ตอนที่ 4 แต่งงานกันเถอะ

เช้าวันรุ่งขึ้นฝูฮวนตื่นนอนด้วยการปลุกของพี่สาวเสี่ยวชิงในยามอิ๋น (03.00-04.59 น.) ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนางจะได้กินอาหารไปจนอิ่มแปล้ แต่จากคนที่ไม่เคยทำงานหนักมาก่อน แล้วต้องมาหาบน้ำทั้งวันทำให้ร่างกายยังคงเหนื่อยล้าอยู่มาก แต่ก็จนใจด้วยร่างนี้เป็นเพียงบ่าวไม่สามารถทำตามใจตนเองได้

“เสี่ยวฮวน รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”

“พี่อาทิตย์เหรอ ขออีกห้านาที” เสี่ยวฮวนได้ยินเสียงปลุกก็คิดว่าเป็นหัวหน้าที่มักปลุกให้นางกลับบ้านซึ่งบางครั้งก็หลับคาเกมส์

“เสี่ยวฮวน เจ้าต้องตื่นเดี๋ยวนี้ อยากโดนลงหวายอีกหรือ” เสี่ยวชิงรีบร้องเรียกเสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อย

“ลงหวายเหรอ อะ โบยหรือเจ้าคะ”

เสียวฮวนได้ยินว่าต้องถูกลงหวายก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเต็มที่ สติรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ได้อยู่ที่ทำงานอย่างที่เคย ส่วนเสี่ยวชิงก็ได้บ่นกับตนเอง

“เหตุใดเสี่ยวฮวนจึงดูแปลกไป”

หลังจากที่ล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยแล้ว ฝูฮวนจึงได้มีโอกาสสอบถามถึงสาเหตุที่นางถูกปล่อยตัวในวันนี้

“เสี่ยวฮวนหนอเสี่ยวฮวน เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันปักปิ่นคุณหนูรอง งานที่ต้องทำมีล้นจวน หากขังเจ้าไว้เปล่า ๆ แล้วใครจะมาช่วยพวกข้าทำงานกันเล่า นายท่านจึงให้พ่อบ้านมาแจ้งให้ปล่อยเจ้าตั้งแต่เช้าแล้ว” เสี่ยวชิงตอบแล้วก็เดินนำหน้าฝูฮวนตรงไปยังครัวใหญ่

“แล้ววันนี้เจ้ามาช่วยท่านป้าจูกับข้าในครัว เจ้าต้องไปขอบคุณป้าจูที่ขอร้องให้เจ้าจากท่านพ่อบ้านเองเชียวนะ” เสี่ยวชิงลดเสียงลงกระซิบบอกกับบ่าวตัวน้อยที่นางนั้นรักและสงสารเป็นอย่างมาก

“ขอบคุณพี่เสี่ยวชิง ขอบคุณท่านป้าจู ข้าสัญญาจะตอบแทนให้ดีเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวชิง เสี่ยวฮวนมาแล้วหรือ พวกเจ้าสองคนมานี่ มาช่วยกันพับนกมงคลในถาดนี้ให้หมด” เป็นท่านแม่นมเหยาที่ลงมากำกับการทำงานภายในเรือนบ่าวแห่งนี้ ทั้งสองบ่าวสาวจึงหันหน้าไปรับถาดที่ใส่อุปกรณ์พับนกมงคลมานั่งอยู่ตรงโต๊ะว่างในห้องครัวที่ห่างออกมาจากเตาไฟอยู่มาก

เสี่ยวชิงกับฝูฮวนพับนกมงคลยังได้ไม่ถึงหนึ่งตัวก็มีเสียงเอะอะมาจากในห้องเก็บเสบียง เสี่ยวชิงจึงกระซิบถามท่านป้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ

“ป้าหู เสียงเอะอะอะไรหรือเจ้าคะ”

“ก็จะอะไรเสียล่ะ เมื่อคืนมีคนมาแอบกินอาหารในหม้อนึ่งที่ต้องเตรียมให้ไว้ต้อนรับท่านกงกงที่มาจากตำหนักองค์รัชทายาท บ่าวที่ดูแลห้องเสบียงเลยโกรธและคงต้องถูกลงโทษอย่างหนัก นี่ถ้าไม่ติดว่าเสี่ยวฮวนถูกขังในห้องเก็บฟืน พวกนางคงโทษว่าเป็นเสี่ยวฮวนที่แอบมาขโมยเอาอาหารมากินเป็นแน่”

“แล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่าเจ้าคะ” เสี่ยวชิงถามต่อ

“อาหารที่หายไปเป็นกุ้งมังกร ซึ่งเรื่องราคาแพงย่อมไม่ใช่ปัญหาเพราะจวนเสนาบดีมีเงินทองมากมาย แต่กว่าเรือทะเลจะเข้ามาเทียบท่านั้นคงอีกนาน จึงเป็นปัญหาใหญ่เมื่อของที่หายไม่ใช่อาหารธรรมดา” นางหูเอ่ยตอบด้วยเสียงกระซิบเช่นกัน แต่ก็ดังพอให้ฝูฮวนได้ยินอย่างชัดเจน

หญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงกำลังตัดกระดาษถึงกับเผลอทำมีดบาดนิ้วเนื่องจากสะดุ้งขึ้นสุดตัว

“โอ้ย”

“เสี่ยวฮวน ระวังหน่อย ขอข้าดูมือเจ้า” เสี่ยวชิงรีบวางกระดาษในมือลง คว้ามือฝูฮวนไปดูแล้วรีบพาไปล้างและหาสมุนไพรแถวนั้นมาตำให้เละและพอกเอาไว้

“เสี่ยวฮวน เจ้าพับนกมงคลไม่ได้แล้ว หากเลือดซึมออกมาเปื้อนนกมงคลเจ้าคงได้ถูกลงโทษอีกเป็นแน่” เสี่ยวชิงเอ่ยบอกฝูฮวนด้วยเสียงเป็นกังวล

“พี่เสี่ยวชิงขอบคุณที่ดูแลข้าเป็นอย่างดี ข้าไปช่วยท่านป้าจูทางนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงก็กลับไปพับนกมงคลต่อ ส่วนฝูฮวนว่าแล้วก็เดินแยกกลับไปหาเหมยจู

ข้าขอโทษนะ แต่ข้าหิวจริง ๆ นี่นา บ่าวได้กินแค่ข้าวต้มเละ ๆ สารอาหารอะไรก็ไม่พอ แล้วข้าจะไปมีแรงที่ไหนมาทำงานกันเล่า ถึงว่าร่างนี้ถึงผอมขนาดนี้ ฝูฮวนจึงได้แต่เอ่ยขอโทษบ่าวห้องเสบียงภายในใจเท่านั้น

คุณหนูรองกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพิธีการในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนลำดับขั้นตอนของพิธีการ การประทินผิว เครื่องแต่งกาย รวมทั้งการเตรียมตัวในส่วนอื่น ๆ ทำให้คุณหนูรองไม่มีเวลามากลั่นแกล้งบ่าวอย่างฝูฮวน

จึงทำให้บ่าวตัวน้อยอยู่อย่างสงบไปหนึ่งวัน เนื่องจากไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะต้องคอยฟังเสียงกระดิ่งที่คุณหนูรองจ้าวหยางซูจะสั่นเรียกเพื่อกลั่นแกล้งและตบตีนางคลายโทสะ

นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ฝูฮวนร่างเก่าไม่ค่อยพูดจาเนื่องจากว่าต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงสั่นกระดิ่งอยู่ตลอดเวลานี่เอง ฝูฮวนพยักหน้าหงึกหงักให้กับความคิดของตนเองที่เข้าใจชีวิตที่ยากลำบากของร่างนี้มากยิ่งขึ้น

ฝูฮวนจึงช่วยเหลืองานในครัวอย่างขยันขันแข็ง โดยเป็นคนลุกหยิบจับยื่นส่งสิ่งของให้กับเหล่าบ่าวที่กำลังสาละวนเตรียมงานอย่างเร่งรีบ ระหว่างนั้นก็เอ่ยทักทาย ชวนคุยและขยันยิ้มเอาใจเพื่อนร่วมบ่าวไปทั่ว

ด้วยฝูฮวนสวมใส่เสื้อผ้าปรุขาด ผมเผ้าไม่ได้เก็บให้เรียบร้อย การที่หญิงสาวยิ้มแย้มจึงคล้ายกับน่าเกลียดไม่น่ามองมากกว่าจะงดงาม แต่ก็จนใจว่าฝูฮวนไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อยเมื่อเพื่อนบ่าวด้วยกันไหว้วานให้นางทำงานให้ เหล่าบ่าวด้วยกันจึงทำเป็นมองข้ามรูปลักษณ์ที่อัปลักษณ์ของเสี่ยวฮวนไป

โดยหารู้ไม่ว่าเป็นแผนการของฝูฮวนทั้งนั้นที่จะเอาตัวรอดยอมทำงานหนักในครัวดีกว่าต้องไปหาบน้ำทั้งวันดั่งเช่นเมื่อวาน

ในระหว่างที่ทำงานอย่างแข็งขัน ฝูฮวนไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะหาทางออกไปจากจวนแห่งนี้ ถ้านางจำไม่ผิดวันตายของร่างนี้คือวันปักปิ่นคุณหนูรอง ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว

ฝูฮวนโทษสวรรค์ที่ไม่ส่งสัญญาณให้นางได้รู้ก่อนว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันปักปิ่นของคุณหนูรอง หรือก็คือวันตายของร่างนี้ เพราะถ้าหากนางรู้ก่อนล่วงหน้าเมื่อคืนตอนที่เจอกับชายตัดฟืนนางคงทำข้อตกลงกับเขาไปเรียบร้อยแล้ว คงไม่มานั่งไม่ติดเป็นไฟลนก้นเช่นนี้เป็นแน่

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ฝูฮวนจากที่พูดคุย ร่าเริงก็กลายเป็นเงียบขรึม พยายามคิดหาหนทางตลอดเวลาจนบางครั้งถึงกับเหม่อและหยิบสิ่งของที่ผิดส่งให้อีกฝ่าย

ฝูฮวนบ่นเสียงเบาอยู่ในห้องน้ำ นางอ้างกับหัวหน้าบ่าวว่าขอตัวมาทำธุระปลดเบา จะได้มีเวลาคิดหาหนทาง ถึงแม้ว่ามันจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่ถูกสุขลักษณะเหมือนกับยุคที่จากมา แต่ที่นี่เป็นที่เดียวที่ปลอดภัยให้ตนเองใช้เวลาส่วนตัวได้

“จะทำไงดี ไอ้หวานลูกพ่อ คิดสิคิด ทำยังไงถึงจะออกไปดีลกับชายส่งฟืนได้ ทำไมสวรรค์ใจร้ายกับข้าเช่นนี้”

ฝูฮวนเมื่ออยู่ในห้องน้ำนานจนไม่อาจยืดเวลาออกไปได้อีกแล้ว หญิงสาวจึงออกมาจากห้องน้ำและกำลังจะเดินกลับไปยังห้องครัวใหญ่ ด้วยมัวแต่กังวลและเหม่อลอยทำให้เดินก้มหน้ามาตลอดก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง

“เหว๋ออออ โอ้ย เจ็บ เจ็บ”

ฝูฮวนที่ล้มก้นจ้ำเบ้ากระแทกกับพื้นดิน พอตั้งตัวได้จึงเงยหน้าขึ้นหวังต่อว่าให้หายเจ็บใจและเจ็บก้น แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเพราะคนที่นางเดินชนนั้นคือชายส่งฟืนที่นางกำลังหาทางออกไปเจอเพื่อทำข้อตกลงนั่นเอง

“พี่ชายคนส่งฟืน เป็นพี่ชายจริง ๆ ด้วย ขอบคุณสวรรค์”

ฝูฮวนเมื่อสติรับรู้ว่าฮีโร่ของนางมายืนอยู่ตรงหน้าในช่วงเวลาที่เหมาะสมเช่นนี้แล้ว นางจะไม่ยอมพลาดโอกาสเป็นแน่ ฝูฮวนรีบลุกขึ้นยืน เดินเร็ว ๆ ไปยืนอยู่ตรงหน้าชายส่งฟืนที่ยังหอบฟืนอยู่บนบ่า ยืนจ้องมองหญิงสาวที่เขาก็จำได้ว่าเคยเห็นมาสองครั้งด้วยสายตาที่ฝูฮวนคาดเดาไม่ได้

แต่ในเวลานี้ฝูฮวนไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว เมื่อนางมายืนอยู่ตรงหน้าชายตัดฟืน เพราะยังหาคำพูดดี ๆ ที่จะกล่าวออกไปไม่ได้ฝูฮวนจึงได้พิจารณาคนตรงหน้าอีกครั้งอย่างใกล้ชิด

อย่างน้อยนางก็ต้องอยู่กับเขาไปอีกนานถ้าการตกลงสำเร็จ มองโดยรวมก็ไม่ได้แย่อะไร อย่างน้อยอยู่กับคนตัดฟืนก็ดีกว่าตายในจวนแห่งนี้

เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ศีรษะของนางสูงเพียงหน้าอกของเขาเท่านั้น ผมเผ้า หนวดเครารุงรัง มองเห็นเพียงดวงตาคมกริบ เสื้อผ้าถึงแม้ว่าจะเก่าและปะชุนหลายที่ แต่ก็ถือว่าสะอาดสะอ้านไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเหมือนกับเหล่าพี่สาวบ่าวพูดถึงเมื่อวาน

เมื่อฝูฮวนหายจากอาการตื่นเต้นหัวสมองนางก็แล่นเร็วจี๋ ไม่รู้ว่าบุคคลที่โผล่มากะทันหันจะเป็นเพียงภาพเพ้อฝันหรือไม่ แต่นางต้องพูดออกไปแล้ว หญิงสาวสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอดก่อนจะตะโกนออกไปเสียงดังลั่น

“พี่ชาย พวกเรามาแต่งานกันเถอะ!”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ