ตอนที่ 4. ปัญหาเดิมของหมู่บ้าน

ท้องฟ้ายามดึกยังคงมืดสลัว หลิวชวนลืมตาตื่นก่อนเสียงไก่ตัวแรกจะขัน ข้างๆ เตียงไม้เก่า หลี่หรงยังคงหลับสนิท เขาค่อยๆ ลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าที่ปะชุนหลายครั้งจนด้ายเย็บทับซ้อนกันเป็นริ้วๆ

กลิ่นน้ำทะเลและคราบเกลือยังคงติดอยู่บนเนื้อผ้า แม้หลี่หรงจะซักกี่ครั้งก็ไม่เคยจางหาย มันคือกลิ่นที่บ่งบอกถึงชีวิตชาวประมงอย่างเขา กลิ่นที่ในชาติก่อนเขาเคยดูถูกและพยายามกำจัดทิ้ง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกคุ้นเคยและอบอุ่นอย่างประหลาด

หมู่บ้านซานเจียงตั้งอยู่ชายฝั่งเมืองเหมินหยาง ถูกโอบล้อมด้วยป่าโกงกางเขียวครึ้มและเนินเขาลาดเอียงที่ทอดตัวลงสู่ทะเล ชุมชนชาวประมงที่นี่สืบทอดวิถีชีวิตดั้งเดิมมาหลายชั่วอายุคน

ยามเช้าตรู่ชายฝั่งจะคึกคักเป็นพิเศษ เรือไม้เล็ก ๆ ที่เพิ่งกลับจากการหาปลาเทียบท่าพร้อมอาหารทะเลสดใหม่ กลิ่นน้ำเค็มและเสียงหัวเราะเฮฮาของชาวบ้านที่ตลาดปลา กลายเป็นท่วงทำนองที่ปลุกชีวิตให้หมู่บ้านแห่งนี้ทุกวัน

ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการค้าขายระหว่างชาวประมงและพ่อค้าคนกลาง

"พี่ชวน..." หลี่หรงพลิกตัว ขยี้ตาอย่างงัวเงีย "จะออกเรือแล้วเหรอคะ"

"อือ เธอนอนต่อเถอะ" เขาก้มลงจูบหน้าผากภรรยาเบาๆ "ลุงเหลารออยู่ที่ท่า วันนี้พี่ต้องออกเรือแต่เช้า ลมกำลังดี"

หลิวชวนคว้าถุงผ้าใส่สัมภาระและน้ำดื่ม ก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยฝีเท้าแผ่วเบา แวะมองเสี่ยวเป่าที่นอนขดตัวอยู่บนที่นอนผืนเล็กอีกห้องหนึ่ง ภาพลูกชายที่หลับสนิททำให้หัวใจพ่ออย่างเขาพองโต

ท่าเรือยามดึกคึกคักด้วยชาวประมงที่เตรียมออกเรือ เสียงตะโกนทักทาย เสียงลากอวน และเสียงเครื่องยนต์เรือดังระงมไปทั่ว หลิวชวนเดินตรงไปที่เรือไม้ลำเก่าของลุงเหลา ซึ่งเขาช่วยออกทะเลมาตั้งแต่แต่งงานกับหลี่หรง

"มาแล้วหรือ อาชวน" ลุงเหลาทักด้วยรอยยิ้ม ร่องรอยของการต่อสู้กับคลื่นลมปรากฏชัดบนใบหน้าที่แดงก่ำ "วันนี้ท้องฟ้าดี น่าจะได้ปลาเยอะ"

“ขอให้เป็นอย่างนี้ทุกวันนะลุง” หลิวชวนเห็นด้วยกับคำของลุงเหลา เมื่อเตรียมตัวเสร็จพวกเขาชายต่างวัยก็ออกเรือไปหาปลาตามปกติ

ดวงจันทร์เต็มดวงทอแสงสลัวเหนือผืนน้ำทะเลสีดำสนิท หลิวชวนยืนพิงกราบเรือไม้ของลุงเหลา สายตาจับจ้องไปที่แสงไฟวูบไหวจากเรือลำอื่นๆ ที่ลอยลำกระจายอยู่รอบด้าน เสียงเครื่องยนต์เรือและเสียงคลื่นกระทบกราบเรือดังแผ่วเบา ผสานเป็นทำนองแห่งราตรี

"อาชวน ช่วยดึงอวนขึ้นที" ลุงเหลาตะโกนมาจากท้ายเรือ น้ำเสียงแฝงความตื่นเต้น "คืนนี้น่าจะได้ปลาเยอะ ดูซิ อวนหนักมือทีเดียว"

หลิวชวนพยักหน้า มือหยาบกร้านกำราวไม้แน่น ออกแรงดึงอวนขึ้นจากน้ำ แสงจากตะเกียงน้ำมันสาดส่องให้เห็นประกายวาววับของเกล็ดปลานับร้อยที่ดิ้นกระดุกกระดิกในตาข่าย ภาพตรงหน้าคุ้นเคยแต่แปลกใหม่ในเวลาเดียวกัน ในชาติก่อนเขาเคยทำงานนี้จนชิน แต่ไม่เคยรู้สึกถึงความงามของมัน มัวแต่คิดถึงเรื่องเงินจนลืมสังเกตความมหัศจรรย์ของธรรมชาติตรงหน้า

"เห็นไหมล่ะ" ลุงเหลายิ้มกว้าง ฟันเหลืองๆ เป็นประกายใต้แสงตะเกียง "พรุ่งนี้ต้องได้เงินดีแน่ๆ"

รอยยิ้มของลุงเหลาทำให้หัวใจหลิวชวนบีบรัด เขารู้ดีว่าพรุ่งนี้พ่อค้าคนกลางจะกดราคาปลาลงต่ำกว่าปกติ อ้างว่าตลาดหลงหยางในเมืองซบเซา ความทรงจำจากชาติก่อนฉายชัดในหัว

เรือประมงลำเล็กๆ ทยอยกลับเข้าฝั่ง เสียงตะโกนเรียกและเสียงหัวเราะของชาวประมงดังก้องไปทั่วท่าเรือ แต่สิ่งที่ทำให้หลิวชวนสะดุดใจคือใบหน้าเหนื่อยล้าที่ซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มของพวกเขา

แสงอรุณเริ่มทาบขอบฟ้าทางทิศตะวันออก หลิวชวนมองเห็นเงาตึกไม้ริมชายฝั่งที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น บ้านหลังเล็กๆ ของเขาอยู่ที่นั้น ที่ที่หลี่หรงและเสี่ยวเป่ากำลังหลับใหลอย่างมีความสุข

"อาชวน! มาช่วยหน่อยสิ" เสียงเรียกของลุงเหลาปลุกให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ ชายชราในชุดกางเกงขาก๊วยสีซีดและเสื้อกล้ามเปื้อนคราบเกลือ กำลังพยายามยกตะกร้าปลาขึ้นจากเรือ

หลิวชวนรีบวิ่งไปช่วย สายตากวาดมองปลาสดในตะกร้า ความรู้จากอนาคตทำให้เขารู้ว่าปลาพวกนี้มีมูลค่ามากกว่าที่พ่อค้าคนกลางกำลังจะมาเสนอซื้อ

"ลุงครับ" หลิวชวนเอ่ยขึ้นขณะช่วยยกตะกร้า "ทำไมเราต้องขายปลาให้พ่อค้าคนกลางด้วยล่ะครับ? ราคาที่พวกเขาให้มันต่ำเกินไป"

ลุงเหลาถอนหายใจเบาๆ "จะทำยังไงได้ล่ะ อาชวน พวกเขามีรถ มีน้ำแข็ง มีทุกอย่างที่จะขนปลาเข้าเมือง พวกเราก็แค่ชาวประมงตัวเล็กๆ"

เสียงแตรรถบรรทุกดังแว่วมาจากถนนดินลูกรัง พร้อมกับแสงไฟหน้ารถที่สาดส่องมาแต่ไกล หัวใจของชาวประมงทุกคนเต้นระรัวด้วยความกังวล นี่คือสัญญาณว่าพ่อค้าคนกลางกำลังมาถึง ชาวประมงต่างรีบจัดเรียงตะกร้าปลาให้เรียบร้อย หลิวชวนสังเกตเห็นมือของลุงเหลาสั่นเล็กน้อยขณะยกตะกร้าปลาวางเรียง ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นด้วยแดดลม

รถบรรทุกสีซีดจอดสนิท ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของหวังไท่เฉิง พ่อค้าคนกลางที่ผูกขาดการซื้อขายปลาในแถบนี้ เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายทางที่ดูแพงกว่าเสื้อผ้าของชาวประมงทั้งหมู่บ้านรวมกัน

"วันนี้ปลาเยอะนี่" หวังไท่เฉิงเดินวนดูตะกร้าปลา สายตาคมกริบประเมินสินค้าอย่างรวดเร็ว "แต่น่าเสียดาย... ตลาดหลงหยางในเมืองไม่ค่อยดี ราคาตก วันนี้รับที่กิโลละสี่หยวน"

"สี่หยวน?" ลุงเหลาอุทานออกมา น้ำเสียงตกใจกึ่งไม่พอใจ "แต่เมื่อวานยังให้ราคาห้าหยวน วันนี้ปลาก็ตัวใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ดูนี่สิ สดเหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำ"

หวังไท่เฉิงยิ้มมุมปาก สายตาเย้ยหยันฉายชัด “ลุงเหลา อย่าให้ฉันต้องสอนเรื่องกลไกตลาดเลยนะ ถ้าคิดว่าราคานี้ไม่ยุติธรรม ก็เอาไปขายในเมืองเองสิ แต่ฉันไม่รับรองว่าปลาพวกนี้จะไม่เน่ากลางทางหรอกนะ"

ชาวประมงหลายคนส่งเสียงครางต่ำในลำคอ บางคนก้มหน้างุด บางคนสบตากันอย่างจนปัญญา หลิวชวนรู้สึกเลือดในกายเดือดพล่าน เขาจำได้ว่าในชาติก่อน เขาก็เคยยืนอยู่ตรงนี้ จนใจและยอมจำนนกับการถูกเอาเปรียบ

"นายใหญ่หวัง" ลุงเหลาพยายามต่อรอง น้ำเสียงอ่อนลง "อย่างน้อยก็ขอห้าหยวนเท่าเมื่อวานเถอะ พวกเราต้องจ่ายค่าน้ำมันเรือ ค่าซ่อมอวน..."

"ห้าหยวน?" หวังไท่เฉิงหัวเราะเสียงดัง "แล้วใครจะจ่ายค่าน้ำแข็ง ค่าน้ำมันรถ ค่าคนขับ? พวกแกมีรถไหม? มีน้ำแข็งไหม? มีคนรู้จักในตลาดไหม?" เขาเว้นจังหวะ มองหน้าชาวประมงทีละคน "ถ้าไม่มีฉัน พวกแกจะเอาปลาพวกนี้ไปขายได้ที่ไหน? ปล่อยให้เน่าอยู่ที่นี่เหรอ?"

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ