“เกิดอันใดขึ้นข้างนอก”
ฝูฮวนอาศัยจังหวะที่พ่อบ้านและบ่าวชายหยุดมือเพื่อฟังคำของนายท่านเจ้า นางถือโอกาสนี้สะบัดตัวหลุดจากการจับของบ่าวชาย หันไปคว้าแขนอามู่ได้ก็รีบผลักบานประตูใหญ่เข้าไปทันที ก่อนจะรีบไปนั่งคุกเข่าต่อหน้านายท่านจ้าวอย่างสำนึกผิด พลางเอ่ยความต้องการของตนเองออกไป
"ขอนายท่านโปรดอนุญาตให้ข้าได้แต่งงานกับพี่มู่ด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
ฝูฮวนไม่ปล่อยโอกาสให้เสนาบดีจ้าวเอ่ยความผิดของตนที่บังอาจบุกเข้าห้องทำงานของเจ้าของจวน นางก็ชิงเอ่ยความต้องการออกมาทันที
“หา พวกเจ้าจะแต่งงานกัน” เสนาบดีจ้าวทำตาโตตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ นายท่านเคยสัญญากับข้าไว้ในตอนที่บิดามารดาของข้าเสียชีวิตไป นายท่านบอกว่าหากข้ามีคนมาสู่ขอจะยอมคืนสัญญาไถ่ถอนให้ข้า และปล่อยตัวข้าให้เป็นอิสระไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“....”
“ท่านเสนาบดีจ้าว หากท่านจะขัดขวางคู่นกยวนยางคงไม่ดีเป็นแน่ และขุนนางที่ดีไม่ควรผิดคำสัญญาใช่หรือไม่”
ฉีกงกง ขันทีคนสนิทขององค์รัชทายาทเดินทางมาพบเสนาบดีจ้าวเพื่อแจ้งกำหนดการมาเยือนของเจ้านายตนเองในวันพรุ่งนี้ในงานพิธีปักปิ่นคุณหนูรองจ้าวหยางซู ซึ่งเป็นเรื่องมารยาทที่พระองค์จะเสด็จมาร่วมพิธีเนื่องจากอีกไม่นานบุตรสาวคนโต จ้าวหยางซินก็จะได้เป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาทแล้ว
“ฉีกงกงขายหน้าท่านแล้ว ข้าจะจัดการอย่างดี” เสนาบดีจ้าวยกมือทำการคารวะรับคำสั่งของกงกงอาวุโส
ข้าจะทำเช่นไรกับนางบ่าวชั่วคนนี้ดี กล้าดีอย่างไรมาทำให้เขาต้องอับอายขายหน้าต่อหน้ากงกงคนสนิทขององค์รัชทายาท
นางเป็นบ่าวที่บุตรสาวคนรองของเขาเอาไว้เป็นที่ระบายอารมณ์ เพราะนางไม่มีปากเสียงอีกทั้งยังทนมือทนเท้าได้เป็นอย่างดี ทำงานหนักเอาเบาสู้ และสงบปากสงบคำ เสียดายก็ส่วนเสียดาย แต่ต่อหน้าฉีกงกงหากเขาตระบัดสัตย์แล้วเรื่องนี้รู้ไปถึงบุคคลภายนอก คาดว่าหน้าที่การงานและชื่อเสียงของเขาที่สั่งสมมาคงได้ป่นปี้ไม่มีเหลือเป็นแน่
“นายท่าน ข้ารักพี่มู่เจ้าค่ะ” ฝูฮวนเอ่ยขึ้นระหว่างที่เสนาบดีจ้าวใช้ความคิด
“เออ ข้ารู้แล้ว ข้าไม่ได้ห้ามการแต่งงานของพวกเจ้า พ่อบ้าน เอาหนังสือสัญญาไถ่ตัวของนางบ่าวคนนี้มาแล้วทำให้ถูกต้องด้วย” เสนาบดีหันไปมองฉีกงกงครั้งหนึ่งก่อนจะตัดสินใจกัดฟันเอ่ยออกไปในที่สุด
“ท่านเสนาบดีจ้าว คู่รักจะแต่งงานทั้งทีนอกจากไม่มีพิธีแต่งงานแล้วท่านจะใจดำไม่ให้สินเจ้าสาวติดตัวนางออกไปหน่อยหรือ” ฉีกงกงเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติเสนาบดีจ้าว
“ใช่ ๆ จริงด้วย พ่อบ้านเจ้าก็อย่าลืมจัดหาสินเจ้าสาวให้นางด้วย”
“เสนาบดีจ้าวช่างเป็นขุนนางและเจ้านายที่น่านับถือยิ่งนัก เรื่องในครั้งนี้เห็นที่ว่าข้าจะชื่นชมคนเดียวคงไม่ได้แล้ว แต่ถ้าจะให้ดี เหตุใดท่านเสนาบดีไม่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว ให้คู่บ่าวสาวคู่ใหม่ยกน้ำชาทำพิธีแต่งงานเสียที่จวนของท่านเล่า แล้วค่อยไปเข้าหอที่บ้านของเจ้าบ่าวก็ยังไม่สาย” ฉี กงกงเอ่ยแนะนำออกไปอีกเล็กน้อย
เสนาบดีจ้าวเพียงได้ยินคำว่าฉีกงกงจะนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวแก่ฮ่องเต้และเชื้อพระวงศ์รวมทั้งชาวบ้านก็ได้แต่ยิ้มรับด้วยความตื่นเต้น โดยลืมถึงความผิดปกติของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปเสียสนิท
เสนาบดีจ้าวจึงให้พ่อบ้านนำเสื้อผ้าชุดใหม่มามอบให้กับคู่บ่าวสาว ทั้งยังทำพิธีแต่งงานอย่างง่ายที่เพียงคารวะน้ำชา ก่อนจะมอบสินเจ้าสาวจำนวนหนึ่งและหนังสือสัญญาบ่าวให้กับฝูฮวน
โดยระหว่างการทำพิธีแต่งงานอามู่ไม่กล่าวอันใดแม้เพียงครึ่งคำ
กลับมาที่ปัจจุบัน
อามู่หลังจากที่กลับออกมาจากจวนเสนาบดีจ้าวที่เขาไปส่งฟืน ขาไปเขาเอาฟืนไปส่ง ขากลับเขาได้ภรรยากลับมาบ้านด้วย ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เขามีภรรยาที่ถูกต้องตามธรรมเนียมแล้ว
เมื่อมาถึงบ้านของอามู่ ฝูฮวนก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก นี่นางคาดหวังอะไรเช่นนั้นเหรอ เพราะสภาพบ้านของสามีนางนั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าบ้าน ต้องเรียกว่ากระท่อมมากกว่า และเป็นกระท่อมที่หากลมพัดครั้งเดียวก็คงปลิวไปกับสายลมแล้ว
“พี่มู่ นี่คือบ้านของเราหรือเจ้าคะ” ฝูฮวนเอ่ยถามออกไป
“หากไม่ใช่บ้านของข้าแล้วเจ้าคิดว่าข้าจะพามาที่บ้านใคร นี่เจ้าคงไม่ได้วาดฝันว่าข้าจะมีบ้านหลังใหญ่โต มีคนรับใช้หรอกใช่หรือไม่”
“มะ ไม่ ไม่ใช่เช่นนั้น ที่ข้าถามเพราะข้าเป็นกังวลถึงสภาพของบ้านต่างหากเล่าเจ้าคะ ไม่รู้ว่าเหมันต์ปีนี้จะผ่านไปได้หรือไม่” เสี่ยวฮวนรีบยกไม้ยกมือปฏิเสธเสียงแตกตื่น
ขืนนางพูดไม่ถูกหูแล้วเขาไม่ให้นางอยู่ด้วยนางได้ตายแน่ นี่นางเพิ่งมาเกิดใหม่เพียงสองวันเองนะ สวรรค์ท่านจะกลั่นแกล้งข้าเกินไปแล้ว
หลังจากที่เสี่ยวฮวนทำอาหารทำความสะอาดพอให้ผ่านคืนนี้ไปได้เท่านั้น สองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันก็นั่งกินมื้อเย็นกันอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไร พอถึงเวลานอนก็ต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังให้กัน
คืนแรกของการนอนที่บ้านหลังใหม่ ฝูฮวนนอนหลับอย่างสนิท อาจจะเพราะรู้แล้วว่านางสามารถหนีชะตาที่ต้องตายได้แล้ว ซึ่งต่างจากอามู่ ทั้งคืนเขานอนตัวเกร็งและนอนไม่หลับทั้งคืน เนื่องจากฝูฮวนนอนดิ้นทั้งกอดทั้งเกี่ยวขาเขาไว้ คงนึกว่าตัวเขานั้นเป็นหมอนข้างเป็นแน่
รุ่งเช้าตอนตื่นนอนอามู่จึงมีสภาพเป็นดั่งสยงเมา* ง่วงนอนตลอดเวลา ฝูฮวนเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามออกไป
“สามี ท่านนอนไม่หลับหรือเจ้าคะ”
“....” อามู่จึงได้แต่มองค้อนกลับไปด้วยสายตาเจ้าแค้น แต่ก็ไม่พูดอันใดออกไป ก่อนจะออกไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาที่ลำธารใกล้บ้าน เมื่อกลับมาที่บ้านก็ได้กลิ่นอาหารลอยออกมา
“สามี ท่านมานั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้าทำอาหารเช้าไว้ให้ท่านแล้ว” ฝูฮวนว่าแล้วก็วางถ้วยโจ๊กที่มีไข่ใส่อยู่ตรงกลาง ถ้วยหนึ่งของอามู่ ถ้วยหนึ่งของนาง
“ข้าเห็นมีไข่ไก่อยู่สองสามฟองจึงได้ทำโจ๊กไข่ให้ท่าน กินตอนกำลังร้อนจะได้อร่อย” ฝูฮวนเลื่อนถ้วยโจ๊กใส่ไข่ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้านเข้าไปใกล้สามีอีกนิด
“...”
สามีท่านยังประหยัดถ้อยคำเช่นเดิม แต่เอาเถอะเรื่องแค่นี้เองข้าทนได้ เช้าวันใหม่ช่างสดใสเสียจริง หือ~ กลิ่นอิสระมันหอมหวานเช่นนี้นี่เอง
อามู่เหลียวไปมองภรรยาคนใหม่ที่กำลังสูดอากาศเข้าปอด นี่ข้าได้หญิงบ้าเป็นภรรยาหรอกหรือ
หลังจากอามู่กินมื้อเช้าเสร็จเขาก็บอกกับเสี่ยวฮวนว่าจะเข้าป่าไปตัดฟืนเช่นเดิม ฝูฮวนก็พยักหน้ารับอย่างดี พลางเดินออกไปส่งสามีถึงหน้าบ้าน
“สามี รอสักครู่” ฝูฮวนเพิ่งนึกได้ว่าตนเองยังไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีจึงเอ่ยเรียกสามีเอาไว้ อามู่ชะงักเล็กน้อยแต่ก็หยุดรอและหันหน้ามาทางภรรยา พลางส่งสายตาถามด้วยความสงสัย แต่ไม่นึกว่าคำตอบของนางจะเป็นการที่ฝูฮวนเมื่อเดินมาถึงอามู่ นางก็เขย่งปลายเท้าหอมไปที่ปลายคางของสามีอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยออกมา
“ข้ารอท่านกลับมาจากตัดฟืนนะเจ้าคะ”
ความจริงฝูฮวนกะจะหอมแก้ม แต่จนใจที่สามีของนางนั้นตัวสูงใหญ่เกินไป นางจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากแก้มมาเป็นปลายคางแทน ฝูฮวนไม่รอให้สามีตอบรับนางรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน สองแก้มแดงดังลูกตำลึง นี่เป็นครึ้งแรกที่นางกล้าหอมแก้มผู้ชายเชียวนะ
ทางด้านอามู่นั่นตัวแข็งไปแล้วเรียบร้อย เขาเหม่อลอยเดินออกจากบ้านไปโดยลืมเอามีดไปด้วย มารู้สึกตัวอีกทีก็เดินไปได้ไกลจากบ้านมากโขแล้ว
ฟากของเสี่ยวฮวน หลังจากที่ปรับอารมณ์เขินได้แล้ว นางกวาดตามองไปทั้งบ้าน ปฏิบัติการทำความสะอาดจึงได้เริ่มขึ้น
“เอาล่ะ มาจัดการกับบ้านหลังนี้ให้สะอาดเอี่ยมดีกว่า”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?