ทางด้านหลิวมู่หรงกับฝูฮวนกำลังช่วยกันจัดเก็บข้าวของที่ซื้อมาวันนี้ให้เข้าที่เข้าทางโดยหลิวมู่หรงอาสาทำเอง แล้วให้ฝูฮวนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหารอย่างเดียว
“เจ้าจะมองข้าไปอีกนานแค่ไหน” หลิวมู่หรงที่ถือถุงข้าวสารเดินผ่านฝูฮวนเพื่อนำไปเก็บยังห้องเสบียงหยุดเดินแล้วถามภรรยาเสียงเรียบ
“มองคนหล่อเจ้าค่ะ ข้าไม่คิดว่าสามีของข้าจะหน้าตาดีขนาดนี้” ฝูฮวนนั่งเอามือเท้าคางสองข้างคอยมองตามจังหวะการเดินของหลิวมู่หรง พลางยิ้มแย้มจนแก้มแทบฉีก
หลิวมู่หรงไม่ตอบอะไร เขาเพียงยกยิ้มขึ้นครั้งหนึ่งแล้วเดินเอาถุงข้าวสารไปเก็บให้เรียบร้อย
ท่านพี่ยิ้ม อืม ท่านพี่ควรยิ้มบ่อย ๆ ไม่ใช่ทำหน้าปลาตายแบบทุกวัน เหมือนตนเองคุยกับเก้าอี้อย่างไรไม่รู้
“ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าตอนที่เป็นบ่าวจะอัปลักษณ์น่าเกลียด พอมาเป็นฮูหยินข้าแล้วจะงดงามขึ้นไม่น้อยเช่นกัน” หลิวมู่หรงเดินกลับมานั่งตรงเก้าอี้ตรงข้ามที่ฝูฮวนนั่งอยู่ เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนมากกว่าเดิม
ส่วนฝูฮวนน่ะหรือ เขินอาย ใบหน้าแดงก่ำจนจะกลายเป็นกุ้งต้มแล้ว
วุ้ย ข้าถูกผู้ชายขายขนมจีบ
นังหวานนะนังหวาน เขาชมนิดชมหน่อยทำเป็นเขินไปได้ ช่างไม่มีภูมิคุ้มกันความหล่อเอาเสียเลย หรือว่าเราไม่เคยมีแฟนถึงได้รู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ ทำไงได้ตอนที่ทำงานกับทีมพี่อาทิตย์ถึงแม้จะมีแต่ผู้ชายแต่พวกรุ่นพี่ก็ไม่คิดว่าเราเป็นผู้หญิงสักทีน่ะสิ
“เก็บของเสร็จแล้วข้าไปทำอาหารเย็นนะเจ้าคะ ท่านพี่จะไปอาบน้ำหรือไม่” ฝูฮวนที่ปรับอารมณ์ความเขินอายแล้วรีบเอ่ยขึ้น อย่างน้อยนางก็อยากจะหนีออกจากสถานการณ์น้ำตาลเรียกพี่แบบนี้เพื่อไปตั้งหลักเสียก่อน
ไม่ไหว หัวใจไม่แข็งแรงพอ
“ได้” หลิวมู่หรงว่าแล้วก็ลุกไปอาบน้ำตามที่ภรรยาบอก เขารับรู้ได้ว่าถ้ารุกหนักมากเกินไปนั้นไม่ดี
ฝูฮวนก็เดินกลับเข้าห้องครัวไปด้วยหัวใจที่พองคับอก หญิงสาวเอามือยกขึ้นปิดหน้าพลางยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
.
ชีวิตอันสงบสุขของการแต่งงานระหว่างหลิวมู่หรงกับฝูฮวนเข้าสู่เดือนที่สอง สำหรับฝูฮวนแล้วช่างมีความสุข สามีของนางจะออกไปตัดฟืนทุกวันแล้วจะกลับบ้านมาในตอนเย็น ฝูฮวนจะดูแลบ้าน ทำอาหาร ทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ที่สำคัญน้ำปรุงรสของหญิงสาวกำลังเป็นที่ต้องการของเถ้าแก่ร้านอาหาร วันนี้เป็นอีกวันที่ว่าที่เศรษฐีใหม่มีนัดกับเถ้าแก่ที่ผูกการค้ากับนางสำหรับการสั่งซื้อน้ำปรุงรส ฝูฮวนจึงได้เตรียมตัวนำสินค้าไปส่งในเมือง
“ขอบคุณเถ้าแก่มาก รอบหน้าข้าจะนำน้ำปรุงรสมาส่งอีกทีในอีกครึ่งเดือนข้างหน้านะเจ้าคะ” ฝูฮวนเอ่ยขอบคุณเถ้าแก่ร้านอาหารหลังจากที่ส่งมอบสินค้าและรับเงินมาแล้วเรียบร้อย นางให้เกวียนที่จ้างมารออยู่เพื่อบรรทุกของใช้กลับบ้านด้วย
ระหว่างที่เดินไปซื้อของในตลาดก็ได้ยินกลุ่มคนในโรงน้ำชาพูดคุยกันอย่างสนุกปาก
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อเดือนก่อนจวนเสนาบดีจ้าวถูกทางการจับกุมตัวทั้งตระกูล” ชายรูปร่างสูงใหญ่แต่งกายคล้ายเศรษฐีเอ่ยขึ้นในวงสนทนา
“ข้าก็สงสัยอยู่ เห็นทหารเดินเข้าออกจวนกันให้วุ่น เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ” ชายที่นั่งร่วมโต๊ะน้ำชาสวมใส่ชุดสีน้ำเงิน รูปร่างผอมและเตี้ยเปรยออกมาบ้าง
“เห็นว่าเสนาบดีจ้าวซึ่งเป็นเสนาบดีการคลังคดโกงเงินที่ใช้สำหรับช่วยเหลือชาวบ้านยากจน และยังแอบยักยอกข้าวสารด้วย ทางการจึงจับกุมตัวทั้งตระกูล ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้ลงโทษประหารชีวิตเสนาบดีจ้าวไปแล้ว” ชายที่แต่งกายคล้ายเศรษฐีเอ่ยเล่าต่อ
“จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าได้ข่าวว่าบุตรสาวเสนาบดีจ้าวเป็นที่ว่าที่คู่หมั้นขององค์รัชทายาท อย่างไรคงไม่ปล่อยให้ว่าที่พ่อตาต้องโทษประหารใช่หรือไม่” ชายสวมชุดสีน้ำเงินเอ่ยค้านขึ้น
“เจ้าไม่รู้อะไร ถึงแม้ว่าจะเป็นว่าที่คู่หมั้นแต่ก็ยังไม่ได้หมั้น แล้วเมืองหลวงไหนเลยจะขาดแคลนหญิงงาม ยิ่งเสนาบดีจ้าวไม่สามารถเป็นกำลังสนับสนุนให้กับองค์รัชทายาทแล้ว เจ้าคิดว่าพระองค์จะสนพระทัยอยู่อีกหรือ อีกอย่างพระองค์ก็ต้องทรงจัดการขั้นเด็ดขาดเพื่อเอาใจเหล่าชาวบ้านเป็นแน่” ผู้ที่เริ่มต้นบทสนทนาออกความเห็นอีกครั้ง
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาและบุตรธิดา รวมทั้งเหล่าบ่าวเหล่าทาสของเสนาบดีจ้าวเล่า”
“เหล่าภรรยาและบุตรสาวที่เติบโตถูกปลงผมบวชชีตลอดชีวิต แต่ทว่ามีคุณหนูรองจ้าวหยางซูที่หายตัวไปยังหาตัวไม่พบ ส่วนบุตรชายถูกขายเป็นทาสและเนรเทศไปอยู่ชายแดนห้ามกลับเมืองหลวงตลอดชั่วอายุขัย ทายาทห้ามรับราชการห้าชั่วรุ่น ทาสและบ่าวถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระ หากจวนไหนต้องการรับบ่าวเพิ่มก็สามารถไปติดต่อได้ที่ศาลาว่าการ” ชายแต่งกายคล้ายเศรษฐีเอ่ยเฉลยสิ่งที่เพื่อนร่วมวงสนทนาต้องการรู้
“ข้านั้นไม่เห็นใจสักนิด มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าพวกเราต้องจ่ายไปมากเท่าไหร่ให้เสนาบดีจ้าวในการหลีกเลี่ยงภาษี”
“จุ๊ จุ๊ เจ้าโง่ จะพูดเสียงดังไปทำไม”
“ไป ๆ เปลี่ยนเรื่องกันเถอะ ว่าแต่ข้าได้ข่าวว่าเจ้ารับอนุคนใหม่เข้ามาอีกแล้วหรือ” ชายที่สวมชุดสีน้ำเงินเอ่ยบอกเพื่อนร่วมวงสนทนาทั้งยังเปลี่ยนหัวข้อไป
ฝูฮวนที่ยืนฟังอยู่ข้างนอกโรงน้ำชาถึงกับขมวดคิ้วกับข่าวที่ได้รับ นี่นางรอดตายอย่างถาวรแล้วใช่ไหม
ไม่ ไม่ ชายคนนั้นบอกว่าคุณหนูรองหายตัวไป นั่นหมายความว่าชีวิตของนางยังไม่ปลอดภัย เพราะในเรื่องฝูฮวนต้องตายเพราะคุณหนูรอง ในตอนที่นางมาเข้าร่างนี้ทำให้โกงความตายมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เป็นเพียงการโกงความตายแบบชั่วคราวเท่านั้น
เนื้อเรื่องนั้นมันเปลี่ยนไปแล้วสินะ จ้าวหยางซิน นางเอกของเรื่องกลายเป็นนางชีไปแล้ว
ตราบใดที่อดีตคุณหนูรองจ้าวหยางซูไม่ติดคุก ไม่ตาย ชีวิตของนางคงยังคงไม่ปลอดภัยแน่นอน
ตอนนี้เราก็อยู่กับท่านพี่อามู่แล้ว คงไม่มีโอกาสได้พบเจอคุณหนูรองเป็นแน่ อาจจะพอมีเวลาเตรียมตัวอีกหน่อย
ฝูฮวนที่ได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้จึงได้รีบเดินไปที่ศาลาว่าการตามที่ได้ยินมา นางนั้นเป็นห่วงป้าจู พี่เสี่ยวชิง กับพี่อาตงมาก ไม่รู้ว่าทั้งสามคนจะเป็นเช่นไร
เมื่อไปถึงจึงได้เห็นว่ามีบ่าวและทาสจำนวนไม่น้อยที่กำลังเดินทางไปกับเจ้านายคนใหม่ มีเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และคนที่ฝูฮวนต้องการช่วยเหลือก็อยู่ครบทั้งสามคน
“ป้าจู พี่เสี่ยวชิง พี่อาตง รอข้าที่นี่นะข้าจะรีบกลับไปคุยกับท่านพี่อามู่ สามีข้าต้องช่วยพวกท่านได้แน่” ฝูฮวนเอ่ยให้กำลังใจคนที่นางรักเหมือนกับเป็นครอบครัว
“เสี่ยวฮวน อย่าทำให้สามีเจ้าลำบากใจเลย ข้านั้นแก่แล้วเป็นห่วงก็แต่เสี่ยวชิงกับอาตง” ป้าจูเอ่ยขึ้นเสียงเศร้าพลางกุมมือน้อย ๆ ของเสี่ยวฮวนไว้
“ป้าจู รับปากข้าว่าจะรอข้าก่อนอย่าเพิ่งตัดสินใจทำอะไรเด็ดขาด พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาแน่นอน วันนี้เย็นแล้วข้าจะกลับบ้านไปก่อน สัญญานะเจ้าคะว่าจะรอข้ากลับมา” ฝูฮวนไม่ว่าอะไรแต่เอ่ยย้ำให้กับทั้งสามคนฟังอีกครั้ง ก่อนจะกลับบ้านไปด้วยความไม่สบายใจเนื่องจากกำลังขบคิดหาวิธีช่วยเหลือคนทั้งสามอยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่เสี่ยวฮวนจากไปแล้ว เสี่ยวชิง ป้าจู และอาตงจึงได้สนทนากันถึงอนาคตของพวกตนเอง
“ป้าจู ข้าว่าพวกเราไปขายตัวเป็นบ่าวที่จวนอื่นดีหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวชิงเอ่ยถามท่านป้าของนางขึ้นด้วยความกังวล
“อาชิง ลำพังเจ้ากับอาตงคงขายตัวเป็นบ่าวได้ไม่ยาก แต่ว่าข้าน่ะแก่แล้วใครจะรับข้าไปทำงานด้วยกันเล่า พรุ่งนี้เจ้าก็ลองไปหางานทำเถอะ ปล่อยข้าไว้แบบนี้แหละ” เหมยจูว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจกับอนาคตของตนเอง
“ได้อย่างไรเจ้าค่ะท่านป้าจู พวกเราจะไม่มีทางทิ้งท่านป้าเป็นแน่ ใช่หรือไม่พี่อาตง” เสี่ยวชิงรีบชิงเอ่ยออกมา
“ป้าจู ข้าได้ยินมาว่าสามีของเสี่ยวฮวนแท้จริงแล้วเป็นคนส่งฟืนที่ร่ำรวย เขาสวมชุดเสื้อผ้าเนื้อดี มีเงินซื้อเครื่องประดับราคาแพงจากร้านหงเฟิน เสี่ยวฮวนบอกว่าให้รอที่นี่ก่อน เช่นนั้นพวกเราก็ทำตามที่เสี่ยวฮวนบอกเถอะขอรับ ข้าเชื่อว่าเสี่ยวฮวนต้องมั่นใจถึงได้พูดแบบนั้น” อาตงแสดงความเห็นบ้าง
“ไม่รู้ว่าเสี่ยวฮวนโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่แต่งงานกับชายตัดฟืน” เหมยจูเปรยออกมา
“ท่านป้าหมายความว่าเช่นไรเจ้าคะ” เสี่ยวชิงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ข้าสงสัยว่าบางที่ตระกูลจ้าวล่มสลายเช่นนี้อาจจะเป็นฝีมือของชายตัดฟืนก็เป็นได้ พวกเจ้าไม่สงสัยหรือว่าคนตัดฟืนที่ไหนจะร่ำรวยและรูปงาม มันค่อนข้างที่จะน่าเหลือเชื่อ”
คำพูดของเหมยจูได้แต่เพียงทำให้เสี่ยวชิงกับอาตงขบคิดแต่ก็ไม่มีใครพูดอันใดออกมา
ก็ได้แต่หวังว่าชายตัดฟืนจะไม่คิดใช้ประโยชน์จากฝูฮวนก็คงดี
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?