ทุกคนนั่งลงโต๊ะในห้องรับรองส่วนตัวของโรงแรม ซึ่งได้รับการจัดเตรียมอย่างประณีตและสงบ พนักงานโรงแรมยินดีช่วยดูแลรถเข็นที่พวกเธอใช้ขนของมา ลู่เจียวรู้สึกโล่งใจที่สามารถผ่อนคลายได้หลังจากการเดินทาง ส่วนป้าหวังและเด็ก ๆ ต่างตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขาเพิ่งเคยนั่งในสถานที่หรูหราแบบนี้เป็นครั้งแรก
เถ้าแก่เนี้ยยิ้มให้ลู่เจียวกับลูกของเธอ ก่อนจะเริ่มสั่งอาหารมาหลายจาน สั่งอาหารเนื้อหลากหลายชนิด ทั้งเนื้อหมูและเนื้อวัว รวมถึงอาหารทะเลด้วย โดยเฉพาะกุ้งตัวใหญ่ที่ถูกย่างเกลืออย่างดี ซึ่งเป็นเมนูเด่นของที่นี่ ระหว่างพนักงานกำลังรับใบสั่งอาหาร ไม่ลืมหันมาถาม
"เด็ก ๆ กินเผ็ดได้ไหมจ๊ะ? จะได้สั่งอาหารที่เหมาะกับพวกเขา"
ลู่เจียวหันไปมองลูกทั้งสองคนของเธอ "ซีซวนกับชิงอีกินเผ็ดไม่ค่อยเก่งค่ะ ขอเป็นรสอ่อน ๆ น่าจะดีกว่า"
เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้าเข้าใจ แล้วจึงสั่งอาหารเพิ่มเติมตามที่แขกบอก ขณะรออาหารมาเสิร์ฟอีกฝ่ายเริ่มเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
"ฉันชื่อเตียวอ้ายหมิ่น เป็นภรรยาของเจ้าของโรงงานผลิตอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้าในเมืองนี้ วันนี้ฉันพาลูกชายมาทานข้าวที่โรงแรม แต่ว่าระหว่างทาง เติ้งจือเชา เขาแอบกินขนมทั้งที่ฉันห้ามแล้ว จนขนมไปติดคอ ยังดีว่ามีเธออยู่ที่นี่ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่โชคดี"
ลู่เจียวตอบรับด้วยการพยักหน้าเธอมองหน้าเด็กที่ดูซึมเล็กน้อยหลังเหตุการณ์ได้ผ่านไป เจียวอ้ายหมิ่นคงรักลูกชายมากถึงได้แตกตื่นตอนขนมติดคอ ไม่ต่างจากเธอในตอนนี้แม้ใช้ชีวิตกับพวกเขาไม่นานก็เป็นห่วงลูกแล้ว
"ยินดีที่ได้รู้จักเถ้าแก่เนี้ย อีกอย่างฉันก็แค่ทำหน้าที่ของคนที่เห็นเหตุการณ์น่ะค่ะ" เธอตอบด้วยรอยยิ้ม"ฉันชื่อ ลู่เจียว นี่ลูกชายคนโตชื่อซีซวน อายุหกขวบ และลูกสาวชื่อชิงอี อายุสี่ขวบค่ะ"
เตียวอ้ายหมิ่นพยักหน้าอย่างเข้าใจ ลู่เจียวกล่าวต่อ "สามีของฉันทำงานที่ท่าเรือแต่เราไม่ได้ติดต่อกันมาสามปีแล้ว วันนี้ฉันแค่พาลูกมาขายเผือกทรงเครื่องตลาดในเมือง เสร็จแล้วก็กำลังจะกลับบ้าน"
เตียวอ้ายหมิ่นฟังอย่างความตั้งใจ หล่อนหันไปมองชุดที่ลูกของลู่เจียวสวมใส่ ซึ่งเต็มไปด้วยรอยปะชุนและรองเท้าที่ขาดเป็นรู จึงถามขึ้นตรง ๆ "ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับเงินที่ฉันให้? ฉันแค่ต้องการตอบแทนในสิ่งที่เธอช่วยชีวิตลูกชายของฉัน"
ลู่เจียวส่ายหน้าเบา ๆ "ฉันไม่ได้ทำอะไรมากเลยค่ะ แค่ช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ฉันเองก็มีลูกสองคนเหมือนกัน ฉันเห็นลูกคนอื่นตกอยู่ในอันตรายย่อมต้องช่วยเหลือ และไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ หรอกค่ะ โลกนี้จะไม่น่าอยู่เลยถ้าทุกคนทำอะไรเพียงเพราะหวังเงิน"
คำตอบของลู่เจียวทำให้เตียวอ้ายหมิ่นยิ้มออกมา ดวงตาของหล่อนแสดงความประทับใจอย่างชัดเจน "เธอเป็นคนที่มีจิตใจงดงามจริง ๆ ลู่เจียว ฉันไม่เคยเจอใครที่มีความคิดแบบนี้มาก่อน"
ก่อนบทสนทนาจะดำเนินต่อ พนักงานของโรงแรมก็เริ่มทยอยนำอาหารมาวางบนโต๊ะ กลิ่นหอมของอาหารหลากหลายชนิดอบอวลในอากาศ กุ้งตัวใหญ่ย่างเกลือดูน่ากินมาก รวมถึงเนื้อหมูและเนื้อวัวที่ถูกปรุงมาเหมาะสำหรับเด็ก ๆ
"อาหารมาแล้วค่ะ" พนักงานยิ้มพร้อมกับจัดจานอาหารอย่างเรียบร้อย
เตียวอ้ายหมิ่นหันไปยิ้มให้เด็กในห้องรวมถึงลูกชายของหล่อน "กินกันเถอะเด็ก ๆ ไม่ต้องเกรงใจนะ อยากกินอะไรก็หยิบเลย"
ซีซวน ชิงอี มองไปจานอาหารด้วยความตื่นเต้นแต่ก็ยังคงเกรงใจ ลู่เจียวจึงต้องกระซิบบอกพวกเขา "กินได้ ไม่เป็นไร"
ลู่เจียวเห็นว่าลูกตัวเล็กและไม่อยากให้เสีบมารยาทบนโต๊ะอาหาร ถึงได้ตักอาหารให้พวกเขาคนละเล็กน้อยเพื่อลองชิมก่อน โดยเฉพาะกุ้งย่างเกลือที่เตียวอ้ายหมิ่นสั่งมา
ชิงอีหันมามองแม่ของหล่อนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย "แม่คะ กุ้งตัวนี้อร่อยมากเลยค่ะ"
ลู่เจียวยิ้มอย่างอ่อนโยน "ถ้าอร่อยก็กินอีกเยอะๆ"
ระหว่างทุกคนรับประทานอาหาร เตียวอ้ายหมิ่นก็เล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับชีวิตของหล่อนให้ฟังอย่างไม่เป็นกันเอง หล่อนเล่าว่าชีวิตก่อนที่จะเป็นภรรยาเถ้าแก่ใหญ่ก็ไม่ได้หรูหรามากมาย หล่อนเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อน จึงเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องต่อสู้เพื่อครอบครัว
"ฉันโชคดีมากที่ได้แต่งงานกับสามีของฉัน เขาเป็นสามีที่ดี ช่วยเหลือและให้โอกาสฉันได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ฉันรู้ว่าคนเราต้องต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และฉันประทับใจมากที่เธอทำทุกอย่างเพื่อให้ลูก ๆ ของเธอมีชีวิตที่ดีเช่นกัน"
ลู่เจียวยิ้มรับกับคำเอ่ยชมของเตียวอ้ายหมิ่น "ขอบคุณค่ะ ฉันทำทุกอย่างเพื่อพวกเขา ลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน"
เตียวอ้ายหมิ่นพยักหน้าอย่างเข้าใจ "เด็ก ๆ โตขึ้นต้องได้ดีแน่ ๆ เพราะพวกเขามีแม่ที่ดีแบบนี้" หล่อนกล่าวจบหันไปมองลูก ๆ ของลู่เจียวที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหาร
ลู่เจียวรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้มิตรภาพใหม่ในวันนี้ เตียวอ้ายหมิ่นเป็นคนใจดีและจริงใจอย่างมาก พวกเธอแยกย้ายกันกลับหลังจากที่เอ่ยลาหลังมื้ออาหารจบลง
"ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยพวกเธอ อย่าลังเลที่จะมาหาฉันนะลู่เจียว ฉันยินดีช่วยเธอเสมอ" เตียวอ้ายหมิ่นกล่าวขณะที่จับมือของเธอเอาไว้
ลู่เจียวยิ้มรับตอบ"ขอบคุณมากค่ะเถ้าแก่เนี้ย ฉันจะจดจำความเมตตาของคุณไว้เสมอ"
ทุกคนกลับออกมาจากโรงแรม ลู่เจียวรู้สึกเต็มไปด้วยความหวังในอนาคตใหม่สำหรับเธอและลูก แม้ว่าชีวิตจะยังมีอุปสรรคมากมาย แต่เธอเชื่อว่าจะสามารถต่อสู้และผ่านมันไป
ลู่เจียว ป้าหวัง ลูกชาย และลูกสาว เดินไปรับรถเข็นของที่ฝากไว้กับพนักงานของโรงแรม ก่อนพากันกลับหมู่บ้าน
มาถึงตลาดในหมู่บ้านที่พวกเธอต้องแยกย้ายกันแล้ว ป้าหวังหันมาบอก "พรุ่งนี้เจอกันนะลู่เจียว เวลาเดิม เราจะไปขายของที่ในเมืองอีก เธอเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ"
"ค่ะ ป้า ขอบคุณที่ช่วยฉันในวันนี้มาก" ลู่เจียวพยักหน้า
ถือของบางส่วนออกจากรถเข็นก่อนเดินกลับบ้านตามทางที่คุ้นเคย ภาพทุ่งนาสีเขียวและภูเขาสูงไกล ๆ ปรากฏชัดในสายตา แม้วันนี้จะเหนื่อย แต่ลู่เจียวรู้ดีว่าการทำงานหนักเพื่อครอบครัวเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ มาถึงบ้านในช่วงบ่าย เด็ก ๆ ขอวิ่งเล่นรอบบ้านในขณะที่ลู่เจียวเตรียมตัวจะขึ้นเขาไปขุดเผือกเพื่อเตรียมไว้ขายในวันถัดไป
"แม่จะขึ้นเขาไปขุดเผือกอีกแล้วเหรอครับ?" ซีซวนถามขึ้นด้วยความสงสัย
"ใช่จ้ะ ลูกรอแม่ที่บ้านนะ แม่ไปไม่นาน จำได้ไหมว่าห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้า" ลู่เจียวทวนคำให้ลูกฟังพอพวกเขาพยักหน้าเธอจึงยิ้มออกมา คว้าเอาเสียมเก่ากับตะกร้าหวายออกจากบ้าน
เริ่มปีนขึ้นเขาด้วยความอ่อนล้าเล็กน้อย แต่เธอไม่มีทางเลือก หากไม่เผือกมาทำเผือกทรงเครื่องขายพรุ่งนี้ ที่บ้านไม่มีรายได้ เส้นทางคุ้นเคยพาลู่เจียวขึ้นไปยังเนินเขาที่ซ่อนป่าเผือกอันเป็นความลับ สถานที่ที่ยังไม่มีชาวบ้านคนไหนค้นพบ ผิวดินแข็งกว่าปกติเล็กน้อย เพราะเมื่อวานและวันนี้ฝนไม่ตกลงมา
กว่าจะมาถึงป่าเผือกที่เคยให้ผลผลิตงดงาม ภาพตรงหน้าทำให้ใจของลู่เจียวหล่นวูบ แม้ยังมีเผือกให้ขุด แต่จำนวนที่เหลือน้อยลงอย่างน่าใจหาย คงมีชาวบ้านมาเจอแล้วขุดไปเกือบหมด ลู่เจียวกระชับเสียมในมือ เร่งขุดดินอย่างรวดเร็วแต่ระมัดระวัง ถึงแม้ตะกร้าจะเต็มเหมือนทุกครั้ง แต่สายตาที่กวาดมองรอบป่าเผือกที่โล่งเตียนขึ้นกว่าสองวันที่แล้วที่ทำให้หัวใจหนักอึ้ง
"คงมาขุดได้อีกไม่กี่วันแล้ว" ลู่เจียวพึมพำอย่างหดหู่ ความกังวลเริ่มบีบรัดหัวใจ เมื่อเผือกหมดป่า เธอจะหาอะไรมาขายต่อ? แต่รีบสลัดความคิดนั้นทิ้ง รู้ดีว่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความกังวลก็ไร้ประโยชน์
ลู่เจียวถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะแบกตะกร้าเผือกเต็มหลังเริ่มเดินลงจากเขา
กลับมาถึงบ้านเด็ก ๆ ก็วิ่งออกมาต้อนรับ "แม่กลับมาแล้ว!" ชิงอีและซีซวนส่งเสียงเรียกลู่เจียวด้วยความดีใจ
"แม่กลับมาแล้วจ้ะ ลูกทำอะไรกันระหว่างที่แม่ไม่อยู่?"
ซีซวนตอบอย่างภูมิใจ "ผมกับน้องนอนหลับกลางวัน ชิงอีบ่นว่าเหนื่อยครับแม่"
ลู่เจียวพยักหน้ายิ้ม รู้ดีว่าวันนี้ทั้งสองตื่นเช้ากว่าปกติ แถมยังต้องเดินทางไปกลับ แม้จะนั่งรถเข็นแต่การนั่งนาน ๆ ทำให้ทั้งสองเหนื่อยล้าไม่ต่างจากเธอ
หลังจากพูดคุยกับลู่เจียวก็จัดการนำเผือกที่ขุดมาไปล้างและเอาดินออก เด็กทั้งสองเข้ามาใกล้เพื่ออยากช่วย แต่ว่าเผือกแต่ละหัวค่อนข้างหนัก เด็ก ๆ ยกไม่ไหวแน่ จึงให้ซีซวนช่วยใช้ขันตักน้ำราดแทน ซึ่งเขาก็ทำด้วยความกระตือรือร้น
"ซีซวนเก่งมากครับ ขอบใจนะลูก"
"ผมอยากช่วยแม่ทำงาน" ซีซวนตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
ลู่เจียวใช้เวลาล้างเผือกทั้งหมดจนสะอาดแล้วนำไปผึ่งไว้บนแคร่ลานบ้านเหมือนเคย ปล่อยให้ลมช่วยทำให้เผือกแห้งสนิทก่อนที่จะนำไปทำเผือกทรงเครื่องสำหรับขายในวันพรุ่งนี้
ตอนเย็นลู่เจียวเตรียมอาหารมื้อเย็นให้เด็ก ๆ ตามที่สัญญาไว้ ตัดสินใจทำหมูพะโล้กับไข่ ซึ่งเป็นอาหารที่พวกเขารอคอย พวกเขาตื่นเต้นมากเมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อหมูที่เคี่ยวกับเครื่องปรุง ลู่เจียวทำอาหารด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ ทั้งสองต้องได้กินของอร่อยหลังจากวันที่เหนื่อยล้า
"แม่ หมูพะโล้หอมมากเลย!" ชิงอีตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ นะครับ"
เด็ก ๆ กินหมูพะโล้อย่างเอร็ดอร่อย ท่าทางพวกเขามีความสุขมากที่ได้กินอาหารอร่อย ลู่เจียยมองดูพวกเขาด้วยความสุขใจ รู้สึกว่าทุกความเหนื่อยล้าที่ผ่านมามีค่าเสมอเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของลูก
หลังกินข้าวเสร็จ พวกเราสามคนแม่ลูกช่วยกันเก็บกวาดโต๊ะและล้างจาน ลู่เจียวพาลูก เข้านอน พวกเขายังคงสวมชุดเก่าอยู่ เพราะชุดใหม่ที่ซื้อมายังไม่ได้ซัก ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะซักทั้งชุดใหม่และผ้าห่มไว้ใช้ในฤดูหนาวที่กำลังจะมา
ทั้งสามนอนเรียงกันในห้องเล็กๆ บนผ้าห่มเก่าที่ปูรองนอน ลู่เจียวมองดูพวกเขาหลับตาพริ้มพร้อมเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ความเงียบสงบของค่ำคืนนี้ทำให้เธออุ่นใจ
ขณะที่นอนมองเพดาน ลู่เจียวนึกถึงวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป แม้เส้นทางข้างหน้ายังมีความท้าทายอีกมาก แต่ลู่เจียวพร้อมเผชิญกับมันเพื่อลูกๆ ที่เป็นทุกสิ่งในชีวิต ค่ำคืนนี้เราสามคนแม่ลูกหลับไปอย่างอิ่มเอมใจ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?