ลู่เจียวตัดสินใจนั่งรถประจำทางไปหาเถ้าแก่เนี้ยเตียวอ้ายหมิ่น ภรรยาเจ้าของโรงงานผลิตอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้า เถ้าแก่เนี้ยเตียวเป็นคนที่เธอเคยช่วยไว้เมื่อครั้งที่ลูกชายของหล่อนขนมติดคอ จำได้ว่าตอนนั้นหล่อนตกใจมาก ยังดีว่าลู่เจียวเข้าไปช่วยได้ทัน หล่อนเคยบอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็ขอให้บอกได้เต็มที่ นี่คงจะเป็นโอกาสที่ดีหากต้องขอความช่วยเหลือ
ภายในโรงงานมีบรรยากาศคึกคัก เสียงเครื่องจักรทำงานดังอื้ออึงภายในตัวอาคาร ลู่เจียวเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับและรออยู่ที่ห้องรับรอง ไม่นานเถ้าแก่เนี้ยเตียวก็เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“ลู่เจียว! มาได้ยังไงจ๊ะ?” เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ขณะพาเธอเดินไปยังห้องทำงานของที่อยู่ด้านใน
“สวัสดีค่ะเถ้าแก่เนี้ย ที่มาวันนี้ฉันมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากเถ้าแก่เนี้ยค่ะ” ลู่เจียวไม่อ้อมค้อม หลังเข้ามาในห้องทำงานเธอพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ต้องการให้ฉันช่วยอะไรล่ะจ๊ะ” เถ้าแก่เนี้ยยิ้มบาง ๆ
ลู่เจียวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเล่าออกมา “ฉันไม่ได้ต้องการขอเงินค่ะเถ้าแก่เนี้ย ฉันเพียงอยากขอให้เถ้าแก่เนี้ยช่วยเป็นคนรับรองในการเช่าห้องพักในเมืองให้ฉันกับลูก ๆ ค่ะ เพราะทางเจ้าของห้องต้องการให้มีคนรับรองถ้าไม่ได้จ่ายล่วงหน้าเต็มจำนวน”
เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ลุงเฉินพาไปพบเจ้าของบ้านเช่า เขามีห้องที่เหมาะสมบนชั้นสอง ห่างจากห้องของลุงเฉินแค่ชั้นเดียว ดูจะเป็นตัวเลือกที่ลงตัว แต่การจะได้ห้องนี้จำเป็นต้องจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าสองเดือน ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เธอไม่มี
ลู่เจียวมีเพียงเงินที่ลุงเฉินกับป้าโจวช่วยไว้พอสำหรับค่าเช่าเดือนแรกเท่านั้น ทางเดียวที่ทำได้คือหาคนมารับรองแทน และคนที่นึกถึงคือเตียวอ้ายหมิ่น หากหล่อนยินดีช่วยเหลือสามแม่ลูกจะได้บ้านพักใกล้โรงพยาบาลเพื่อดูแลกัวหยาง
เตียวอ้ายหมิ่นพยักหน้าเห็นด้วย “เข้าใจแล้วจ้ะ ถ้าเธอแค่ต้องการคนรับรอง ก็ไม่มีปัญหา ฉันยินดีจะช่วยเอง ฉันจะให้คนไปจัดการเรื่องนี้ให้ ไม่ต้องห่วงนะ”
ความกังวลเรื่องที่อยู่ทำให้ลู่เจียวยิ้มหลังอีกฝ่ายตกลง เธอโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม “ขอบคุณมากค่ะเถ้าแก่เนี้ย ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริง ๆ ค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยจ้ะ” เตียวอ้ายหมิ่นยิ้มกว้าง “ฉันก็อยากเห็นเธอกับครอบครัวได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย เห็นแล้วก็อดภูมิใจแทนสามีของเธอไม่ได้”
พวกเธอคุยกันอีกสักครู่ก่อนที่ลู่เจียวจะบอกชื่อ และรายละเอียดเกี่ยวกับห้องที่ไปดูมากับลุงเฉินให้หล่อนทราบ เตียวอ้ายหมิ่นบอกจะจัดการให้และจะให้คนไปแจ้งเจ้าของห้องเช่าเพื่อทำเอกสารรับรองอย่างเร็วที่สุด
หลังจากนั้นลู่เจียวเอ่ยลาเตียวอ้ายหมิ่นและออกจากโรงงานด้วยความสบายใจ ขณะที่นั่งรถประจำทางกลับ เธอรู้สึกเหมือนภูเขาใหญ่ที่ทับอยู่บนอกค่อย ๆ ถูกยกออก ความกังวลที่เกี่ยวกับการหาที่พักใหม่เริ่มเบาลง ในใจเต็มไปด้วยความขอบคุณและซาบซึ้งคนรอบข้าง ที่ยื่นมือช่วยเหลือในยามที่ต้องการ
รถแล่นผ่านถนนสายเล็ก ๆ กลับมายังบ้านที่คุ้นเคย ท่ามกลางความเงียบของหมู่บ้าน เมื่อรถจอดลง ลู่เจียวเห็นเด็กสองคนวิ่งตรงมาที่ประตูบ้าน พวกเขาตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ
“แม่!” ชิงอีเรียกพร้อมกับวิ่งเข้ามาใกล้ ส่วนเธอย่อตัวลงและกอดทั้งสองคนแน่น ความอ่อนล้าจากการเดินทางแทบจะเลือนหายไปเมื่อได้เห็นหน้าลูก
ลู่เจียวยิ้มแล้วลูบศีรษะลูกทั้งสองคน พลางเงยหน้าขึ้นมาเห็นแม่เฒ่าฟูยืนอยู่ข้างหลังเด็ก ๆ ใบหน้าแสดงความเป็นห่วง จึงเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้างอาเจียว แล้วอาหยางล่ะ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน?”
ลู่เจียวยิ้มให้แม่เฒ่าฟู “พวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่าค่ะ” เธอเอ่ยเบา ๆ พลางจูงมือชิงอีและซีซวนพากลับเข้าไปในบ้าน
ระหว่างเดินเข้าบ้าน ชิงอีมองเธอด้วยแววตาที่คาดหวัง “แม่จ๋า แม่ซื้อขนมมาฝากหนูไหมคะ?”
ซีซวนหันมามองหน้าน้องสาวพลางเอื้อมมือไปแตะไหล่น้องเบา ๆ “ให้แม่ได้นั่งพักก่อนสิ แม่เหนื่อยนะ”
พอเข้ามาถึงในบ้านลู่เจียวรีบเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซื้อมาไว้ในครัว จากนั้นก็กลับมานั่งที่โต๊ะไม้ตัวกลาง แม่เฒ่าฟูและเด็ก ๆ นั่งล้อมรอบ
“อาหยางเป็นยังไงบ้าง?” แม่เฒ่าฟูถามด้วยความเป็นห่วง แววตาบ่งบอกความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ลู่เจียวถอนหายใจแล้วเล่าให้ทุกคนฟัง “พี่หยางได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ เขาต้องรักษาตัวอย่างน้อยสี่สัปดาห์ และค่ารักษาอยู่ที่สัปดาห์ละหนึ่งร้อยสี่สิบหยวน ฉันจ่ายไปแล้วสองสัปดาห์ค่ะ อีกสองสัปดาห์ที่เหลือ ฉันต้องหาเงินไปจ่ายให้ครบ ไม่อย่างนั้นทางโรงพยาบาลอาจจะให้พี่หยางออกจากโรงพยาบาล”
สีหน้าของแม่เฒ่าฟูผ่อนคลายหลังรู้ว่าหลานชายได้รับการรักษา แต่ก็ยิ้มไม่ออกตอนได้ยินค่าใช้จ่าย “แล้วจะทำยังไงล่ะ ต้องหาเงินตั้งเยอะนะ”
ลู่เจียวพยักหน้าเข้าใจถึงความหนักหนาสาหัสของเรื่องนี้ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว “การรักษามีสองแบบคือพักตลอดเวลาที่โรงพยาบาลกับพักที่บ้านแล้วไปกลับโรงพยาบาลทุกวันเพื่อทำกายภาพบำบัด
ฉันเลือกทางเลือกแรกค่ะ คือให้พี่หยางนอนที่โรงพยาบาลตลอดสี่สัปดาห์ เพราะถ้าทำแบบไปกลับมันจะไม่สะดวก ค่ารถก็แพง อีกอย่างจะใช้เวลารักษานานกว่าจะหายดี”
“เข้าใจแล้ว” แม่เฒ่าฟูพยักหน้ารับด้วยท่าทีที่เข้าใจในสิ่งที่หลานสะใภ้อธิบาย แม้ว่าจะยังคงมีความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
“ฉันมีเรื่องจะบอกเพิ่มเติมค่ะ” ลู่เจียวเอ่ยต่อ “พรุ่งนี้ ฉันจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ตึกเดียวกับที่ลุงเฉินกับป้าโจวพัก แต่ว่าฉันอยู่ชั้นสอง มีสองห้องนอน ซึ่งจะสะดวกกว่าถ้าเราต้องอยู่ใกล้ ๆ พี่หยางในช่วงนี้”
“แล้วที่บ้านนี้ล่ะ?” แม่เฒ่าฟูถามอย่างแปลกใจ
“ฉันอยากให้คุณยายย้ายไปอยู่ด้วยกันที่นั่นก่อนค่ะ ระหว่างที่พี่หยางอยู่โรงพยาบาล อย่างน้อยจะได้อยู่ใกล้ลุงเฉิน ป้าโจวด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้” ลู่เจียวอธิบายแผนการที่เตรียมไว้อย่างละเอียด
“แล้วหลานจะทำยังไงเรื่องเงินที่ต้องใช้จ่ายอีกล่ะ?” แม่เฒ่าฟูยังคงถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันคิดว่าจะลองหางานอะไรทำในระหว่างนี้ค่ะ หรือถ้าพอเป็นไปได้ คุณยายอาจจะต้องช่วยดูแลชิงอีกับซีซวนให้ฉันหน่อย เวลาที่ฉันต้องไปทำงานที่โรงงานหรือต้องหาเงินมาใช้จ่ายค่ารักษาพี่หยาง” ลู่เจียวเอ่ยเบา ๆ หลังต้องขอความช่วยเหลือ
แม่เฒ่าฟูฟังแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ได้สิจ้ะ ถ้าจะให้ยายไปช่วยย่อมยินดีอยู่แล้ว ไหน ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรต้องทำที่นี่ อีกอย่างอาหยางเองก็เป็นหลานของยาย ยายอยากให้เขาหายไว ๆ เหมือนกัน”
เธอรู้สึกขอบคุณในความเมตตาของแม่เฒ่าฟู “ขอบคุณมากเลยค่ะ อย่างนี้ฉันก็จะได้วางแผนการทำงานได้ชัดเจนขึ้น”
ชิงอีและซีซวนที่นั่งฟังอยู่นิ่ง ๆ มองผู้เป็นแม่และยายเฒ่าด้วยความสนใจ ชิงอีเอียงคอเล็กน้อยและถามขึ้นอย่างไร้เดียงสา “งั้นพรุ่งนี้พวกเราจะได้ไปอยู่กับแม่ในเมืองใช่ไหมคะ?”
ลู่เจียวยิ้มและลูบศีรษะชิงอีอย่างรักใคร่ “ใช่จ้ะ พรุ่งนี้เราจะไปอยู่ในเมืองกันสักพักนะ จะได้ดูแลพ่อใกล้ ๆ กัน”
ซีซวนพยักหน้าและพูดขึ้นบ้าง “แม่ครับ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าแม่ต้องไปทำงาน ผมจะช่วยย่าดูแลน้องเอง”
คำพูดของซีซวนทำให้ลู่เจียวรู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายคนโตของเธอ ลู่เจียวยิ้มให้เขาพร้อมกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณนะซีซวน แม่ดีใจที่มีลูกที่น่ารักและเก่งแบบนี้”
ลู่เจียวลุกขึ้นไปจัดของใช้ส่วนตัว เตรียมเสื้อผ้าและของจำเป็นสำหรับการย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ตอนนี้เธอรู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่จะทำทุกทางเพื่อหาเงินมารักษาสามี และให้ครอบครัวได้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
หลังจากที่คุยกับแม่เฒ่าฟูเสร็จแล้วก็ไม่ลืมไปบอกป้าหวังถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนต้องย้ายไปอยู่ในเมือง แต่ลู่เจียวก็บอกป้าหวังว่ายังจะไปขายของกับป้าหวังที่ตลาดเหมือนเดิม เพียงแต่ต่างคนต่างไปเท่านั้น ป้าหวังบอกว่า ถ้าไปแล้วไม่เห็นป้าหวัง นั่นหมายถึงนางไม่ได้ไปขายในเมือง เพราะถ้าต้องเดินทางคนเดียวก็ลำบาก อาจจะกลับมาขายสัปดาห์ละครั้งเหมือนเดิม
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?