ตอนที่ 18. ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ 

"เชิญชิมครับเถ้าแก่ พ่อครัวติง ผมขอแนะนำให้ชิมแบบเรียกน้ำย่อยก่อน" หลิวชวนเชื้อเชิญ พลางผายมือไปยังชุดอาหารบนโต๊ะ 

เถ้าแก่เลิกคิ้วมองหมั่นโถวปิ้งด้วยความสงสัย ในยุคสมัยที่ไม่มีใครคิดจะเอาหมั่นโถวมาปิ้ง นี่เป็นความแปลกใหม่ที่น่าประหลาดใจ 

หลิวชวนรีบอธิบายด้วยน้ำเสียงนอบน้อม "ซุปบุยยาแบสแท้ๆ ควรกินกับขนมปังปิ้งครับ แต่เพราะเราไม่มี ผมเลยคิดว่าหมั่นโถวน่าจะใช้แทนได้ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ถือวิสาสะเอามาจากหม้อนึ่ง" เขาหันไปค้อมศีรษะให้พ่อครัวติงอย่างสุภาพ 

พ่อครัวติงโบกมือยิ้มๆ "ไม่เป็นไรหรอก" 

"อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง" เถ้าแก่พยักหน้าเข้าใจ ยื่นมือไปหยิบหมั่นโถวปิ้งด้วยตะเกียบ 

"เถ้าแก่ครับ" หลิวชวนรีบแนะนำ "ใช้มือจะได้อารมณ์และรสชาติดีกว่าครับ แบบนี้..." เขาสาธิตโดยหยิบหมั่นโถวปิ้งชิ้นหนึ่งขึ้นมา จุ่มลงในซุปเบาๆ เนื้อแป้งกรอบนอกนุ่มในค่อยๆ ดูดซับน้ำซุป เขากัดคำแรก เสียงกรอบดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับรสชาติกลมกล่อมของแป้งหอมงาผสานกับน้ำซุปเข้มข้น สัมผัสที่ปลายลิ้นให้ความรู้สึกดี 

เถ้าแก่และพ่อครัวติงทำตาม เสียงครางแห่งความพึงพอใจดังขึ้นจากทั้งสองคนพร้อมกัน สีหน้าชื่นชมและมีความสุขแบบปิดไม่มิด 

"เป็นไงครับ?" หลิวชวนถามด้วยรอยยิ้มแววตาลุ้นรอคำตอบ 

"อร่อยจริงๆ" เถ้าแก่ตอบทันที "น้ำซุปเข้มข้น ไม่มีกลิ่นคาวปลา และเนื้อปลาก็หวานมาก ทั้งที่ไม่ค่อยสด" 

"ใช่ไหมครับ?" หลิวชวนรับคำ "ถ้าเราได้ปลาที่สด ก็จะดึงความหวานออกมาได้มากกว่านี้อีก" 

"ไม่น่าเชื่อว่าหมั่นโถวปิ้งจะเข้ากับบุยยาแบสได้ดีขนาดนี้" พ่อครัวติงเอ่ยชม ขณะหยิบหมั่นโถวชิ้นที่สองขึ้นมาจุ่มซุปอีกครั้งด้วยความติดใจ 

หลิวชวนยิ้มอย่างมีเลศนัย "ลองชิมอีกสองสามคำ แล้วค่อยชิมแบบจานหลักดูบ้างก็ดีนะครับ ขืนกินแต่แบบซุป เดี๋ยวอิ่มเสียก่อน แบบจานหลักผมจะได้เป็นหมันขายไม่ออกกันพอดี"  

คำพูดติดตลกของเขาทำให้ทั้งสองคนหัวเราะ ก่อนจะชิมอีกสองสามคำแล้วหันไปลองชิมแบบจานหลักบ้าง คราวนี้พวกเขากินกับข้าวสวย ไม่ลืมที่จะลองทั้งกุ้งและหมึกที่แช่อยู่ในน้ำซุป 

"แบบจานหลักก็อร่อยไม่แพ้แบบเรียกน้ำย่อย" เถ้าแก่ออกความเห็น วางช้อนลงด้วยความพึงพอใจ 

"ครับ ผมว่าคนชาติเราคงชอบแบบจานหลักมากกว่า" พ่อครัวติงเสริม ขณะตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก 

"แต่ผมกลับคิดว่า..." หลิวชวนเอ่ยขึ้นช้าๆ ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ไอน้ำบางๆ ที่ลอยขึ้นจากชามซุป "ถ้าเรามุ่งเป้าไปที่ลูกค้าสมัยใหม่ วัยทำงานและนักธุรกิจที่มีการติดต่อกับต่างชาติ ไม่ว่าจะแบบเรียกน้ำย่อยหรือแบบจานหลัก ก็น่าจะดึงดูดลูกค้าประเภทนี้ได้" เขาหยุดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหวัง "ไม่ทราบว่า แบบนี้ บุยยาแบสสามารถกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านหยูถิงได้ไหมครับ?" 

เถ้าแก่เงยหน้าขึ้นมองหลิวชวนด้วยสายตาคมกริบ ความคิดของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เขาต้องประเมินใหม่ ไม่ใช่แค่ชาวประมงธรรมดาอย่างที่คิดไว้แต่แรก แต่เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล 

"ฉันต้องยอมรับว่าบุยยาแบสของนายน่าสนใจจริงๆ หลิวชวน" เถ้าแก่พูดช้าๆ มือลูบคางครุ่นคิด "แต่การที่นายเข้ามาช่วยฉันแบบนี้ คงไม่ได้ทำด้วยใจกุศลเท่านั้นใช่ไหม? นายต้องการอะไรจากหยูถิงกันแน่?" 

หลิวชวนรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น นี่คือโอกาสที่เขารอคอย "เถ้าแก่ช่างมีความรู้กว้างขวาง" เขาค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเล่าด้วยน้ำเสียงจริงใจ "เถ้าแก่พูดถูกต้องแล้วครับ ผมต้องการความช่วยเหลือจากเถ้าแก่จริงๆ" 

เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะเล่าต่อ "อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า ผมมาจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ นอกเมือง พวกเราออกหาปลาก็หวังจะเอามาขายให้ได้ราคา" น้ำเสียงของเขาเจือความขมขื่น "ทว่าพ่อค้าคนกลางก็มักกดราคาปลาของเรา พวกเราไม่มีกำลัง ไม่มีอะไรไปต่อกรกับพวกเขา ไม่ขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่ไปรับถึงหมู่บ้าน พวกเราก็จนปัญญาที่จะเอามาขายในเมือง" 

หลิวชวนหยุดชั่วครู่ สายตาฉายแววมุ่งมั่น "ผมกับชาวบ้านอยากจะขายปลาของพวกเราโดยตรงให้กับลูกค้าในเมืองหรือตามร้านอาหาร ผมเชื่อว่าพวกเราจะได้ราคาที่ดีขึ้น และร้านอาหารก็จะได้สินค้าที่ราคาถูกลงและคุณภาพดีกว่าเดิม" 

"แต่มีอุปสรรคเรื่องการขนส่งใช่ไหม?" เถ้าแก่เอ่ยขึ้น สายตาฉายแววเข้าใจ 

หลิวชวนพยักหน้า รู้สึกราวกับเถ้าแก่มองทะลุเข้าไปในความคิดของเขา "ครับ ปัญหาใหญ่เลยของพวกผมคือการขนส่งจากหมู่บ้านมาที่ในเมือง พวกเราไม่มีคนรู้จักที่จะทำการค้าด้วย" เขาถอนหายใจเบาๆ "ขืนไปติดต่อกับคนอื่น ก็เหมือนกับเปลี่ยนจากพ่อค้าคนนี้ไปเป็นพ่อค้าคนนั้น มันไม่ได้ออกจากวงจรอุบาทว์นั่นเลย" 

"เถ้าแก่เป็นคนขายอาหาร ไม่ใช่กิจการให้บริการขนส่ง แล้วเถ้าแก่จะไปช่วยนายได้ยังไง?" พ่อครัวติงแทรกขึ้นด้วยความสงสัย 

หลิวชวนหันไปมองพ่อครัวติง ก่อนจะหันกลับมาที่เถ้าแก่ด้วยแววตามุ่งมั่น "ก็ถูกครับที่เถ้าแก่เป็นกิจการร้านขายอาหาร ไม่ใช่กิจการให้บริการขนส่ง" เขาพูดช้าๆ ชั่งน้ำหนักทุกคำ "แต่ถ้าเถ้าแก่ลองลงทุนไปติดต่อร้านอาหารแถวนี้ รวบรวมรายการใบสั่งซื้อมาส่งให้กับผมที่เป็นชาวประมงโดยตรง เถ้าแก่ก็จะได้สินค้าที่มีคุณภาพ สด ใหม่ และราคาถูกกว่าไปซื้อที่ตลาดหลงหยาง" 

"แต่ว่าฉันก็ต้องเสียเงินค่าจ้างรถบรรทุกไปรับปลาที่หมู่บ้านของนายเหมือนกันนะ" เถ้าแก่ท้วงขึ้นทันทีเมื่อเล็งเห็นปัญหาบางอย่าง 

หลิวชวนยิ้มน้อยๆ เขาเตรียมคำตอบนี้ไว้แล้ว "แต่เถ้าแก่ก็จะจ่ายเงินค่าจ้างรถบรรทุกน้อยกว่าอยู่ดีครับ" 

"มันก็ถูก..." เถ้าแก่พยักหน้า แต่แล้วก็ชี้ประเด็นสำคัญ "แต่ว่าปลาที่ได้จากหมู่บ้านของนาย มันไม่ได้รับรองว่าจะได้ตามที่ทางร้านต้องการตลอดเวลา ฉันพูดถูกไหม? ดังนั้นฉันก็มีความเสี่ยง การหาปลามันไม่มีวันไหนที่รับรองได้ว่าจะได้ปลามากน้อยแค่ไหน เป็นปลาที่ทางร้านต้องการหรือไม่ ข้อนี้นายรู้ดี" 

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวชวนหุบลงทันที เขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน ความจริงที่เถ้าแก่พูดทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสาดน้ำเย็น "มันก็ถูกของเถ้าแก่ครับ" เขายอมรับด้วยสีหน้าเศร้าลง 

เถ้าแก่มองดูชายหนุ่มตรงหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ "เอาเถอะ หลิวชวน ในฐานะที่นายช่วยฉันไว้วันนี้ ฉันก็จะตอบแทนนาย รอเดี๋ยวนะ" 

เขาเดินไปหยิบกระดาษกับดินสอ เขียนอะไรบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฉีกและเดินกลับมาที่โต๊ะ ยื่นกระดาษให้หลิวชวน 

หลิวชวนรับมาด้วยความสงสัย ก้มลงอ่านชื่อและหมายเลขร้านขายอาหารทะเลที่ตลาดหลงหยาง เขาเงยหน้าขึ้นมองเถ้าแก่ด้วยความไม่เข้าใจ 

"เขาชื่อว่า เมิ่งเทา เป็นพ่อค้าขายอาหารทะเลอยู่ที่ตลาดหลงหยาง เลขที่ 79" เถ้าแก่อธิบาย "ไปหาเขาแล้วบอกว่าฉันแนะนำไป เขาจะช่วยนายได้"

 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ