ตอนที่ 5. แม่สามีใจร้าย

จางซูหลินยังคงยืนอยู่กลางลานหน้าบ้าน ใบหน้าของแม่สามีเต็มไปด้วยความโกรธ และตั้งใจที่จะทำให้ลู่เจียวดูแย่ต่อหน้าชาวบ้าน พยายามทำให้เธอเหมือนลูกสะใภ้ที่ไม่รู้จักบุญคุณ ไม่ยอมแบ่งอาหารให้บ้านหลัก แต่ในเมื่อเรื่องมันถึงขนาดนี้แล้ว ลู่เจียวไม่สามารถทนเงียบได้อีกต่อไป เธอต้องบอกให้ทุกคนรู้ความจริง 

"ทุกคนช่วยฟังฉันหน่อยค่ะ" ลู่เจียวเริ่มพูด น้ำเสียงของเธอไม่ดังมาก แต่ในสถานการณ์นี้ทุกคนเงียบลงและเริ่มหันมาสนใจ 

"ทุกคนคงรู้ว่า ฉันกับลูกสองคนต้องอยู่กันตามลำพัง สามีของฉันต้องไปทำงานในเมืองใหญ่ เขาทำงานหนักมากเพื่อส่งเงินกลับมาให้ครอบครัว แต่ทุกคนรู้ไหมคะ? ว่าเงินที่เขาส่งมาไม่เคยถึงมือฉันกับลูกเลยสักครั้ง" ลู่เจียวหยุดมองไปรอบตัวชาวบ้านที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ บางคนพยักหน้า บางคนก็เริ่มซุบซิบ 

"แม่สามีของฉัน จางซูหลิน เอาเงินทั้งหมดที่พี่หยางส่งมาเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่เคยส่งต่อให้ฉันกับลูกเลย ดูเด็กสองคนนี้สิคะ ซีซวนกับชิงอี พวกเขาผอมแกร็น ไม่มีอะไรจะกิน เสื้อผ้าก็เก่าจนปะชุนไม่ไหวแล้ว บ้านที่เราอยู่ก็คงไม่พ้นลมหนาวปีนี้หรอกค่ะ" 

ชาวบ้านเริ่มพึมพำกันมากขึ้น เสียงกระซิบดังขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนเริ่มแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ลู่เจียวพูด พวกเขามองมาที่เธอด้วยความเห็นใจ 

"ฉันต้องเข้าไปในป่า หาเผือกและผักป่ามาเลี้ยงลูกทุกวัน ฉันไม่ขออะไรจากใครหรอกนะคะ แต่พอฉันขุดเผือกได้ เอามาทำอาหาร แม่สามีก็ตามมาเพื่อจะเอาของที่ฉันหามาด้วยตัวเองไปหมด  

อาหารที่ฉันมีก็จะมาแย่งไป แล้วฉันกับลูกจะกินอะไร ฉันเป็นผู้ใหญ่ ฉันอดได้ค่ะ แต่เด็ก ๆ ล่ะคะ? พวกเขายังเล็ก พวกเขาจะตายก่อนที่จะได้เจอหน้าพ่อของพวกเขาแน่ ๆ" 

"ถ้าเป็นทุกคนมีใครจะยอมอดตายไหมคะ? ถ้ามีใครมาเอาอาหารที่หามาเองไปหมดจะทำยังไง?" 

คำถามของลู่เจียวทำให้ชาวบ้านเงียบไปชั่วขณะ พวกเขามองหน้ากันและเริ่มกระซิบเสียงดังขึ้น บางคนก็มองแม่สามีด้วยสายตาตำหนิ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จางซูหลินนินทาเธอ แต่ครั้งนี้ชาวบ้านหลายคนได้ยินและเห็นกับตาว่าลู่เจียวกำลังถูกรังแก 

"แม่เฒ่าจางนี่ไม่ดีจริง ๆ รังแกลูกสะใภ้แบบนี้ได้ยังไง" 

"น่าสงสารลู่เจียวกับลูกจริง ๆ" 

เสียงซุบซิบกระจายไปทั่ว ลู่เจียวรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่ามีคนเริ่มเห็นใจและยืนอยู่ข้างตนเอง แม่สามีหน้าซีดลงเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาด ชี้หน้าลู่เจียวอย่างโกรธแค้น 

"ฝากไว้ก่อนเถอะ! ฉันจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ!" จางซูหลินตวาดออกมาด้วยความโกรธ ก่อนจะหมุนตัวเดินกระฟัดกระเฟียดจากไป 

ลู่เจียวหายใจหอบเล็กน้อย แต่ก็ยังคงรักษาความสงบเอาไว้ รู้ว่าชัยชนะเล็ก ๆ นี้ไม่ได้ง่ายดายเลย หลังจากแม่สามีจากไป เธอหันไปทางชาวบ้านแล้วค้อมหัวขอบคุณพวกเขา 

"ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจฉันนะคะ" ลู่เจียวพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ชาวบ้านบางคนพยักหน้าให้ บางคนก็มองเธอด้วยสายตาเห็นใจ 

เธอหันกลับไปหาลูก ๆ เด็กทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาหาทันที ซีซวนรีบกอดขาของเธอแน่น ขณะที่ชิงอีก็ยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับน้ำตาคลอ 

"แม่จ๋า พวกเรากลัวย่า ย่าชอบตีพวกเรา" ชิงซีพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ  

ลู่เจียวก้มลงลูบหัวลูกทั้งสองอย่างปลอบประโลม "ไม่เป็นไร ต่อไปนี้แม่จะไม่ยอมให้ใครมารังแกลูกทั้งสองคนอีก แม่สัญญา" 

"จริงเหรอคะแม่?" ชิงอีถามพร้อมกับตาเป็นประกาย 

"จริงจ้ะ แม่จะปกป้องหนูกับพี่ชายเอง" ลู่เจียวตอบ  

ทั้งสามคนเดินกลับเข้าบ้านพากันมานั่งที่โต๊ะ พร้อมกับตักเผือกนึ่งทรงเครื่องที่ทำไว้มาวางตรงหน้า 

"มากินกันเถอะ" 

ชิงอีมองดูเผือกในจานแล้วเอื้อมมือหยิบขึ้นมา แต่ลู่เจียวสังเกตเห็นว่าหล่อนค่อย ๆ เคี้ยวแปลกไปจากปกติที่หล่อนจะรีบกิน 

"ชิงอี ทำไมหนูไม่รีบกินล่ะ?" เธอถามพลางมองหน้าลูกสาวอย่างสงสัย 

ชิงอีก้มหน้าก้มตาเคี้ยวเงียบ ๆ แล้วเงยหน้ามองก่อนตอบ "หนูกลัวมันหมดเร็วค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่หนูได้กินเนื้อ ถึงแม้มันจะเป็นแค่กุนเชียงก็ตาม" 

คำพูดของลูกทำให้อกซ้ายของเธอสั่น รู้สึกเจ็บปวดกับความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ แต่ไม่สามารถแสดงความเศร้าออกมาให้ลูกเห็นได้ 

"ไม่ต้องห่วงนะชิงอี ต่อไปนี้เราจะได้กินเนื้อ และอาหารอร่อยทุกวัน แม่สัญญา" เธอยิ้มให้ลูกสาวตัวน้อย 

เมื่อได้ยินแม่พูดชิงอีก็ยิ้มออกมาแล้วเริ่มกินเผือกทรงเครื่องอย่างเอร็ดอร่อย ลู่เจียวนั่งมองลูก ๆ กินอาหารด้วยความสุขใจ ซีซวนหันมามองแม่ของเขาแล้วพูดขึ้น 

"แม่ครับ เผือกนี้อร่อยมากเลย ทำไมแม่ไม่เอาไปขายที่ตลาดล่ะครับ?" 

ลู่เจียวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบ "แน่นอนจ้ะ วันนี้ตอนเย็นแม่จะเอาไปขายที่ตลาดด้วย แม่จะทำให้เยอะ ๆ เลย" 

"แม่ขายเก่งต้องขายหมดแน่ ๆ เลยครับ" ซีซวนพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง 

ลู่เจียวหัวเราะขณะที่เราสามคนแม่ลูกกินเผือกทรงเครื่องกันอย่างอร่อย ตอนนี้รู้แล้วว่าเธอจะต้องทำอะไรต่อไป ลู่เจียวจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวของเธออีกแล้ว จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูก ๆ ได้กินอาหารดี ๆ และมีชีวิตที่ดีกว่านี้ 

*******

 

ตกเย็นลู่เจียวพาลูกทั้งสองคนเดินไปตลาด เด็ก ๆ แม้จะตัวเล็กและผอมแกร็นจากการขาดแคลนอาหาร แต่พวกเขาก็ดูสะอาดสะอ้านเสมอ แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่ผ่านการปะชุนมาหลายครั้ง แต่รอยยิ้มของพวกเขาก็ยังสดใส ซีซวนและชิงอีเดินข้าง ๆ ลู่เจียว ทั้งสองต่างช่วยถือตะกร้าใบเล็กที่ใส่เผือกทรงเครื่องไปขายในตลาด  

มันไม่ได้หนักจนเด็กจะถือไม่ได้ การให้พวกเขาช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ ก็เป็นความภูมิใจของพวกเขา 

พอมาถึงตลาดลู่เจียวพาลูกไปที่แผงของป้าหวังเช่นเคย ป้าหวังเป็นคนใจดีให้พวกเธอใช้ที่ว่างหน้าร้านเพื่อขายของทุกครั้ง เธอยิ้มให้ป้าหวัง ก่อนจะหยิบเผือกทรงเครื่องออกมาจากตะกร้า แล้วนำเผือกทรงเครื่องที่ทำไว้ให้ป้าหวังชิม 

"ป้าหวังคะ นี่เผือกทรงเครื่องที่ฉันทำวันนี้ เอามาฝากป้าชิมค่ะ" ลู่เจียวกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส 

ป้าหวังยิ้มพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย "ขอบใจนะลู่เจียว แต่ป้าขอจ่ายเงินให้เธอดีกว่า" ป้าหวังยืนกรานที่จะจ่ายค่าเผือก แม้เธอจะพยายามบอกว่ามันเป็นของฝาก แต่ป้าหวังก็ยังยืนยันที่จะจ่ายเงิน 

"ไม่ต้องหรอกค่ะป้า ฉันแค่อยากขอบคุณที่ป้าช่วยฉันไว้หลายครั้งแล้ว" ลู่เจียวปฏิเสธ 

ป้าหวังหรี่ตามอง "ครอบครัวเธอยากจน แถมยังถูกบ้านหลักรังแกอีก แล้วป้าจะเอาของเธอมาได้ยังไง?" กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้ลู่เจียวได้แต่ยิ้มและยอมรับคำของป้าหวัง 

ป้าหวังถามราคาขายเผือกทรงเครื่อง "ฉันขายชิ้นละหนึ่งเหมาค่ะป้า ชิ้นมันใหญ่ผู้ใหญ่กินชิ้นหนึ่งอิ่มได้หนึ่งมื้อเลยค่ะ" 

ป้าหวังพยักหน้าเข้าใจ "มันแพงเกินไปหรือเปล่าลู่เจียว จะขายออกไหมเนี่ย?" เพราะว่าเผือกสามารถไปขุดเอาในป่าได้ไม่ต้องเสียเงินสักหยวน 

ลู่เจียวยิ้มตอบอย่างมั่นใจ "มันแพงเพราะมีเนื้อสัตว์ค่ะป้า ถึงแม้จะเป็นแค่กุนเชียง แต่ก็ทำให้อิ่มท้องและอร่อย ฉันมั่นใจว่าจะขายได้ค่ะ" 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ