ตอนที่ 7: เข้าเมืองครั้งแรก

ลู่เจียวตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าจะสว่าง ขณะที่เด็ก ๆ ยังคงนอนหลับสนิทใต้ผ้าห่ม ก่อนจะค่อย ๆ ลุกจากเตียงไม่ให้มีเสียงดัง พวกเขายังเด็กและควรจะได้นอนให้นานที่สุด เธอจึงไม่อยากปลุกพวกเขาจนกว่าจะเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว 

ลู่เจียวหันไปจัดการเตรียมของ วันนี้เป็นวันที่สำคัญ เพราะจะไปขายเผือกทรงเครื่องในเมืองตามที่นัดกับป้าหวังไว้ เธอรู้ว่าการขายในเมืองเป็นโอกาสที่ดีมาก และต้องทำให้มันสำเร็จให้ได้ 

เริ่มทำเผือกทรงเครื่องด้วยความขะมักเขม้น เป้าหมายของวันนี้คือการทำให้ได้ 50 ชิ้นขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกท้อถอย โชคดีที่มีเตาสองเตาและหม้อนึ่งสองชั้น ทำให้สามารถนึ่งเผือกทีละหลายชิ้นได้มากขึ้นในแต่ละครั้ง แต่การทำเผือกทรงเครื่องจำนวนมากก็ยังใช้เวลาหลายชั่วโมง 

ขณะที่หั่นเผือก คลุกเคล้าส่วนผสม และนำเผือกลงหม้อนึ่ง กลิ่นหอมของกุนเชียงและกุ้งแห้งก็เริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วห้องครัว ลู่เจียวรู้สึกมีกำลังใจเมื่อเห็นผลงานของตนเองเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เผือกแต่ละชิ้นถูกนึ่งจนสุกหอม ดูแล้วน่ากินมาก คิดว่าลูกค้าต้องชอบแน่ ๆ  

จนกระทั่งเห็นว่าใกล้จะถึงเวลานัดกับป้าหวังแล้ว ถึงได้เดินเข้าห้องไปปลุกลูกให้เตรียมตัว "ซีซวน ชิงอี ตื่นได้แล้วลูก พวกเราต้องไปในเมืองแล้วนะ"  

เด็กทั้งสองคนตื่นขึ้นมาอย่างสดใส พวกเขาไม่ได้งอแงเหมือนกับเด็กบ้านอื่น เพราะรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะได้ไปในเมืองเป็นครั้งแรก ซีซวนรีบลุกขึ้นก่อน แล้วจูงมือชิงอีไปล้างหน้า ลู่เจียวยิ้มอ่อนเมื่อเห็นพวกเขาช่วยเหลือกัน 

ไม่ลืมบอกลูกทั้งสองคนที่กำลังเดินออกจากห้อง "ซีซวนแม่ผสมน้ำอุ่นไว้ให้แล้วนะจ๊ะ อากาศมันเย็น ลูกใช้น้ำอุ่นล้างหน้าจะได้ไม่หนาว"  

"ขอบคุณครับแม่" ซีซวนตอบพร้อมกับยิ้ม แล้วรีบจูงน้องสาวไปที่ห้องน้ำ 

ลู่เจียวเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ขณะที่คิดถึงการเดินทางไปในเมืองวันนี้ถึงได้เดินไปดูชุดของเด็ก ๆ แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาก็ต้องถอนหายใจ เสื้อผ้าทุกตัวที่พวกเขามีต่างก็เก่าและผ่านการปะชุนมาหลายครั้ง เธอรู้สึกหดหู่ที่ไม่สามารถหาชุดใหม่ให้พวกเขาใส่ได้ในวันนี้ 

ลู่เจียวหันไปหาลูก ๆ เมื่อพวกเขากลับมาจากล้างหน้าแล้ว "วันนี้ชุดของพวกเรายังเก่าอยู่ แต่แม่สัญญาว่าเมื่อเราเข้าเมืองขายของได้แล้ว แม่จะซื้อชุดใหม่ให้ลูกอย่างแน่นอน" 

"จริงเหรอครับแม่!" ซีซวนถามด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ชิงอียิ้มกว้าง 

"จริงจ้ะ แม่สัญญา" ลู่เจียวตอบพร้อมกับยิ้มให้พวกเขา  

เธอสวมเสื้อกันหนาวให้ลูกเป็นสิ่งสุดท้าย เพราะอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เมื่อเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย ไม่ลืมดับตะเกียงก่อนสามแม่ลูกออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังตลาดของหมู่บ้านเพื่อเจอกับป้าหวัง ซึ่งพวกเธอนัดกันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ 

พอมาถึงตลาดป้าหวังก็ยืนรออยู่ที่แผงแล้ว ลู่เจียวรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้มาช้าเกินไป รีบเดินเข้าไปพร้อมกับเอ่ยขอโทษ 

"ป้าหวัง ขอโทษที่มาช้านะคะ" ลู่เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม 

ป้าหวังยิ้มและส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกลู่เจียว ป้าเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน" คำพูดของป้าหวังทำให้เธอมีสีหน้าดีขึ้น 

ลู่เจียวกับป้าหวังช่วยกันขนตะกร้าเผือกทรงเครื่องใส่ลงไปในรถเข็นของ เผือกทรงเครื่องทั้งหมดถูกจัดเรียงอย่างระมัดระวังเพื่อให้สามารถขนไปได้โดยไม่เสียหาย ระหว่างนั้น ซีซวนกับชิงอีก็เดินมามองรถเข็นด้วยความตื่นเต้น 

ป้าหวังหันมามองเด็ก ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงใจดี "เอาล่ะ หนูน้อย พวกหนูสองคนขึ้นไปนั่งบนรถเข็นเถอะ เดี๋ยวป้ากับแม่จะเข็นไปให้เอง" 

เด็กทั้งสองคนรีบปีนขึ้นไปนั่งบนรถเข็นอย่างรวดเร็ว พวกเขายิ้มแย้มและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ลู่เจียวมองพวกเขาแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ แม้ว่าจะต้องเข็นรถไปไกลถึงในเมือง แต่การที่เห็นพวกเขามีรอยยิ้มช่วยให้กำลังใจไม่น้อย 

"พร้อมแล้วก็ไปกันเถอะลู่เจียว" ป้าหวังพูดพร้อมกับจับรถเข็นไว้ บนหัวของลู่เจียวกับป้าหวังมีไฟฉายส่องนำทาง เพราะต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืด ระหว่างทางไม่ได้มีไฟฟ้าตามท้องถนนที่เดินผ่าน

ลู่เจียวพยักหน้าและจับอีกด้านของรถเข็นช่วยป้าหวังเข็นออกจากตลาด หมู่บ้านที่พวกเธอเดินมาค่อย ๆ เล็กลงไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปยังเมือง ระหว่างทางเธอกับป้าหวังคุยกันไปตลอดทาง ป้าหวังเล่าเรื่องการขายของในเมืองให้เธอฟัง พร้อมทั้งบอกเคล็ดลับการขายให้มากมาย ลู่เจียวทั้งรับฟังและช่วยเข็นรถเข็น 

การเดินทางเข้าไปในเมืองด้วยการเดินเท้าต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง แม้รู้สึกเหนื่อยบ้างแต่ก็ดีใจที่ได้เรียนรู้จากป้าหวังมาพอสมควร ถ้ามีจักรยานคงจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที แต่เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะซื้อจักรยานได้ การเดินเป็นทางเลือกเดียวที่พวกเธอสามารถทำได้

บางครั้งลู่เจียวก็นึกถึงการนั่งรถโดยสารที่สะดวกกว่า แต่มันจะไม่ทันตลาดเช้า รถเที่ยวแรกของวันออกจากหมู่บ้านในเวลา 7 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่สายเกินไปสำหรับการไปถึงตลาดเช้าในเมือง  

ซีซวนกับชิงอีนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างมีความสุข พวกเขามองดูทิวทัศน์รอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้เข้าไปในเมือง พวกเขาหัวเราะและคุยกันเสียงดัง ลู่เจียวยิ้มพลางออกแรงเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 

"แม่ครับ แม่คิดว่าเราจะขายหมดเร็วเหมือนเมื่อวานไหม?" ซีซวนถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น 

ลู่เจียวหันไปยิ้มให้เขา "ถ้าลูกกับน้องช่วยกันเรียกลูกค้าเหมือนเมื่อวาน แม่มั่นใจว่าพวกเราจะขายหมดแน่นอน" 

"หนูจะช่วยแม่เองค่ะ" ชิงอีเสริมพร้อมกับยิ้มกว้าง 

เธอหัวเราะก่อนหันไปมองป้าหวังที่ยังคงช่วยเข็นรถอยู่ข้าง ๆ ทั้งสี่มุ่งหน้าไปในเมืองด้วยความหวัง  

กว่าจะเข้ามาถึงในตัวเมืองลู่เจียวตื่นเต้นกับภาพตรงหน้า มันช่างแตกต่างจากยุคสมัยที่เธอจากมา ถึงแม้ว่าจะล้าสมัยแต่ก็ถือว่าดีกว่าชีวิตในหมู่บ้านอย่างสิ้นเชิง บ้านเรือนสูงใหญ่ รถยนต์ที่แล่นไปมา เสียงคนพูดคุยกันในตลาดที่คึกคัก ทุกอย่างดูสดใสและมีชีวิตชีวา แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เธอกังวล 

“แม่ครับ ที่นี่คนเยอะจังเลย” ซีซวนเอ่ยขึ้นด้วยความทึ่ง เขามองรอบ ๆ อย่างไม่ละสายตา 

“ใช่จ้ะ คนที่นี่เยอะมาก ลูกต้องตัวติดกับแม่ไว้นะ ไม่งั้นหนูจะหลงไปกับคนอื่น ใครให้ของกิน ห้ามกิน หรือพาไปที่ไหนก็ห้ามไปด้วยเด็ดขาด จะทำอะไรต้องมาบอกแม่ก่อน ซีซวนช่วยแม่ดูน้องด้วยได้ไหม?” ลู่เจียวยิ้มพร้อมกับบอกถึงข้อควรระวังไว้ทั้งหมด พวกเขาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ 

ลู่เจียวกับป้าหวังจัดแผงขายเล็ก ๆ ในมุมที่ว่างตรงตลาดใหญ่ แม้ว่ามันจะเป็นมุมที่ไม่เด่นมาก แต่คิดว่ามันคงเพียงพอที่จะทำให้ขายเผือกทรงเครื่องได้บ้าง ป้าหวังจัดผักและของต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในการวางสินค้าให้เธอด้วย 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ