เหตุผลจากปากเขา ต่อให้ไม่น่าเชื่อก็ต้องทำเป็นเชื่อ ที่ว่า แค่ผ่านมา ยังไงก็ไม่น่าใช่ โยษิตาคุ้นชินตรรกะเบี้ยวๆของเจ้านายหนุ่มจึงไม่ถามซอกแซกสืบสาวเอาความกับเขา เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างรถแสร้งเจี๋ยมเจี้ยมทำเป็นใจดีสู้เสือ กำลังจะเปิดปากพูด อิทธิพลพลันชิงตำหนิก่อน
“กับผมที่เป็นเจ้านาย คุณไม่คิดจะเชิญไปดื่มน้ำสักหน่อยเหรอ หรือต้องนั่งคุยในรถแบบนี้จนจบ คอแหบคอแห้งอยู่ในที่คับแคบ” อิทธิพลคงไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมามันพาลขนาดไหน แต่โยษิตาที่ยังอยากมีงานดีๆ ทำ ก็ได้แต่เออออห่อหมกตามไป
รถที่เขารังเกียจว่าคับแคบ ราคาตั้งสองร้อยกว่าล้าน เทียบกับห้องต้อกต๋อกของเธอ คอนโดฯ ที่ยังผ่อนไม่หมด มันคนละระดับกันเลย แล้วมีเรื่องอะไรมากมายถึงได้คุยกันแป๊บเดียวไม่ได้ จำเป็นจะต้องขึ้นห้องไปนั่งจิบน้ำ แต่ในเมื่อมันเป็นมารยาท ทั้งอีกฝ่ายออกปากขนาดนี้ โยษิตาก็ไม่อาจเพิกเฉย
“บอสจะขึ้นไปดื่มอะไรสักหน่อยไหมคะ” ในที่สุดโยษิตาก็ต้องจำใจเอ่ยคำนี้ออกไป
สิบนาทีต่อมาเจ้านายก็นั่งลงบนโซฟารับแขกในห้องของพนักงานต้อกต๋อย โยษิตาหาน้ำเปล่าที่ยังไม่แกะซีลมาเทใส่แก้วให้เขาดื่ม เสิร์ฟขนมกับผลไม้ที่หาได้อีกเล็กน้อยพร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ หญิงสาวเดินไปเดินมา กลัวว่ากลิ่นอับจะทำให้เจ้านายไม่สบายใจจึงแอบฉีดสเปรย์หอมฟุ้ง ผลปรากฏว่าอิทธิพลคัดจมูกจามจนหน้าแดง
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ โยกลัวห้องจะอับ”
ห้องของโยษิตาแบ่งเป็นสี่ส่วน ห้องนอน โซนครัว โซนรับแขก และระเบียง รายได้ต่อเดือนของเธอไม่น้อย ยิ่งถ้ามีงานอย่างเช่นเซ็นสัญญาสำเร็จยิ่งจะได้รับโบนัส แต่ที่อยู่ของหญิงสาวกลับมีพื้นที่แค่นี้ จัดของเป็นที่เป็นทางเรียบร้อยน่าอยู่ก็จริง แต่ยังไงก็คับแคบเกินไป “คุณเอาเงินที่ผมจ่ายให้แต่ละเดือนไปทำอะไร ถ้ามีเรื่องจำเป็นต้องใช้ก็น่าจะบอกสิ หรือถ้าอยากได้ห้องที่กว้างกว่านี้ก็ใช้สิทธิ์เลขาของผมย้ายเข้าไปอยู่ห้องพักในโครงการของบริษัทก็ได้ ถ้าคนอื่นรู้ จะไม่หาว่าเจ้านายเอาเปรียบคุณเหรอ” อิทธิพลยกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อยตามมารยาทพร้อมกับกวาดตามองไปรอบห้อง
“โยอยู่คนเดียว ไม่ค่อยชอบห้องใหญ่เกินไปค่ะ ที่นี่อบอุ่นดี โยชอบแบบนี้” เธอมองว่ามันไม่ได้เล็กเลย แต่สำหรับท่านชายตระกูลใหญ่ ห้องน้ำบ้านเขาคงกว้างกว่าทั้งห้องของเธอรวมกัน ไม่แปลกที่จะรู้สึกในแง่ร้าย
“ตกลงว่าบอสอยากคุยอะไรกับโยคะ” ในมือมีสมุดจดพร้อม แน่นอนว่ามาหาถึงที่จะต้องมีเรื่องสำคัญ
“วันมะรืนไปงานครบรอบก่อตั้งเอสซีเคกับผม”
“แค่นี้เหรอคะ” งานครบรอบเอสซีเคเธอรู้กำหนดการแล้ว ต้องมีอะไรอีกแน่ ไม่อย่างนั้นคนเช่นอิทธิพลไม่มีทางขับรถมาตั้งไกลขนาดนี้หรอก โยษิตารอฟัง ใบหน้าสวยเฉี่ยวรับกับปลายจมูกเชิดงอนนิดๆ ให้ความรู้สึกราวกับลูกแมววัยซุกซน
อิทธิพลโดนท่าทางบ้องแบ้วแปลกใหม่นี้โจมตี ก็หน้าแข็งค้าง ไม่คุ้นชินกับโยษิตาที่ถอดแว่นเผยรูปลักษณ์อีกด้านอย่างแรง กลัวเธอจะรู้ว่าเสียอาการ เขารีบปรับน้ำเสียงให้เคร่งขรึมทันที
“ผมเห็นคุณออกไปข้างนอกมา คนที่ขับรถมาส่งใช่ผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า”
“เขาเป็นเพื่อนของโยค่ะ”
“ผู้ชาย?” อิทธิพลถามน้ำเสียงแข็งลงเล็กน้อย
“แล้วมีอะไรแตกต่างคะ สมัยนี้ผู้ชายผู้หญิงเป็นเพื่อนกันถมเถ” โยษิตาสาบานอย่างสัตย์จริงว่าที่พูดไม่ได้เจตนาจะเถียงเอาชนะ แค่ยกเหตุผลมาประกอบว่าสมัยนี้โลกทันสมัย ชายหญิงเท่าเทียม ขอแค่คุยถูกคอก็เป็นเพื่อนกันได้
ไม่ทราบว่าไปกระตุ้นส่วนไหนของเขาเข้า จู่ๆ อิทธิพลก็ขยับปุบปับมาช้อนขาพับกับแผ่นหลังของเธอ ออกแรงยกทีเดียว ร่างทั้งร่างของโยษิตาก็นั่งเกยอยู่บนตักชายหนุ่ม “บอส จะทำอะไรคะ!”
“คุณแน่ใจได้ยังไงว่าผู้ชายที่คบเป็นเพื่อนไม่ได้คิดมากกว่านั้น คุณอ่านใจคนได้เหรอ”
ใบหน้าของพวกเราอยู่ใกล้กันมาก ระยะห่างเพียงคืบเดียว โยษิตาไม่สะดวกใจจะอยู่อย่างนี้จึงคิดลงจากตักเขา
แต่ไม่สำเร็จ เอวโดนล็อคไว้อย่างแน่นหนา ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าหาอีก คราวนี้ปลายจมูกชนแก้มเนียน อิทธิพลนึกอยากแกล้งจึงคลอเคลียหนักขึ้นเรื่อยๆ โยษิตาเวลาอายน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นบาง กลิ่นหอมเย็นชวนให้สบายใจจากตัวเธอสุดจะทานทน ได้ดอมดมแล้วชวนให้ติดได้ง่ายๆ อิทธิพลที่หอมแก้มคนจนช้ำเริ่มเลื่อนริมฝีปากลงไปที่ลำคอแล้ว มือข้างหนึ่งปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตกระต่ายบันนี่สีขาวจนเผยให้เห็นรอยขบกัดจากเมื่อคืนนั้นจางๆ
อิทธิพลจ้องริมฝีปากอิ่มราวกับผลเชอร์รี่เขม็ง พอหญิงสาวเปิดปากพูดก็ฉวยจังหวะประกบปากของตนเองปิดลงไป ภายในเวลาอันรวดเร็วสอดแทรกลิ้นชุ่มฉ่ำนัวเนียในช่องปากของเธอ กอดเอาร่างที่พยายามขืนตัวหนีไว้ ละเลงลีลาจูบอันช่ำชองอย่างดื่มด่ำหวานชื่น พร้อมกัดเบาๆ ทีหนึ่ง ทำเอาคนสะดุ้งนิ่วหน้า
กัดเบาๆ ของเขา แต่คนโดนเจ็บจนน้ำตารื้น ที่ทำอยู่นี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทำไมเขาถึงจูบเธอ ในหัวของโยษิตาปั่นป่วนสับสน ตนก็ไม่ได้ยั่วยวน ไม่ได้มีสัญญาณทางกายใดที่สื่อไปเรื่องอย่างว่าเลย กลับต้องมาถูกกอดรัดขยับไม่ได้
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานแค่ไหน ต่างฝ่ายต่างไม่ได้สังเกต พอผละออกจากกัน ไม่มีคำพูดใดทิ้งท้ายอิทธิพลก็ขอตัวกลับไปอย่างเงอะงะงุ่นง่าน ส่วนโยษิตาปากบวมเจ่อแถมมีจุดแตกจนได้เลือดสองจุด เธอนั่งลูบแผลเบาๆ อยู่หน้ากระจก พลางหาเหตุผลมาอธิบายการกระทำของบอสผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ว่านอกจากอยากแกล้งเล่นแล้ว อย่างเขายังมีจุดประสงค์ใดแอบแฝง
ดีว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ คนที่คอยรบกวนเงียบหาย โยษิตาจึงได้พักบ้าง พอวันจันทร์ก็มีงานครบรอบก่อตั้งบริษัทปูนยักษ์ใหญ่เอสซีเค ในฐานะเลขาต้องติดตามเจ้านายไปร่วมงาน ตกเย็นเลิกจากบริษัท โยษิตากลับห้องมาเปลี่ยนชุดแต่งหน้าแต่งตัว เธอพบว่าคอนแทคเลนก็ไม่เลวจึงเลือกใส่แทนแว่นตา ได้ยินว่าตะวันก็จะไปร่วมงานด้วย ถ้าเขาไม่ยุ่งคุยกับคนอื่น พวกเราอาจจะได้สนทนากันเล็กๆ น้อยๆ
โยษิตาเปิดดูชุดที่เช่ามา เป็นเดรสแขนยาวสีขาวเปิดไหล่ของแบรนด์แอลเอช คอนเลคชันความฝันปี 2023 ตัวชุดไม่มีลูกเล่นหวือหวา สไตล์เรียบหรูมินิมอล แต่ยังคงเอกลักษณ์ขับเน้นให้ผู้สวมใส่สง่างาม เนื่องจากงานนี้เป็นงานสำคัญ โยษิตาจึงตั้งใจเลือกเช่าเกรดดีหน่อย เพื่อรักษาหน้าให้เจ้านาย ทั้งเพื่อให้เข้ากับกาลเทศะ เธอแต่งหน้าทำผมที่ร้านไม่ไกลจากคอนโดฯ พอเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางไปยังโรมแรมหรูกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน
โยษิตามาถึงก็พบว่ามีแขกจำนวนหนึ่งแล้ว พวกคนใหญ่คนโตมักจะเปิดตัวช่วงที่งานเริ่มได้สักพัก หรือไม่ก็ช่วงกลางๆ เพราะต้องการเป็นจุดให้คนรุมสนใจ เธอไม่ใช่คนเด่นดัง เมื่อเจ้านายบอกว่าเขาจะเปิดตัวพร้อมครอบครัว โยษิตาจึงมาก่อน หญิงสาวยื่นบัตรเชิญ ลงชื่อเข้างานแล้วเดินไปทักทายทายาทที่ในอนาคตอันใกล้นี้จะได้ขึ้นบริหารเอสซีเค
ทายาทคนนี้ชื่อทรงภูมิ เป็นเพื่อนในกลุ่มของอิทธิพลที่โยษิตารู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี พออีกฝ่ายทราบว่าหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวเป็นใคร ก็มองแล้วมองอีกราวกับไม่เคยประสบพบเจอกันมาก่อน
“คุณโย ผมอึ้งจริงๆ นะเนี่ย คุณสวยขนาดนี้เลย” เขาไม่อยากเชื่อจึงทำหน้าโอเวอร์เกินจริง
โยษิตาคิด มันก็ไม่ขนาดนั้นไหม ทำอย่างกับตกใจเห็นผี เมื่อก่อนตอนนี้มีแค่ถอดแว่นกับใส่แว่น ไอ้กรอบสี่เหลี่ยมชิ้นเล็กนั่นไม่มีทางส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเธอมากมายหรอก ทรงภูมิยังอยากรั้งโยษิตาไว้คุย แต่เผลอหันไปพูดกับแขกนิดเดียวหญิงสาวก็หายไปแล้ว สิบห้านาทีให้หลังคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ พอพวกตระกูลใหญ่อย่างธาดากีรติมาถึง บรรยากาศภายในงานพลันคึกคักทันตา บรรดาแขกต่างก็เข้าหาพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ทรงภูมิทักทายผู้ใหญ่ประมาณหนึ่ง ก็รีบดึงตัวอิทธิพลในชุดสูทหล่อเนี้ยบหัวจรดเท้ามาหาตัวเอง ออกอาการระริกระรี้ราวกับว่าวันนี้ไปเจอของดีมา
“กูไม่ไหวแล้วว่ะอิท กูอยากได้เลขาโย มึงช่วยเป็นพ่อสื่อให้กูหน่อย ถ้าจีบติดกูจะซื้อรถซื้อบ้าน ยกหุ้นสองเปอร์เซ็นให้มึงฟรีๆ เลย” หุ้นของเอสซีเคราคาซื้อขายสูงลิ่ว บอกจะให้สองเปอร์เซ็นง่ายๆ เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่มีแต่ได้กับได้
ทว่าอิทธิพลสีหน้าเย็นเยียบ กล่าวเสียงเข้มว่า “ไม่ให้ อย่ามาจ้องจะง้าบเลขากู เขาต้องทำงานให้กู” น้ำเสียงและสีหน้าบ่งบอกได้ว่าอิทธิพลกำลังอารมณ์เสียทั้งที่เพิ่งจะมาถึงงาน
เขาแทะได้คนเดียว หมาตัวอื่นอย่าหวัง ทรงภูมิไม่ทราบเบื้องลึกเบื้องหลัง และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพื่อนปฏิเสธไม่ช่วยเหลือ จึงยิ่งรบเร้า ท่าทางที่เหมือนเด็กจะเอาของเล่นถูกใจให้ได้น่าสงสัยจนอิทธิพลต้องถาม พอทรงภูมิชี้ไปยังตัวต้นเหตุ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มกระตุกถี่ขึ้นมาทันที
วันนี้เธอ…แต่งตัวได้สวยมาก
ผมยาวลอนเป็นม้วนทิ้งตัวลงด้านหลัง ใบหน้าแต่งเบาบางทว่าไม่น้อยจนจืดชืด ชุดขาวสะอาดราวกับขนห่านมีช่วงเว้าที่เอว มองขึ้นไปจะเป็นไหล่ลาดเนียนและลำคอระหง ไม่สวมเครื่องประดับเพชรเม็ดหนาสักชิ้น แต่กลับไม่ทำให้เธอดูด้อย สะโพกผายแผ่นหลังโค้งรับกับดีไซน์ มิน่าไอ้เพื่อนถึงได้ร้อนรนจ้องจะง้าบตาเป็นมัน
“เจ้าอิท หนูริชชี่กำลังตามหา เรามาทำอะไรตรงนี้ อย่าปล่อยให้ว่าที่คู่หมั้นคอยเก้อสิ” มารดาตามมาเจอ บ่นไปยกหนึ่งก็มองตามสายตาของลูกชาย “อุ๊ย! นั่นลูกสาวบ้านไหน ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน สวยน่ารักจริงเชียว” คุณหญิงศรินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แฟนผมเอง แม่เจอเธอแล้ว คราวนี้จะเลิกจับคู่ให้ผมได้หรือยัง”
อย่าว่าแต่ผู้เป็นมารดาที่อึ้งเหวอใบ้รับประทาน ทรงภูมิที่ได้ยินก็ถึงกับอุทานว่า “เฮ้ย!”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?