ตอนที่ 6. เกินรับไหว

“แม่นางหาน จะดีหรือ ข้าเป็นบุรุษ”

“คุณชายชุย ข้าว่าไม่เป็นไร ท่านไม่มีเจตนาที่ไม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”

หานว่านอี้พูดแล้วถึงกับหน้าขึ้นสี นางพูดเสร็จแล้วก็รีบเดินกลับไปขึ้นเตียง ขยับร่างไปอยู่ข้างในสุดแล้วนำหมอนใบใหญ่มาวางกั้นไว้บนที่นอนระหว่างนางและอาจารย์หนุ่ม ถ้าพิจารณาให้ดีก็เหมือนกับนางเอ่ยเชื้อเชิญบุรุษรูปงามขึ้นเตียง ถึงแม้จะมีเจตนาดีก็ตาม ทำให้นางใบหน้าเห่อร้อนยิ่ง

ทางด้านชุยเทียนหนิงก็ไม่คิดว่าหานว่านอี้จะเอ่ยคำเช่นนี้ออกมา ด้วยเขารู้ดีว่านางค่อนข้างให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่น้อย แต่ทว่านางถึงกลับกล้าเอ่ยปากก่อนเช่นนี้เขาจึงได้แต่ยิ้มอ่อนโยนในความมืด รู้สึกประทับใจในความมีน้ำใจและความกล้าหาญของหญิงสาวเพิ่มขึ้น

ชุยเทียนหนิงไม่อ้อยอิ่งอีกต่อไป ผลัดชุดนอกออกแล้วเดินไปขึ้นเตียงด้านนอก เขาล้มตัวลงนอนและหันหน้าไปมองยังร่างบอบบางที่นอนหันหลังให้กับเขาด้วยสายตาอ่อนโยนเป็นพิเศษ

กลิ่นกายหอมกรุ่นของหญิงสาวที่นอนอีกอยู่ฝากหนึ่งของเตียงโชยเข้าจมูกของอาจารย์หนุ่มที่อยู่แต่กับตำราและลูกศิษย์ชาย เมื่อได้กลิ่นหอมกรุ่นของสตรีที่ตนเองรู้สึกต้องชะตาตั้งแต่แรกพบถึงกับทำให้อาจารย์หนุ่มรู้สึกกระสับกระส่าย จะขยับตัวพลิกไปมาก็เกรงว่าจะไปรบกวนคน ข้าง ๆ

เฮ้อ ดีหรือแย่กันแน่ เพียงกลิ่นหอมจากกายนางก็ทำให้เขานอนไม่หลับอยู่แล้ว ยิ่งมานอนบนเตียงเดียวกันเช่นนี้ยิ่งทำให้เขานอนไม่หลับเข้าไปอีก เหมือนเขากำลังทรมานตนเองเช่นไรก็ไม่รู้ ไม่สมกับเป็นอาจารย์เสียเลย

กว่าชุยเทียนหนิงจะข่มตาให้หลับลงได้เวลาก็ใกล้ย่ำรุ่งเข้าไปแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ตื่นนอนก็ล้างหน้าล้างตา ระหว่างรับอาหารเช้าหานว่านอี้เห็นชุยเทียนหนิงดูอ่อนเพลีย ขอบตาดำคล้ำทั้งที่ได้ย้ายไปนอนบนเตียงแล้วแต่เหตุใดจึงมีท่าทางเช่นนี้จึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

“คุณชายชุย ท่านนอนไม่หลับหรือเจ้าคะ”

“แม่นางหาน เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าข้านอนไม่หลับเล่า” ชุยเทียนหนิงวางตะเกียบในมือลงแล้วเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

“ข้าเห็นท่านดูอ่อนเพลียและขอบตาดำคล้ำ คลับคล้ายคนที่นอนหลับไม่สนิทจึงได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเจ้าคะ”

“เพียงเกรงว่าจะหลับลึกและเผลอไปล่วงเกินแม่นางเข้าจึงทำให้ข้าเกร็งตัวทั้งคืนเท่านั้น แม่นางไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้านั้นยังแข็งแรงดี” ชุยเทียนหนิงเอ่ยตอบเสียงเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์ ท่าทางเรียบนิ่ง ทั้งที่ข้างในนั้นกำลังเต้นเร่าจนยากจะข่มกลั้น แต่ด้วยเป็นอาจารย์มานานจะมาตกม้าตายในตอนนี้ก็ใช่ที่ แต่คงไม่รู้ว่าใบหูของตนเองนั้นแดงลามไปถึงลำคอแล้ว

“อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นท่านก็กินให้เยอะ ๆ ผัดเนื้อสามสหายนี่อร่อยมากเจ้าค่ะ”

หานว่านอี้ร้องรับในลำคอก่อนจะคีบชิ้นเนื้อลงไปวางไว้บนถ้วยข้าวของอาจารย์หนุ่มแล้วอมยิ้มด้วยความเอ็นดูกับคำตอบของชายหนุ่มตรงหน้า

แท้จริงแล้วเขาเพียงแค่เขินอายเท่านั้น ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก

หานว่านอี้และชุยเทียนหนิงหลังจากที่เสร็จสิ้นมื้อเช้าก็เดินทางต่อไปยังเมืองผาซาน ซึ่งซุนเล่อแจ้งว่าวันนี้ไม่เกินค่ำก็ถึงเมืองผาซานแล้ว ทำให้หานว่านอี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากในความทรงจำของร่างนี้ เมืองผาซานเป็นเมืองที่นางอาศัยกับบิดาและมารดาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หลังจากบิดาเสียชีวิตก็ย้ายไปอยู่กับตระกูลไต้ตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบปี นางยังจำภาพช่วงชีวิตวัยเด็กที่นี่ได้ไม่ลืมเลือน

“แม่นางหาน ท่านคิดจะทำอย่างไรเมื่อไปถึงเมืองผาซานแล้ว” ชุยเทียนหนิงเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถม้า เป็นการเดินทางที่ไม่เร่งรีบเพราะต้องคอยระวังครรภ์ของหานว่านอี้ด้วย

“ข้าจะกลับไปอยู่บ้านเดิมเจ้าค่ะ ข้าจะไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่น”

“เช่นนั้นข้าจะไปส่งแม่นางที่บ้านของเจ้าก่อน แล้วจึงเดินทางไปยังสำนักฝูเถา” ชุยเทียนหนิงเอ่ยสรุปความให้ฟัง

“ขอบคุณอีกครั้งนะเจ้าคะ ที่ช่วยเหลือข้ามาตลอดการเดินทาง”

“ไม่เป็นไร”

แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อหานว่านอี้เดินทางมาถึงบ้านของตนเองก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น เพราะบ้านที่เคยอาศัยตั้งแต่เด็กบัดนี้กลับกลายเป็นบ้านร้างไปเสียแล้ว ตัวบ้านยังมีส่วนหลงเหลือจากซากไฟไหม้อยู่อย่างเห็นได้ชัด เมื่อสอบถามคนแถวนั้นจึงได้ความว่า บ้านหลังนี้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นเมื่อห้าปีก่อนเนื่องจากมีพวกเร่ร่อนมาอาศัยอยู่แล้วมีคนใจร้ายจุดไฟเผาไล่พวกเร่ร่อนให้ออกไป

หานว่านอี้ถึงกับเข่าทรุดลง ถ้าไม่ได้ชุยเทียนหนิงช่วยประคองไว้นางคงทรุดลงไปอยู่กับพื้นแล้ว นางร้องไห้ออกมาอย่างไม่หลงเหลือความอายไว้เลย

หานว่านอี้ทั้งตกใจและไม่รู้จะตัดสินใจเช่นไรต่อไปในวันข้างหน้า ทั้งเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอย่างทุลักทุเลมาตลอดหนึ่งเดือน ยิ่งกำลังตั้งครรภ์และมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ร่างกายก็รับความผิดหวังเสียใจจากเหตุการณ์ที่ถาโถมเข้ามาตลอดช่วงนี้ไม่ไหวถึงกับเป็นลมหมดสติล้มพับลงไปในอ้อมแขนของชุยเทียนหนิง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานมากแค่ไหน นางมารู้สึกตัวอีกทีก็รับรู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงในห้องหนึ่ง มองดูไปโดยรอบก็เป็นห้องที่ไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับยากจนอีกทั้งห้องยังกว้างขวางอยู่บ้าง มีเครื่องประดับตกแต่งพอเหมาะไม่มากเกินและไม่น้อยเกินไป

หลังจากที่คิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและสาเหตุที่ทำให้ตนเองมานอนอยู่ที่ตรงนี้ได้แล้วจึงพอจะคาดเดาได้ว่า คงเป็นคุณชายชุยที่ช่วยเหลือตนเองไว้ หานว่านอี้นอนนิ่ง ๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ไม่นานก็มีเสียงเปิดประตู นางจึงหันหน้าไปทางประตูที่เปิดอ้าด้วยสองมือน้อย ๆ ปรากฏเป็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง อายุไม่น่าเกินสิบขวบปีเดินถืออ่างน้ำใบเล็กเข้ามา

“ดียิ่ง นายหญิงท่านฟื้นแล้ว” ถงถง เด็กหญิงเมื่อสังเกตุว่าหญิงสาวที่ท่านอาจารย์พามาฟื้นแล้วจึงได้เอ่ยทักออกไปพร้อมกับวางอ่างน้ำไว้ตรงโต๊ะเล็กข้างเตียง

“เด็กน้อย ที่นี่เป็นที่ใด เจ้าพอบอกข้าได้หรือไม่” หานว่านอี้พยุงตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนกว้างก่อนเอ่ยปากถามเด็กหญิงออกไป

“เรียนนายหญิง ที่นี่เป็นเรือนเฉิงอี้ หนึ่งในเรือนหลักของสำนักศึกษาฝูเถา มีท่านอาจารย์ชุยเทียนหนิงเป็นเจ้าของเรือนเจ้าค่ะ” เด็กหญิงเอ่ยตอบอย่างฉะฉานไม่ได้มีความหวาดกลัวคนแปลกหน้าที่เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก

“คุณชายชุยเป็นคนช่วยข้าไว้หรือ” หานว่านอี้เอ่ยถามออกไปอีกครั้งพลางทำท่าจะลุกออกจากเตียง

“นายหญิง ท่านยังไม่หายดี อย่าเพิ่งลุกนะเจ้าคะ ท่านรออยู่บนเตียงนั่นแหละเจ้าคะเดี๋ยวถงถงจะนำอ่างน้ำไปให้ท่านล้างหน้าเองเจ้าค่ะ”

เด็กหญิงรีบร้องห้ามนายหญิงคนใหม่อย่างตื่นตะหนก เมื่อวานเย็นนางกับท่านย่าถึงกับตื่นตกใจจนทำอันใดไม่ถูกเมื่อท่านอาจารย์อุ้มแม่นางตรงหน้ากลับเข้าเรือนมา พลางร้องเรียกให้ไปตามหมอมาอย่างร้อนใจ ดีว่าท่านย่าหัวไวรีบไปเรียกท่านหมอหู หมอประจำสำนักศึกษาให้รีบมาตรวจนายหญิงอย่างเร่งด่วน

โชคดีที่นายหญิงเพียงเป็นลมไปเท่านั้น ท่านหมอหูบอกว่านอนพักไม่กี่วันแล้วกินยาบำรุงไม่กี่เทียบก็จะค่อยยังชั่วขึ้น ท่านย่าแอบเปรยกับตนเองว่าตั้งแต่อยู่รับใช้ท่านอาจารย์มายังไม่เคยเห็นอาจารย์ตื่นตกใจขนาดนี้มาก่อน แสดงว่านายหญิงตรงหน้าต้องเป็นคนสำคัญของท่านอาจารย์เป็นแน่ ท่านย่าจึงสั่งกำชับนางไม่ให้ทำให้นายหญิงคนใหม่ไม่พอใจ

ถงถงรีบตั้งสติ นางสะบัดหัวสองสามทีจึงได้ปรนนิบัติหานว่านอี้ให้ล้างหน้าบ้วนปาก รวมทั้งเรื่องปลดหนักปลดเบาจนเป็นที่เรียบร้อย

“นายหญิงเจ้าคะ ท่านลุกมานั่งตรงนี้ก่อนข้าจะไปยกสำรับอาหารมาให้ท่านเอง ท่านอาจารย์ฝากมาบอกว่าถ้านายหญิงฟื้นแล้วก็ให้รอท่านอาจารย์อยู่ที่เรือนนี้ก่อน ห้ามไปไหนจนกว่าท่านอาจารย์จะกลับมาจากไปพบท่านอาจารย์ใหญ่เจ้าค่ะ” ถงถงเด็กหญิงช่างเก่งกาจเกินวัย นางสามารถทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ