ซ่า!!!!
“ฝูฮวนเจ้าตัวขี้เกียจเจ้าจะนอนหลับไปถึงเมื่อไหร่หรือกำลังฝันหวานคิดว่าตนเองเป็นเจ้านายข้าแล้ว”
เสียงก่นด่าประชดประชันที่ผ่านเข้ามาในหู บวกกับความหนาวเย็นจากการถูกน้ำสาด ทำให้ มานีรัตน์ วิรุณหะ หรือน้ำหวาน ฝืนลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับด่ากลับอย่างไม่เกรงใจใครเช่นกัน
“ไอ้พวกบ้า เล่นอะไรกันเนี่ย หนาวโคตรโคตร ยังไม่สงกรานต์จะสาดน้ำทำไมหะ! คนจะหลับจะนอน ไม่รู้หรือไงว่าง่วงจะตายอยู่แล้ว” มานีรัตน์สบถออกมาอย่างหงุดหงิด พลางใช้หลังมือขยี้ตาไปสองสามที
“ฝูฮวนเดี๋ยวนี้เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้าหรือ อาหลิงว่าแต่มันพูดว่าอะไร ข้าฟังไม่รู้เรื่อง”
จ้าวหยางซู คุณหนูรองของตระกูลเสนาบดีการคลัง ตวาดเสียงดังใส่ฝูฮวน บ่าวรับใช้ที่นางมักกลั่นแกล้งและทำร้ายร่างกายเมื่ออารมณ์เสียหรือไม่ได้ดั่งใจเสมอ ทั้งที่ฟังไม่รู้เรื่องว่านางบ่าวคนนี้พูดอะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว มันถึงกับกล้าขึ้นเสียงใส่นางซึ่งเป็นคุณหนูของจวน
“บ่าวก็หารู้ไม่เจ้าค่ะ” อาหลิง บ่าวรับใช้คนสนิทของคุณหนูรองเอ่ยตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เนื่องจากกลัวว่าตนเองจะตอบคำถามอะไรผิด แล้วจะต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์คุณหนูรองคนนี้ไปอีกคน
“ใคร โห! น้องสาวสวยจัง”
มานีรัตน์หลังจากที่ตื่นเต็มที่ สองตาของก็เธอมองเห็นหญิงสาวใบหน้าขาวอมชมพู สวมชุดและแต่งหน้าทำผมคล้ายหญิงสาวในซีรีส์ที่เธอชอบดู ชุดสีชมพูไล่สีจากอ่อนไปเข้ม ทอดรับกับเอวคอด ข้างเอวยังมีเชือกถักสวยงามห้อยอยู่ สาวน้อยคนนี้กำลังยืนสองมือเท้าเอวด่าเธออยู่ ถึงกับทำให้มานีรัตน์เผลออุทานชื่นชมออกมา
“แต่ทำไมปากเสียและกิริยาไม่น่ารักเลย นี่พวกพี่อาทิตย์ถึงกับจ้างคอสตูมมาอำกันเลยเหรอ แสดงเก่งมาก พี่สาวคนนี้ยอมแล้วจร้า” มานีรัตน์ยังคงไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นไม่ได้อยู่ที่ห้องพักในคอนโดของตนเองอีกต่อไปแล้ว
เธอคิดว่าเป็นเหล่าเพื่อนที่จ้างสาวแต่งคอสตูมจีนมาอำตนเอง โดยเฉพาะอาทิตย์ที่รู้ว่าเธอคลั่งไคล้ซีรีส์จีน ที่มีพระเอกหล่อ ๆ เท่ห์ ๆ และเย็นชาขนาดไหน เอาน่าใคร ๆ ก็เป็นติ่งหลัวมโนกันทั้งนั้น
“เสี่ยวฮวน อย่าลามปามคุณหนูรอง” อาหลิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเอ่ยเตือนเสียงเบา
“โอ้ย เล่นใหญ่ไฟกระพริบเลยเหรอ แม้แต่คำพูดยังถอดแบบมาเหมือนเดะ” มานีรัตน์เอ่ยขึ้นพลางหัวเราะออกมาน้อย ๆ
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือฝูฮวน พูดอันใดข้าไม่เห็นรู้เรื่อง สงสัยจะหัวกระแทกจนเสียสติไปแล้วเป็นแน่ เช่นนั้นก็จงสงบสติอารมณ์ของเจ้าเสีย ข้าใจดีกับเจ้าแล้วนะ เจ้าจะได้ไม่เหงา ทั้งยังให้เจ้าได้อยู่ที่เดียวกับพ่อแม่เชียวนะฮ่า ฮ่า ฮ่า”
จ้าวหยางซูพูดแล้วก็บอกอาหลิง บ่าวอีกคนให้ปิดประตูขังฝูฮวนไว้ในห้องเก็บฟืนพร้อมทั้งสั่งงดข้าวและน้ำเช่นเคย
“หึ! ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย คอยดูเถอะพี่ใหญ่ ข้าจะต้องแย่งองค์รัชทายาทจากท่านมาให้ได้” จ้าวหยางซูเอ่ยขึ้นพลางยกยิ้มชั่วร้ายอย่างหมายมาดในความคิดของตนเอง
สาเหตุที่ทำให้จ้าวหยางซูอารมณ์เสียเนื่องจากนางแอบได้ยินบิดาคุยถึงเรื่องงานหมั้นหมายของจ้าวหยางซินพี่สาวคนโต บุตรของฮูหยินใหญ่กับองค์รัชทายาท นางถึงกับจิกเล็บระงับความโกรธเอาไว้ก่อนจะถอยออกมา หวังไปให้ไกลจากที่ตรงนั้น นางผิดอันใด เพียงเกิดมาช้ากว่าแค่สองเดือนเท่านั้นหรือ หรือเพียงเพราะเป็นลูกของฮูหยินรองถึงไม่มีสิทธิ์เป็นคู่หมั้นหมายขององค์รัชทายาท จ้าวหยางซูมารู้สึกตัวอีกทีก็เดินมาในส่วนของที่พักของบ่าวรับใช้แล้ว พอเห็นห้องเก็บฟืนก็นึกขึ้นได้ว่า
จะทำเช่นไรถึงจะสามารถระงับความโกรธของตัวเองลง ความโมโหจึงมาลงกับฝูฮวน บ่าวรับใช้ที่ไร้ซึ่งปากเสียง ทนมือทนเท้านางเป็นที่สุด
ทางฟากของมานีรัตน์หลังจากที่ถูกขังในห้องเก็บฟืน จากที่คิดว่าเหล่าเพื่อนอำตนเองก็เริ่มตระหนักได้ว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“โอ้ย เจ็บ เจ็บ”
มานีรัตน์ถึงกับสูดปากออกมาเมื่อรับรู้ว่าที่ใช้มือหยิกลงไปที่แขนของตนเองแล้วนั้นมันเจ็บจริง ไม่มีแสตนอินใด ๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่ ไอ้พี่ทิตย์ไม่สนุกนะโว้ย ไหนกล้อง ไม่เอาแล้ว ไม่แกล้งแล้ว ยอมแล้ว ฉันกลัวจริง ๆ นะ ออกมาเถอะ” มานีรัตน์ที่หลังจากทรุดตัวลงนั่งบนหญ้าแห้งแล้วหันมองไปรอบ ๆ ตอนนี้ยังมีแสงสว่างลอดส่องเข้ามาตามรอยแตกของไม้ กลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์ แม้แต่หนูที่วิ่งผ่านไปมาสองสามครั้ง มันเหมือนจริงจนเธอสติแตกไปแล้ว
หญิงสาวร้องให้คนช่วย อ้อนวอนขอให้เพื่อนเลิกแกล้ง แต่ร้องตะโกนมากว่าสิบนาทีแล้วทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มานีรัตน์รู้สึกหิวกระหายน้ำ แต่มองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีสิ่งที่พอจะกินได้เลยแม้แต่น้อย
อีกด้านหนึ่งในห้องครัวใหญ่ของจวน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงเก็บฟืนที่มานีรัตน์ถูกขังอยู่ไม่ไกลมากนัก
“ป้าจู ข้าละสงสารเสี่ยวฮวน พ่อแม่ก็มาตายจาก อยู่ตัวคนเดียวทุกวันก็ยังต้องถูกรังแกจากคุณหนูรอง ตัวก็เล็กนิดเดียว บางวันก็ไม่ได้กินข้าว ทั้งยังทำงานหนักกว่าคนอื่น นี่ถ้าท่านป้าจูไม่แอบเก็บอาหารเหลือไว้ให้ ข้าว่าป่านนี้เสี่ยวฮวนไปอยู่กับพ่อแม่นานแล้ว” บ่าวรับใช้ในห้องครัวเอ่ยขึ้นกับ เหมยจู แม่ครัวใหญ่ของจวนเสนาบดีการคลัง
“จะทำอันใดได้เล่า พวกเราก็บ่าวเหมือนกัน บางครั้งยังเอาตัวไม่รอด ถือว่าเสี่ยวฮวนเกิดมาอาภัพก็แล้วกัน” เหมยจูถอนหายใจอย่างปลงสังเวช ก่อนจะก้มหน้าทำงานตรงหน้าต่อไป
ทางด้านมานีรัตน์หลังจากที่ร้องไห้อย่างหวาดกลัว แม้แต่ร้องให้คนช่วย ร้องอ้อนวอนให้ปล่อยตนไป เวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงตนเองรู้สึกหมดแรง ทั้งยังรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอย่างจับใจ บวกกับถูกน้ำเย็นสาดเธอจึงได้ทอดตัวลงนอนไปบนหญ้าแห้งเก่า ๆ ก่อนที่ร่างกายจะฝืนทนไม่ไหวแล้วหมดสติไปในที่สุด
มานีรัตน์ไม่รู้ตนเองอยู่ที่ไหน มันเหมือนตนเองกำลังนั่งดูซีรีส์จีนโบราณเหมือนเช่นทุกวัน ทั้งที่มีแต่ภาพที่เปลี่ยนไปในแต่ละฉาก ไม่มีแม้เพียงคำพูดสักคำ แต่ทว่าเธอกลับรับรู้ว่ามันเป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ ฝูฮวน ที่เป็นเพียงบ่าวรับใช้ในจวนเสนาบดีการคลัง เป็นตัวประกอบที่นางเอกของเรื่องใช้สาเหตุการตายของตนทำลายนางร้ายซึ่งเป็นคุณหนูรองของจวนเสนาบดี
บิดามารดาของฝูฮวนป่วยหนัก เสนาบดีจ้าวหลินเจ้าของจวนกลัวว่าหากมีคนป่วยหนักในจวนจะทำให้ไม่เป็นที่ถูกพระทัยองค์รัชทายาทที่จะเสด็จมาที่จวนเพื่อพูดคุยถึงเรื่องหมั้นหมายของจ้าวหยางซินบุตรสาวคนโต ท่านเสนาบดีจึงสั่งให้บ่าวจับคนทั้งคู่ไปขังไว้ที่ห้องเก็บฟืน
ในที่สุดบิดามารดาของฝูฮวนก็ตายลง หญิงสาวถึงกับร้องไห้เสียใจปานจะขาดใจตาย ท่านเสนาบดีเป็นพวกหน้าบางมาก ถึงแม้เจ้านายจะทำอะไรกับบ่าวไพร่ก็ได้ แต่กฎหมายก็สั่งห้ามฆ่าโดยพลการ เกรงว่าถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูชาวบ้านตนเองจะถูกนินทา ทำให้ชื่อเสียงด่างพร้อยจึงได้ตกลงกับฝูฮวนว่าถ้ามีคนมาสู่ขอนางไปเป็นภรรยา ตนจะปล่อยให้นางเป็นอิสระไม่ต้องเป็นบ่าวอีกต่อไป
สาเหตุที่ท่านเสนาบดีมั่นใจว่าเขาจะไม่ต้องสูญเสียบ่าวคนนี้ คงต้องทำงานไปจนตายเหมือนพ่อแม่นาง เพราะฝูฮวนนั้นอัปลักษณ์ คงไม่มีผู้ใดมาสู่ขอ เพราะแม้แต่บ่าวชายในจวนก็ไม่ได้ชายตาแลนางแม้แต่น้อย
ภาพตัดไปที่ตนเองในตอนที่เป็นมานีรัตน์ หญิงสาวอายุยี่สิบเจ็ดปี ทำงานเป็นคนทดสอบเกมส์ เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวในทีมที่มีอาทิตย์เป็นหัวหน้า ถึงแม้ว่าบุคลิกภายนอกเธอจะห้าวคล้ายทอมบอย แต่ภายในเนื้อแท้เธอก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เพียงแต่หน้าที่การงานและความชอบเล่นเกมส์ทำให้เธอต้องทำงานคลุกคลีกับผู้ชายเป็นส่วนมาก จะมาให้แต่งตัวเป็นสาวหวานก็เกรงว่าจะถูกรังแกและไม่เป็นที่ยอมรับในทีมเพราะเพศที่แตกต่าง
ตอนนี้บริษัทของเธอได้รับโปรเจคใหญ่โปรเจคหนึ่ง การทำงานที่หนัก เพื่อแข่งกับเวลาที่กระชั้นชิดเข้ามาทำให้มานีรัตน์เหนื่อยสายตัวแทบขาดใจ แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก่อนนอนเธอต้องมาอ่านนิยายเรื่องโปรดทุกวัน อย่างน้อยก็สองสามหน้าก็ยังดี
คืนนี้ก็เป็นไปตามปกติ เธออ่านมาถึงตรงที่ฝูฮวนถูกคุณหนูรองจ้าวหยางซูกลั่นแกล้งแรงไปหน่อย ผลักบ่าวตัวน้อยไปชนกับขอบเตียงเพียงเพราะฝูฮวนเผลอทำน้ำหกลงพื้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะให้บ่าวชายลากร่างฝูฮวนไปทิ้งไว้ที่ห้องเก็บฟืน
“โธ่ เสี่ยวฮวน เจ้าช่างน่าสงสารเสียจริง” มานีรัตน์อ่านจบมาถึงตรงนี้ก็เปรยออกมาพลางร้องไห้สงสารชะตาชีวิตของบ่าวคนนี้ ก่อนที่จะทนความเหนื่อยและความง่วงไม่ไหวจึงได้ผล็อยหลับไปในที่สุด
ใครจะคิดว่าเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มานีรัตน์จะกลายเป็นคนที่น่าสงสารคนนั้นเสียเอง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?