ชุยเทียนหนิงนั้นแต่เดิมเขาเดินทางผ่านมาทางนี้ก็เพราะว่าเพิ่งไปส่งลูกศิษย์เข้าสอบที่เมืองหลวงมา พอเหมาะพอดีกับที่หานว่านอี้กำลังโดนทำร้ายจึงได้เข้าช่วยเหลือนางไว้
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นที่หานว่านอี้ยินยอมตกลงร่วมเดินทางมากับชุยเทียนหนิงก็ผ่านมาได้สามวันแล้ว ชุยเทียนหนิงคอยดูแลหานว่านอี้เป็นอย่างดี ความดีของชุยเทียนหนิงทำให้นางรู้สึกปลอดภัยขึ้น จากที่ควรจะตื่นตกใจทั้งเรื่องที่เข้ามาอยู่ในร่างของใครก็ไม่รู้ และเรื่องที่ตนนั้นเพิ่งประสบพบเจอก่อนจะมาเป็นหานว่านอี้
บางครั้งหานว่านอี้ก็แอบร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ เมื่อคิดถึงว่าหากอาจารย์หนุ่มเป็นอดีตสามีของนางจะดีมากเพียงใด ทั้งในยุคปัจจุบันที่นางจากมาและในตอนนี้ บุรุษเยี่ยงไต้เว่ยนั้นมีมากมาย คารมหวานแต่ก้นขม จิตใจโลเลแปรปรวนและหูเบา
หลายวันที่หานว่านอี้เดินทางกับชุยเทียนหนิง นางพบว่าเขาหาใช่บุรุษเช่นนั้นไม่ นั่นยิ่งทำให้นางเกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อบัณฑิตหนุ่ม
หลายวันมานี้หานว่านอี้ร้องไห้บ่อยครั้ง อดีตที่ไม่อยากจดจำมันผุดเข้ามาในความฝันของนางไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องอุบัติเหตุในร่างก่อน ทั้งเรื่องการถูกขอหย่าเพราะนางไม่สามารถมีบุตรได้ รวมถึงแม้กระทั่งเรื่องของไต้เว่ยที่นางไม่รู้จัก ซึ่งมันเป็นความทรงจำเก่าของเจ้าของร่างนี้
อาจจะเป็นเพราะตั้งครรภ์ด้วย เลือดลมธาตุต่าง ๆ จึงแปรปรวนได้ง่าย จึงทำให้หานว่านอี้อารมณ์อ่อนไหวกับทุกเรื่อง อาการแพ้ท้องอย่างหนักของหานว่านอี้ทำให้การเดินทางไปเมืองผาซานล่าช้าลงไปเป็นเท่าตัว แต่ชุยเทียนหนิงก็ไม่เคยปริปากบ่นออกมาแม้เพียงครึ่งคำ
วันเวลาผ่านไปอีกหลายบรรจบ ในที่สุดชุยเทียนหนิงและหานว่านอี้ก็แวะพักที่เมืองเล็ก ๆ ระหว่างทาง
“ขออภัยนายท่านทั้งสอง ห้องในโรงเตี้ยมเหลือเพียงห้องเดียวขอรับ”
เถ้าแก่ของโรงเตี้ยมเอ่ยแจ้งแก่หานว่านอี้และชุยเทียนหนิง เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงเมืองสุดท้ายก่อนจะถึงเมืองผาซาน เวลาใกล้ค่ำแล้วทั้งสองจึงได้ตกลงกันว่าจะพักที่เมืองนี้ก่อน รวมทั้งหานว่านอี้ยังมีอาการอ่อนเพลียจนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ หากยังดื้อดึงนางอาจจะแท้งบุตร เนื่องจากตรากตรำเดินทางมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว
ครรภ์ของหานว่านอี้เพิ่งเข้าเดือนที่สามจึงยังไม่สามารถถือว่ามั่นคงนัก
“เถ้าแก่ ท่านตรวจดีแล้วหรือไม่” เป็นหานว่านอี้ที่เอ่ยถามออกไป
“แม่นางข้าตรวจดูดีแล้ว มีเหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้น อีกอย่างพวกท่านเดินทางมาด้วยกันมิใช่สามีภรรยาหรอกหรือ” เถ้าแก่เอ่ยยืนยันออกไปพลางเอ่ยถามขึ้น
“ข้ามะ.../ใช่แล้ว ภรรยาของข้านางกำลังตั้งครรภ์ นางเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมากไปหน่อยจึงได้สับสนเล็กน้อย เช่นนั้นเถ้าแก่ท่านก็เปิดห้องนี้ให้พวกเราเถิด” หานว่านอี้กำลังจะเอ่ยปฏิเสธออกไป ก็พอดีที่ชุยเทียนหนิงเอ่ยยอมรับออกไปเสียก่อน เขาส่ายหน้าส่งสัญญาณให้นางไม่ต้องพูดสิ่งใด หานว่านอี้จึงได้แต่เงียบเสียงไปในที่สุด
“เถ้าแก่ข้าขอน้ำร้อนกับอาหารสักสองสามอย่างให้พวกเราด้วยนะ” ชุยเทียนหนิงเอ่ยสั่งความกับเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี้ยมอีกครั้ง พร้อมกับวางตำลึงเงินให้
“ได้ ได้ ข้าจะรีบสั่งให้ห้องครัวและบ่าวรับใช้จัดการเดี๋ยวนี้” เถ้าแก่โรงเตี้ยมเอ่ยรับปาก พลางใช้มือกวาดเอาตำลึงไปเก็บไว้พลางยิ้มร่าอย่างมีความสุข ไม่ต้องนับก็รู้ว่าเขาเจอลูกค้ากระเป๋าหนักแล้ว
“ไปกันเถอะ” ชุยเทียนหนิงเอ่ยปากบอกหานว่านอี้ก่อนจะเดินตามลูกจ้างของทางโรงเตี้ยมไปยังห้องพัก
“แม่นางหาน ข้าต้องขออภัยที่ตัดสินใจเช่นนี้ ข้าเข้าใจว่าชายหญิงมิสมควรอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง แต่พวกเราสองคนเดินทางมาด้วยกันร่วมหนึ่งเดือน ข้ามิได้มีเจตนาล่วงเกินเจ้า อีกอย่างเจ้าต้องการพักผ่อนยิ่งนัก เจ้าอาบน้ำกินอาหารเสร็จแล้วก็นอนพักบนเตียงได้ ส่วนตัวข้าจะนอนที่ตั่งเล็กในห้องเอง” ชุยเทียนหนิงเอ่ยขึ้นเพื่อให้หานว่านอี้คลายกังวล
“คุณชายชุย ข้านั้นต้องขอขอบคุณในความมากน้ำใจของท่าน แต่ท่านเป็นผู้ออกเงินค่าห้องในครานี้ ถ้าให้เจ้าของเงินต้องมานอนลำบากบนตั่ง ข้านั้นก็เห็นไม่สมควร และรู้สึกเกรงใจยิ่ง”
“ข้าเป็นบุรุษ เช่นไรก็แข็งแรงกว่าแม่นางมาก มิเป็นการลำบากอันใด อีกทั้งเพียงแค่หนึ่งคืนเท่านั้น ขอแม่นางหานอย่าได้เกรงใจ” ชุยเทียน หนิงเอ่ยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจท่านแล้ว ขอบคุณอีกครั้งเจ้าค่ะ” หานว่านอี้ยกมือคารวะชุยเทียนหนิงไปหนึ่งครั้ง ไม่นานบ่าวรับใช้จึงได้ยกน้ำอาบมาส่งถึงห้อง ชุยเทียนหนิงจึงให้หานว่านอี้อาบน้ำก่อน แล้วให้บ่าวเปลี่ยนน้ำอีกครั้ง ตัวเขาจึงได้ไปอาบน้ำเป็นคนถัดไป
เพียงไม่ถึงชั่วจิบชาที่ชุยเทียนหนิงอาบน้ำเสร็จ อาหารก็ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกินแล้ว ทั้งสองคนจึงได้กินอาหารอย่างมีความสุข หานว่านอี้ที่ได้พักผ่อนระหว่างรอชุยเทียนหนิงอาบน้ำไปบ้างแล้ว รวมทั้งไม่ต้องนั่งอยู่ในรถม้าที่แคบ ๆ จึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลังกินอาหารเสร็จสิ้นหานว่านอี้จึงได้ขึ้นไปนอนบนเตียง ชุยเทียนหนิงขอออกไปหาซุนเล่อคนขับรถม้าของตนเองแล้วจะกลับมานอนเอง เขาบอกให้ภรรยากำมะลอไม่ต้องรอเขา
กลางดึกหานว่านอี้สะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่พอระลึกได้ว่าตนเองนอนอยู่ในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งจึงได้สอดส่ายสายตามองหาชายหนุ่มร่วมห้อง เพียงปรับสายตาไม่นาน อาศัยเพียงแสงสว่างจากจันทราก็เห็นชุยเทียนหนิงนอนขดตัวอยู่บนตั่งตัวเล็กมุมหนึ่งของห้อง ด้วยรูปร่างของอาจารย์หนุ่มสูงใหญ่กว่าตั่งมากจึงทำให้เขารู้สึกนอนไม่สบายตัวไปมากโข
หานว่านอี้นิ่งคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งจึงได้เดินไปยังที่ชุยเทียนหนิงนอนอยู่ นางเตะมือไปที่ลำแขนใหญ่ของชายหนุ่มเบา ๆ พลางเอ่ยเรียก
“คุณชายชุย คุณชายชุย ท่านตื่นเถอะ”
ชุยเทียนหนิงลืมตาตื่นขึ้น เขาไม่ได้มีอาการงัวเงียแม้แต่น้อย เป็นเพราะอาจารย์หนุ่มรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ที่หานว่านอี้ก้าวเท้าลงจากเตียงแล้ว เขาแกล้งทำเป็นหลับต่อไปเพียงเพื่อจะดูว่านางจะทำเช่นไร
“แม่นางหาน เกิดเหตุอันใดขึ้นเช่นนั้นหรือ”
“ข้าตื่นมาแล้วเห็นท่านนอนไม่สบายตัวเท่าไหร่จึงอยากจะมาแจ้งให้คุณชายขึ้นไปนอนด้วยกันบนเตียงเถิด เพียงข้านำหมอนมากั้นก็คงพอใช้ได้แล้ว ข้ารู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้ท่านต้องลำบากเช่นนี้”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?