ตอนที่ 6: นักขายมือโปรตัวน้อย

ลู่เจียวจัดการตัดเผือกทรงเครื่องเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้ลูกค้าลองชิม ก่อนจะวางไม้จิ้มไว้ข้างกันเผื่อใครอยากชิม ลูกทั้งสองคนก็ดูมีความสุขและกระตือรือร้นที่จะช่วยขายของ พวกเขายืนอยู่หน้าร้านแล้วเริ่มร้องเรียกลูกค้าอย่างน่ารัก 

"เผือกทรงเครื่องอร่อย ๆ ค่ะ ราคาไม่แพง เด็กกินได้ ผู้ใหญ่ก็กินอิ่มท้อง ราคาแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น!" ชิงอีร้องเรียกด้วยน้ำเสียงสดใส 

มีแม่บ้านคนหนึ่งเดินผ่านมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยุดมองเด็กน้อย "แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าอร่อยล่ะหนู?" หล่อนถามอย่างหยอกเย้า 

ชิงอีไม่เสียเวลาคิดนาน หล่อนตอบกลับทันที "หนูรับรองความอร่อยด้วยตัวเอง หนูกินจนเดินไม่ไหวเลยค่ะ!" พูดจบชิงอีก็ทำหน้าอาย ๆ พลางยิ้มอย่างน่ารัก ทำให้แม่บ้านหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ 

ขณะที่ชิงอีช่วยขายของ ซีซวนก็มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านไป เขารีบเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้น 

"พี่สาวคนสวย ลองชิมเผือกทรงเครื่องของแม่ผมก่อนไหมครับ? มันอร่อยมากนะครับ ยิ่งพี่สาวคนสวยแบบนี้ เผือกทรงเครื่องของแม่ต้องดีใจมากที่ได้ทำให้พี่สาวอิ่มแล้วก็อร่อยด้วย" ซีซวนพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้ 

หญิงสาวที่ถูกซีซวนชมว่าสวยก็ดูประทับใจในความน่ารักและคำพูดหวาน ๆ ของเด็กชาย เธอหัวเราะ "ขอบใจนะหนุ่มน้อย ถ้าอย่างนั้นพี่ซื้อไปสองชิ้นแล้วกัน" หล่อนพูดพร้อมกับหยิบเงินจ่ายให้แม่ของเด็กตรงหน้า 

หลังจากนั้นไม่นาน ลูกค้าก็เริ่มทยอยกันเข้ามามากขึ้น หลายคนอยากลองชิมเผือกทรงเครื่องที่เด็ก ๆ เชิญชวน บางคนที่ชิมแล้วก็ชมว่าอร่อย และแปลกใหม่ เพราะพวกเขาไม่เคยกินเผือกแบบนี้มาก่อน 

"อร่อยจังเลย ไม่เคยกินมาก่อน มันเรียกว่าอะไรนะ?" มีลูกค้าคนหนึ่งถามขึ้นหลังจากชิมเผือกทรงเครื่องไปแล้ว 

"เผือกทรงเครื่องค่ะ มันมีเนื้อด้วยนะคะ" ลู่เจียวตอบพร้อมรอยยิ้ม 

"มีเนื้อด้วยหรือ! ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย" ลูกค้าพูดด้วยความประหลาดใจ และหลายคนก็เริ่มมุงกันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ  

ลู่เจียวกับลูกสองคนขายเผือกทรงเครื่องจนหมด ขายดิบขายดีจนเธอยังรู้สึกแปลกใจ เมื่อเก็บเงินจากลูกค้าทุกคนแล้ว ก็พบว่าเราได้เงินมาถึงสองหยวนเต็ม ๆ ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นจนยิ้มไม่หุบ  

เพราะสำหรับยุคนี้ เงินสองหยวนถือว่าเยอะมาก สามีของลู่เจียว กัวหยางที่ทำงานเป็นกรรมกรในเมืองใหญ่ ได้เงินเดือนแค่ห้าสิบหยวนเอง ไม่คิดเลยว่าการขายเผือกทรงเครื่องจะทำเงินได้ดีขนาดนี้  

ลู่เจียวรู้สึกภูมิใจที่เผือกทรงเครื่องของเธอขายหมดเร็วขนาดนี้ เด็ก ๆ ดูตื่นเต้นและดีใจที่ได้ช่วยแม่ของเขาขายของ พวกเขายิ้มและหัวเราะอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นว่ามีลูกค้ามาซื้อกันมากมาย 

"แม่จ๋า พรุ่งนี้เราจะขายหมดอีกไหมคะ?" ชิงอีถามด้วยความตื่นเต้น 

"แน่นอนจ้ะลูก ถ้าเราขยันขาย และทำของอร่อยแบบนี้ พวกเราจะต้องขายหมดทุกวันแน่ ๆ" ลู่เจียวตอบพร้อมกับลูบหัวลูกทั้งสองอย่างอ่อนโยน หลังจากเก็บของเรียบร้อย  

"แม่ครับ ถ้าเราขายแบบนี้ทุกวัน เราจะรวยแล้วใช่ไหม?" ซีซวนถามอย่างไร้เดียงสา ขณะที่ชิงอีก็ยืนอยู่ข้าง ๆ พลางมองลู่เจียวด้วยดวงตาเป็นประกาย 

ลู่เจียวยิ้มก้มลงมองลูกชาย "แน่นอนจ้ะ ต่อไปเราจะมีอาหารอร่อย ๆ กินกันทุกวัน" เธอตอบพลางบิดจมูกซีซวนเบา ๆ 

"แล้วเราจะได้มีชุดใหม่ด้วยใช่ไหมคะ?" ชิงอีถามเสริมขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกว้าง 

"ใช่แล้วจ้ะ ลูก ๆ จะมีชุดใหม่ใส่กันทั้งบ้านเลย" ลู่เจียวตอบด้วยความมั่นใจ รู้สึกดีใจที่เห็นลูก ๆ มีความสุขแบบนี้ มันทำให้เธอมีแรงสู้ต่อไปในวันพรุ่งนี้ 

หลังจากที่เผือกทรงเครื่องขายหมดเกลี้ยง เธอก็นั่งพักเหนื่อยที่แผงของป้าหวัง วันนี้พวกเราทำได้เกินคาดเลยจริง ๆ 

"ลู่เจียว" ป้าหวังเรียกพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ มองเธอด้วยสายตาที่เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง "วันนี้เธอขายของหมดเร็วมาก ทำไมไม่ทำให้มากขึ้นแล้วลองไปขายในเมืองล่ะ?" 

ลู่เจียวหันไปมองป้าหวังด้วยความประหลาดใจ "ในเมืองเหรอคะ?" เพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน การขายในเมืองเป็นสิ่งที่ดูไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกเธอ 

"ใช่แล้ว ในเมืองคนเยอะ โอกาสที่จะขายหมดก็มีมากขึ้นด้วย" ป้าหวังพูดต่อด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "พอดีป้ามีรถเข็นอยู่ ถ้าเธออยากลองไปขายในเมือง ป้าให้ยืมรถเข็นไปได้ ป้าเองก็เอาผักไปขายในเมืองอาทิตย์ละครั้งอยู่แล้ว แล้วก็พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ป้าจะไปขายพอดี อยากลองไปขายในเมืองดูไหม?" 

ลู่เจียวนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอเริ่มเป็นประกายเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ ในเมืองที่เต็มไปด้วยคนมากมายและตลาดใหญ่ การขายของที่นั่นอาจเป็นโอกาสดีสามารถทำเงินได้มากขึ้น 

"จริงเหรอคะป้าหวัง?" เธอถามด้วยความตื่นเต้น "ฉันจะไปขายในเมืองพร้อมป้าได้จริง ๆ เหรอคะ?" 

ป้าหวังหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้า "แน่นอนสิ เธอทำของอร่อยแบบนี้ ต้องลองขายในเมืองดูบ้าง อีกอย่างป้าก็อยากช่วยเธอ อย่าคิดมากไปเลย แค่ไปด้วยกัน ป้าเองก็คงช่วยได้เท่านี้แหละ" 

ลู่เจียวยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกขอบคุณ "ขอบคุณมากค่ะป้าหวัง ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี" 

"ไม่ต้องขอบคุณหรอก คนหมู่บ้านเดียวกัน มีอะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยกันไป" ป้าหวังพูดพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน "พรุ่งนี้เช้าพวกเราไปตลาดในเมืองพร้อมกัน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ก็มาเจอกันที่นี่แต่เช้าก็แล้วกัน" 

"ได้เลยค่ะ ฉันจะเตรียมตัวให้พร้อม แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้านะคะป้าหวัง" ลู่เจียวพูดพร้อมกับพยักหน้า ตกลงนัดเวลาป้าหวังอย่างดี 

ขณะที่ลู่เจียวกับป้าหวังคุยกันอยู่ ลูกทั้งสองของเธอ ซีซวนกับชิงอี ที่ยืนฟังอยู่ใกล้ ๆ ก็ได้ยินเรื่องที่จะไปขายของในเมือง เด็กทั้งสองคนดูตื่นเต้นอย่างมาก 

"แม่ครับ! ผมกับน้องก็จะได้ไปตลาดในเมืองด้วยใช่ไหมครับ?" ซีซวนถามด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาเป็นประกาย 

ลู่เจียวยิ้มก่อนจะพยักหน้า "ใช่จ้ะ พรุ่งนี้พวกเราสามคนแม่ลูกจะไปขายของในเมืองพร้อมป้าหวัง แต่ลูก ๆ ต้องสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีนะ" 

"พวกเราจะเป็นเด็กดีแน่นอนค่ะ" ชิงอีพูดพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ "หนูอยากไปในเมือง" 

ทั้งซีซวนและชิงอีกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน สำหรับเด็กสองคนนี้ การไปในเมืองเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ลู่เจียวเองก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ การขายของในเมืองเป็นความหวังใหม่ที่จะทำให้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม 

เธอหันไปมองป้าหวังอีกครั้งและกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ "ขอบคุณมากนะคะป้าหวัง ถ้าไม่มีป้าช่วย ฉันคงไม่มีโอกาสดี ๆ แบบนี้" 

ป้าหวังยิ้มแล้วตบไหล่เธอเบา ๆ "ไม่เป็นไรหรอกลู่เจียว แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ อย่าลืมเอาเผือกทรงเครื่องไปเยอะ ๆ ล่ะ" 

ลู่เจียวพยักหน้ารับคำ "ค่ะป้า ฉันจะเตรียมของให้พร้อม ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" 

หลังจากนัดเวลากับป้าหวังเรียบร้อยแล้ว เจียวลู่รู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสครั้งใหม่ที่จะมาถึง วันพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญที่เธอกับลูกจะได้สัมผัสกับการขายของในเมืองเป็นครั้งแรก 

หลังจากที่เก็บของเสร็จ ทั้งสามไปที่ร้านขายของชำของลุงฉายอีกครั้ง เธอตั้งใจไปขอบคุณลุงฉายที่ให้ติดค่าของไว้เมื่อวาน และในวันนี้ก็เอาเผือกทรงเครื่องไปฝากลุงฉายด้วยเพื่อเป็นการตอบแทน 

เมื่อพวกเราเดินมาถึงร้าน ลุงฉายยืนอยู่ที่โต๊ะเก็บเงินเหมือนเคย เมื่อเห็นเจียวลู่กับลูก ๆ เดินเข้ามา เขายิ้มรับอย่างอ่อนโยน เธอรีบหยิบเผือกทรงเครื่องออกมาจากตะกร้า 

"ลุงฉายคะ นี่เผือกทรงเครื่องที่ฉันทำ เอามาฝากลุงชิมค่ะ"  

ลุงฉายรับเผือกทรงเครื่องไปชิมแล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ "อร่อยมากลู่เจียว ทำเก่งจริง ๆ ราคาเท่าไรเหรอ”  

“โธ่! ลุงฉาย ฉันเอามาฝากถือเป็นการตอบแทนที่ให้ฉันติดเงินค่าของเมื่อวานนี้ค่ะ” 

“ได้ยังไงของซื้อของขาย เอาเป็นว่าวันนี้จะซื้ออะไรอีกไหม เดี๋ยวลุงจะลดราคาให้ก็แล้วกัน”  

"ขอบคุณค่ะลุงฉาย" ลู่เจียวตอบด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ 

ลุงฉายหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกให้หยิบของตามที่ต้องการ ลู่เจียวจึงหยิบกุนเชียง กุ้งแห้ง ข้าวสาร เครื่องเทศเพิ่มอีก ด้วยพรุ่งนี้ต้องทำเผือกทรงเครื่องไปขายในเมืองจึงต้องซื้อวัตถุดิบให้มากหน่อย โชคดีที่มีเงินสองหยวนในมือ ไม่งั้นก็คงต้องติดเงินค่าของลุงฉายอีกวันเป็นแน่ วันนี้เธอซื้อไข่ไก่ไปด้วย ไม่ลืมจะซื้อขนมเล็ก ๆ ให้ลูกทั้งสองคนอีกคนละชิ้น ซีซวนกับชิงอีดีใจมากที่ได้ขนม 

 ขณะที่ลูกของเธอได้ขนมแล้วก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ พลางมองดูลุงฉายชั่งของและคิดเงิน ลู่เจียวไม่ซื้อของไปตุนเพราะไม่รู้ว่าแม่สามีใจร้ายจะมาขโมยของที่บ้านเมื่อไร ดังนั้นเมื่อของหมดค่อยมาซื้อเอา 

เมื่อคำนวณราคาเสร็จ ลุงฉายก็ยิ้มให้พร้อมกับลดราคาตามที่สัญญาไว้ ลู่เจียวเอ่ยขอบคุณเขาหลายครั้ง ก่อนที่จะรีบเก็บของลงตะกร้าและพาลูก ๆ เดินกลับบ้าน 

เมื่อกลับถึงบ้าน วางตะกร้าลงที่โต๊ะและหันไปมองลูกที่ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ลู่เจียวรู้สึกว่าชีวิตของพวกเธอกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น วันพรุ่งนี้ จะทำเผือกทรงเครื่องไปขายอีก และหวังว่าจะสามารถสร้างชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้ 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ