแถมยังเป็นแม่หม้าย ชีวิตไม่ง่ายแน่นอน ดังนั้นเป็นเมียคนส่งฟืนก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ อย่างน้อยเขาก็ดูไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร นางจึงตั้งใจจะเกาะขาทองคำนี้ไว้ให้แน่นนั่นเอง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?